ตอน "มืดมิด" 2
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” จันทร์ฉัตรกัดริมฝีปากไว้แน่น บาดแผลบนร่างกายไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ แต่เธอเจ็บร้าวรานแผลเหวอะช้ำเลือดช้ำหนองในขั้วหัวใจที่ชายคนรักใช้เท้าเหยียบขยี้จนหัวใจแหลกสลายยับเยินต่างหาก
“หมอจะนับหนึ่งถึงสามแล้วคุณจันทร์ฉัตรค่อยๆ ลืมตานะครับ” คุณหมอบอกให้นางพยาบาลช่วยพยุงให้จันทร์ฉัตรลุกนั่ง
“คุณหมอ ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นอะไรเลยคะ ตาของฉันเป็นอะไรคะ?” จันทร์ฉัตรยกมือขึ้นลูบตาของตัวเอง เธอกะพริบเปลือกตาหลายครั้งทำตามที่หมอบอกเมื่อความมืดยังอยู่กับเธอ
จันทร์ฉัตรกลอกดวงตาซ้ายขวา ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ลูบคลำสะเปะสะปะไปตามที่นอน
“ทำใหม่อีกครั้งนะครับ หลับตาแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นนะครับ” ใบหน้างามซีดของคนป่วยทำให้คุณหมอสงสารจับใจ เขาไม่อยากเล่าเรื่องเลวร้ายทำร้ายหญิงสาวให้สะเทือนใจไปมากกว่านี้จึงยังไม่พูดอะไรมากนัก
“บอกฉันมาเถอะค่ะหมอ ฉะ...ฉันรับฟังได้” เรียวปากบางซีดเซียวสั่นระริกต้องเม้มเป็นเส้นตรงเมื่อน้ำตาไหลซึมเข้ามา ในเวลานี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้จันทร์ฉัตรเสียใจและอยากตายไปกว่าการได้รับรู้ว่าลูกไม่ได้อยู่ในท้องของเธอแล้ว และถ้าจะมีเรื่องโหดร้ายอีกสักเรื่อง ทำไมเธอจะแบกรับมันไว้ไม่ได้ล่ะ
“มะ...หมอเสียใจด้วยนะครับที่ไม่สามารถช่วยคุณได้ ตะ...” ‘ตาของคุณใช้การไม่ได้แล้วครับ’ ถูกหญิงสาวพูดตัดประโยค
“ฉันจะมองไม่เห็นอีกแล้ว เพราะตาของฉันบอดใช่ไหมคะหมอ...”
“...”
ความเงียบของคุณหมอเปรียบเสมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาใส่ให้ตายทั้งเป็นอีกครั้ง จันทร์ฉัตรเจ็บหัวใจ จุกแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก เธอร้องไห้ไม่มีเสียงมีเพียงน้ำใสๆ ไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้างเมื่อความมืดมิดไม่เห็นแม้แต่เงาเลือนราง เธอก็ไม่อาจเห็นมัน
“คุณจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง ถ้าผ่าตัดเปลี่ยนกระจกดวงตานะครับ” คุณหมอเห็นใจและสงสารเธอที่สูญเสียทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นลูกในท้อง ดวงตาคู่งาม มารดาล้มป่วยอาการสาหัส นอนหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียู ยังไม่พอ สามีที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายยังเลิกราเดินจากไป ชะตาชีวิตของเธอช่างโหดร้ายเกินกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะทานทนไหว
“อึกก” จันทร์ฉัตรยิ้มทั้งน้ำตา ในเวลานี้ เธอสมเพชตัวเองเหลือเกิน ใบหน้างามเศร้าหมองซีดไม่มีสีเลือดนิ่งเฉย ดวงตากลมโตหวานเยิ้มเอ่อล้นน้ำใสๆ ชำเลืองมองทางซ้ายเพื่อจะได้เห็นหน้าคุณหมอที่ยืนอยู่ฝั่งขวา
“มีคนคนหนึ่งอยากช่วยคุณนะ” คุณหมอนึกถึงเจ้าของดวงตาที่จะบริจาคให้กับหญิงสาว
“ใครหรือคะ?” จันทร์ฉัตรถามคุณหมออย่างสงสัย เธอเอียงหูฟังคุณหมอบอกให้นางพยาบาลออกไปจากห้อง
“เขาไม่ประสงค์ที่จะออกนามครับ”
