บท
ตั้งค่า

ตอน "มืดมิด" 3

“ตอนเย็นผมจะเข้ามาดูคุณอีกครั้งนะครับ ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกนางพยาบาลได้ครับ” คุณหมอกดปุ่มเรียกนางพยาบาลคนเก่าให้เข้ามา

“คุณจันทร์ฉัตรอยากเข้าห้องน้ำไหมคะ” นางพยาบาลทำหน้าหงอยๆ เมื่อถูกคุณหมอตำหนิ หล่อนเดินเข้าไปยืนข้างเตียงเอ่ยถามคนป่วย

“ขอบคุณคุณพยาบาลมากค่ะ” จันทร์ฉัตรยังไม่คุ้นเคยกับการต้องใช้หูคอยฟังแทนสายตา เธอส่ายหน้าปฏิเสธนางพยาบาล ดวงตาที่มองไม่เห็นอะไรนั้นหลับลงจนน้ำใสๆ ปริออกมาจากดวงตาไหลอาบขมับหยดลงสู่หมอน ใจจะขาดตายเมื่อใบหน้าของมารดาลอยวนเวียนให้เธอคิดถึง

“แม่ขา...จันทร์เป็นคนเลวเหลือเกินที่ทำให้แม่ผิดหวัง แม่จะรู้ไหมคะ? ว่าจันทร์กับพี่ฉาย เราไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว จันทร์ขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจ แม่จะอยู่ยังไงนะ ถ้าวันหนึ่งไม่มีจันทร์”

จันทร์ฉัตรตัดพ้อว่าตัวเองในใจ ตะวันฉายจะติดต่อบอกแม่ไหมนะ ถ้าตะวันฉายบอกแม่ ถ้าแม่รู้ข่าว แม่คงช็อกรับไม่ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ จันทร์ฉัตรได้แต่ภาวนาขออย่าให้แม่รับรู้เรื่องเลวร้ายนี้เลย…

วันเดียวกัน ที่บ้าน ‘โยธากิจ’

ในห้องรับแขกมีผู้ชายร่างกายแข็งแรงบึกบึนสูงใหญ่สมชายชาตรี เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างบานเลื่อน ดวงตาสีนิลเจ็บปวดคลอน้ำตาเมินหนีภาพเคลื่อนไหวในไอแพดไปมองดอกไม้นานาหลายชนิดที่น้องเป็นคนปลูก พวกมันเหี่ยวเฉาใกล้ตายเพราะขาดเจ้าของดูแล ช่างเหมือนเขาในเวลานี้ที่ดูเหมือนต้นไม้ใหญ่ขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงหัวใจให้ชุ่มชื้น

ชายหนุ่มหายใจไม่ออกเหมือนเขากำลังจะตาย ตะวันฉายอยากไปหาน้อง อยากโอบกอดและจูบกระหม่อมให้เธอหายเจ็บปวดและหวาดกลัวในโชคชะตาชีวิต

“พี่ขอโทษนะจันทร์ พี่ต้องการเธอและลูก พี่ต้องการที่จะอยู่กับเธอ เป็นคนดูแลเธอและลูก” ร่างน้อยเคลื่อนไหวอยู่ในไอแพด เสียงร้องไห้เหมือนคนกำลังจะหมดลมหายใจเมื่อรู้ข่าวร้ายต่างๆ ที่ทับถมจนเจ้าตัวรับไม่ได้นั้นทำให้ตะวันฉายแน่นหน้าอกมากในเวลานี้ ความหนาวเหน็บเหมือนเกล็ดหิมะเกาะกินหัวใจจนเขาต้องยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดตัวเองไว้แน่น

“คุณฉายจะเอายังไงต่อครับ?”

กาวินถามเจ้านาย ชายหนุ่มเป็นเลขาฯ ของตะวันฉาย อายุสามสิบเจ็ดปี ซึ่งอายุน้อยกว่าตะวันฉายหกปี

“...” ความเงียบที่มีเพียงเสียงถอนหายใจฮึดฮัดทำให้กาวินเงยหน้าจากไอแพดมองเสี้ยวหน้าเคร่งขรึมของเจ้านาย

“และนี่เป็นสำเนาต่างๆ ที่คุณฉายอยากให้คุณจันทร์เซ็นครับ” กาวินส่ายหน้าให้เจ้านาย เขาไม่เข้าใจ ในเวลานี้ ทำไมตะวันฉายถึงต้องการที่จะแยกทางกับจันทร์ฉัตร ทั้งๆ ที่สองคนนี้รักกันมาก

‘เจ็บหัวใจเพราะทำร้ายหัวใจตัวเอง’ กาวินว่าเจ้านายในใจ

“ขอบใจนายมากนะ วิน” ตะวันฉายเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามลูกน้อง เขาเอื้อมมือหยิบเอกสารขึ้นมาดู พอใจกับเอกสารที่ทนายประจำตระกูลทำขึ้นมาใหม่

“ตกลงคุณฉายจะย้ายไปอยู่อเมริกาจริงๆ หรือครับ?”

กาวินอยากจะถาม ว่าทำไมไม่พาจันทร์ฉัตรไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ทำไมสองคนนี้ต้องเลิกรากัน กาวินเพียงแค่คิด เขาไม่อยากจะถามเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย

“เอกสารที่จะให้ฉันดูมีแค่นี้ใช่ไหม?”

ใบหน้าคมสันเริ่มเคร่งขรึมไม่ตอบคำถามของลูกน้อง เพียงแค่จับปากกาออกแรงเซ็นก็เกิดความเมื่อยล้าทำให้ชายหนุ่มเอนหลังพิงเบาะเก้าอี้ ศีรษะที่เริ่มปวดตุบๆ นั้นเกยพนักเก้าอี้ ดวงตาสีนิลแดงก่ำพร่ามัวหลับลงเมื่อนึกถึงวันที่จะเดินจากน้องจริงๆ

“คุณฉายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมดูมือสั่น หน้าก็ซีดเหมือนคนไม่สบายล่ะครับ” กาวินมองตะวันฉาย ทำไมช่วงนี้ เจ้านายของเขามีอาการแปลกๆ บางทีก็มีเลือดออกจมูกโดยไม่รู้ตัว บางทีก็หน้ามืด อาเจียนไม่มีสาเหตุ แต่ทำได้เพียงเก็บความสงสัยไว้ในใจ และเมื่อไม่มีคำพูดหลุดจากปากตะวันฉาย กาวินจึงพูดต่อ

“และนี่เป็นสำเนาถูกต้องที่ทนายความทำขึ้นมาใหม่ บ้าน รถ และโฉนดที่ดินพร้อมสมุดธนาคารเป็นชื่อของคุณจันทร์ คุณฉายจะให้ผมเป็นคนจัดการเอาไปให้เธอเซ็นยอมรับ หรือว่าจะจัดการเองครับ” กาวินเอาเอกสารอีกชุดออกมาจากกระเป๋า วางไว้บนโต๊ะ

“นายมีเรื่องอะไรอีกไหม?” ตะวันฉายเซ็นสำเนาทุกชิ้น เขาเซ็นมอบอำนาจกิจการหลายอย่างให้กาวินดูแลกิจการแทนเขา และเซ็นเอกสารอีกชุดที่เป็นของจันทร์ฉัตร

“ผมไม่เซ็นไม่ได้หรือครับ” กาวินมองปากกาในมือ ไม่อยากจะเซ็นยินยอมรับหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกของเจ้านาย

“เซ็นเถอะ ฉันไว้ใจนาย” ตะวันฉายลุกขึ้นยืน เดินไปที่โต๊ะทำงาน เขายืนหันหลังให้กาวิน ใบหน้าคมสันแดงก่ำเพราะกลั้นความเจ็บปวดตรงกลางศีรษะ มือเริ่มสั่นขณะเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบเอากล่องเล็กๆ ออกมา

“นี่คุณฉายไม่สบายหรือครับ?” กาวินไม่รู้ว่ายานั้นเป็นยาอะไร แล้วทำไมตะวันฉายต้องกินเข้าไปทีเดียวตั้งสี่เม็ด

“ฉันอยากพักผ่อน นายจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” ตะวันฉายแน่นหน้าอกจึงหายใจแรงๆ เข้าออก เขาเมื่อยล้ามาก มือทั้งสองข้างเกาะขอบโต๊ะไว้แน่น

“หน้าคุณซีดมากเลยครับ” กาวินมองเสี้ยวหน้าของเจ้านาย

“ฉันคงเครียดเรื่องงานน่ะ นายก็เห็นว่าช่วงนี้ฉันงานยุ่งแค่ไหน เลิกเซ้าซี้ถามนั่นถามนี่สักทีได้ไหม ฉันไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่ได้เป็นอะไรสิ” ตะวันฉายเสียงเข้มบ่นให้ลูกน้อง

“คุณฉายจะพักไม่ใช่หรือครับ ห้องนอนอยู่ชั้นบนนะครับ” ก็คงจะจริงอย่างที่เจ้านายพูด เพราะช่วงนี้ ตะวันฉายทำงานหนักมาก ไม่เว้นแม้วันอาทิตย์ ชายหนุ่มก็หมกตัวอยู่ที่ห้องทำงานตะวันฉายเป็นลูกชายคนเดียวของ ‘คุณทนงศักดิ์ กับ คุณ