เมื่อนางพยาบาลออกจากห้องไปแล้ว คุณหมอก็เอาโทรศัพท์ออกมา เข้าโปรแกรมอินสตราแกรมติดต่อหาเจ้าของดวงตาที่จะมอบให้หญิงสาว
“...” จันทร์ฉัตรเงียบ เธอไม่ตอบและก็ไม่ถาม คุณหมอจึงพูดต่อ
“ฟังเงื่อนไขจากเขานะครับ”
“เงื่อนไขอะไรคะ?” จันทร์ฉัตรขมวดหัวคิ้วจนเป็นปมผูกโบ ดวงตากลมโตคลอน้ำใสๆ ไม่ยอมกะพริบมองรอบห้อง เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี
‘พี่ฉาย’
“ฟังนะครับ” คุณหมอทำตามคำขอของคนในสาย เขาเปิดเสียงโทรศัพท์ ซึ่งจันทร์ฉัตรก็เอียงหูฟังเสียงของผู้ชายที่เธอได้ยินแว่วๆ เมื่อครู่นี้
‘ไม่ใช่เสียงของพี่ฉายนี่’ จันทร์ฉัตรสะอื้นไห้ในใจ อกขมขื่นกับชีวิตที่ไม่มีสามียืนเคียงข้างยามเธอเจ็บปวดและต้องการเขา
“ขอบคุณ คุณหมอมากนะคะ” จันทร์ฉัตรยกมือเช็ดน้ำตาคลอหน่วย เสียงสั่นเครือบอกให้คุณหมอปิดเสียงโทรศัพท์ ‘ไม่’ นี่คือคำตอบในใจ เธอยอมขายไตขายตับของตัวเพื่อแลกกับดวงตาที่เสียไปจะดีกว่าที่จะรับเอาดวงตาของคนที่กำลังป่วยใกล้ตาย
“ถ้าคุณจันทร์ฉัตรยอมรับดวงตาของเขา นั่นก็หมายถึงคุณจันทร์ฉัตรได้ช่วยให้เขาคนนั้นได้สร้างบุญก่อนจากโลกนี้ไปนะครับ ผมว่าคุณอย่าเพิ่งปฏิเสธเลยครับ” คุณหมอพยายามเกลี้ยกล่อมให้หญิงสาวตอบตกลงเพื่อจะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง
“...” จันทร์ฉัตรเงียบไม่ตอบโต้คุณหมอ คุณหมอจึงพูดต่อ
“ผมว่า คุณจันทร์ฉัตรนอนพักสายตาก่อนนะครับ” มือทั้งสองข้างของคนเจ็บสะเปะสะปะลูบที่นอนไปมา ซึ่งคุณหมอทนดูไม่ได้จึงเข้าไปช่วยพยุงให้เธอนอนแล้วห่มผ้าให้เธออย่างนุ่มนวล
“คุณหมอคะ” จันทร์ฉัตรนอนนิ่ง นัยน์ตากลมโตไหวระริกทั้งไม่ยอมกะพริบเปลือกตา เธอมองไม่เห็นหลอดไฟที่ส่องแสงสว่างไสวอยู่บนเพดาน
“ครับ” คุณหมอมองคนป่วย
“ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนคะ?” จันทร์ฉัตรปรับเสียงที่สั่นเครือให้เป็นปกติ
“นอนพักฟื้นสักสี่ห้าวัน ถ้าคุณไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อนก็คงจะกลับบ้านได้ครับ” คุณหมอทำได้เพียงแค่พูดให้กำลังใจหญิงสาวเท่านั้น
“แล้วระหว่างที่ฉันอยู่ที่นี่ สะ...” ‘สามีของฉันมาหาบ้างไหมคะ’ จันทร์ฉัตรหยุดพูด เธอหายใจแรงๆ แล้วกลืนกินคำว่าสามีเข้าไปในลำคอตีบตัน เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ในเวลานี้ ตะวันฉายไม่ใช่สามีของเธออีกต่อไปแล้ว เขาและเธอจบสิ้นกันตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาไล่ให้เธอไปเอาลูกออก ซึ่งในตอนนี้ ลูกก็ไม่ได้อยู่กับเธอ ผู้ชายใจร้ายคนนั้นคงจะสะใจสมใจแล้วสินะที่ฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ
“...” คุณหมอทำเสียงอ้ำอึ้งไม่พูดอะไร เขาไม่อยากจะโกหกในเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าแม่ของเธอมา และในเวลานี้ นางล้มป่วยนอนอยู่ในห้องดูแลผู้ป่วยหนัก
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ” ถึงจะมองไม่เห็นท่าทีของคุณหมอ เพียงแค่ได้ยินเสียงลมหายใจแบ่งรับแบ่งสู้ของเขา จันทร์ฉัตรก็รับรู้ได้ ว่าตะวันฉายไม่เคยย่างกรายมาดูแลเธอเลยสักวันเดียว จันทร์ฉัตรเจ็บหน่วงที่อก ตะวันฉายเหยียบย่ำจนหัวใจเธอช้ำเลือดกลัดหนอง เขาโหดร้ายและเลือดเย็นกับเธอมาก