อำภา โยธากิจ’ พวกท่านทั้งสองก่อตั้งบริษัทค้าเพชร มีร้านขายอยู่หลายแห่งในประเทศไทย และหลังจากที่พวกท่านทั้งสองวางมือ ตะวันฉายตอนนั้นอายุยี่สิบห้าปี เขาก็รับช่วงดูแลกิจการของครอบครัวแทนพวกท่านทั้งสองที่ย้ายไปอยู่ที่ประเทศอเมริกา จนตอนนี้ เขาก็อายุสี่สิบสองปี ตะวันฉายต้องทุ่มเททำงานอย่างหนักให้กับบริษัทของตระกูลเจริญเติบโตขึ้นยิ่งกว่าพ่อแม่ของเขาทำมา

“ช่วยจัดการให้ฉันด้วยนะ” ตะวันฉายหายใจแรงๆ ปรับระดับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันหน้าไปมองลูกน้องที่เดินตามหลัง

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณฉายกับคุณจันทร์มีเรื่องไม่เข้าใจอะไรกัน แต่ถ้าคุณฉายเจ็บปวดมากก็อย่าฝืนความรู้สึกตัวเองเลยครับ กลับไปหาหัวใจของตัวเองเถอะครับ”

เสียงถอนหายใจแรงๆ ของเจ้านายทำให้กาวินมองหน้าตะวันฉาย แล้วเขาก็พูดต่อ

“ผมเชื่อว่าคุณจันทร์ก็เจ็บปวดไม่ต่างอะไรไปจากคุณหรอกครับ และคุณจันทร์คงจะรอคุณอยู่ กลับไปปลอบขวัญและดูแลหัวใจของกันและกันดีกว่านะครับ” กาวินรับหนังสือเดินทางมาถือไว้ เขาเห็นในแววตาของเจ้านายมีแต่จันทร์ฉัตร แต่แปลกใจจริงๆ ทำไมตะวันฉายจะต้องทำร้ายหัวใจของตัวเองและคนที่ตัวเองรักด้วยนะ กาวินได้แต่ตั้งคำถามในใจ

“นายรีบๆ จัดการเรื่องที่ฉันบอกให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ฉันอยากเดินทางก่อนสิ้นเดือนนี้” ตะวันฉายเหลือบตามองลูกน้อง กาวินเป็นคนดีซื่อสัตย์มาก ถ้าตายแทนได้ ชายหนุ่มรุ่นน้องก็คงทำ ซึ่งความภักดีนี้ทำให้ตะวันฉายไว้ใจกาวินในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องของการเงิน เขาก็ไว้ใจให้เลขาฯ หนุ่มจัดการ

“กลับไปตอนนี้ก็ยังทันอยู่นะครับ ถ้าขืนคุณฉายช้ากว่านี้ คุณอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าคุณจันทร์อีกเลยก็ได้นะครับ”

เสียงของกาวินทำให้ตะวันฉายเดินหนีไปยืนตรงตู้โชว์ แววตาสีเข้มหวั่นไหวเหมือนหัวใจของตัวเองที่เต้นอย่างแรง มองมือของตัวเองที่กำลังลูบสัมผัสใบหน้างามของน้องในกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะโชว์

‘ใช่! นายพูดถูก ฉันกลับไปหาจันทร์ตอนนี้ยังทัน เพราะฉันรู้ว่าจันทร์กำลังรอฉันให้ไปปลอบขวัญเธอ’ ตะวันฉายตอบคำถามลูกน้องในใจ

“ไปหาคุณจันทร์เถอะครับ อย่าฝืนหัวใจของตัวเองเลย”

กาวินอยากให้เจ้านายไปหาจันทร์ฉัตรก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับไปใช้ชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศอย่างถาวร

“พี่รักเธอเพียงคนเดียวนะจันทร์ฉัตร...พี่รักเธอ อยากกอด อยากหอม อยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ”

คำพูดของกาวินทำให้ตะวันฉายพูดเสียงสั่นอยู่ในลำคอตีบตัน ดวงตาสีเข้มกักกลั้นน้ำตาแห่งความร้าวรานไม่ให้ไหลจนแดงก่ำ เขาไม่อาจทนมองรอยยิ้มสดใสของน้องที่อยู่ในรูปได้จึงเดินหนีไปยืนตรงหน้าต่าง

“พี่คิดถึงเธอ ใจพี่จะขาดตายอยู่แล้ว จันทร์” ตะวันฉายกลืนกินเสียงสะอึกลงคอแหบแห้ง จุกและแน่นหน้าอกมากเวลานี้ เขาหันมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมิด เปรียบเสมือนหัวใจของเขาที่ดำดิ่งมืดบอด มองหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้เลย

ตะวันฉายใจร้าวแตกละเอียดเมื่อต้องตัดสินใจที่จะจากน้องไปจริงๆ ทั้งที่ยังรัก…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel