คงต้องรับสมัครมือเบสอีกครั้ง
“ถึงเวลาไปทำงานแล้วสินะ” ตะวันฉายมองตัวเลขที่เข็มนาฬิกา ชายหนุ่มต้องถึงที่ทำงานให้ได้ก่อนหกโมงเย็นเพื่อเตรียมตัวจัดคิวเพลงลงเมนูทั้งสองช่วง
ปกติหน้าที่นี้จะเป็นคิงกับสายลมช่วยกันทำ แต่วันนี้ เขาไม่มั่นใจว่าสายลมจะมาหรือเปล่า เพราะหลังจากที่บอกว่าจะลาออกเมื่อคืนก่อนพอเล่นจบเขาก็แยกกลับบ้านโดยที่ไม่ได้คุยกัน แต่ก็ยังไม่ได้มือเบสคนใหม่ เพราะมันฉุกละหุก วันนี้ก็เป็นวันที่ 2 แล้วนับจากการประกาศรับสมัครสมาชิกผ่านโซเชียลตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า
เมื่อรถจอด ขณะที่เขาเอื้อมมือไปจะเปิดประตู ก็มีคนหนึ่งเปิดประตูรถอีกคันที่จอดอยู่ฝั่งขวาของเขาออกมา เขาชักมือดึงประตูรถตนเองกลับตะวันฉายรอให้ผู้ชายคนนั้นเดินผ่านไปก่อน ชายหนุ่มคนนั้นใส่กางเกงสกินนี่เข่าขาดและเสื้อยืดสีดำ แบกถุงสีดำใส่เครื่องดนตรีประเภทสาย ตะวันฉายเพิ่งสังเกตว่ารถยนต์คันนี้มันคุ้นๆ จึงหันกลับไปมองตามอีกครั้ง
“นั่นมันกีตาร์นี่นาเขามากับใคร” แล้วตะวันฉายก็นึกได้ว่ารถที่จอดอยู่ข้างๆ เป็นรถของกีตาร์เอง ปกติรุ่นน้องไม่ค่อยเอารถยนต์มาเพราะเขาบอกหาที่จอดยาก
ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถ ล็อกประตูแล้วเดินตามหลังทั้งสองคนไปจนทั้งคู่เปิดประตูเดินตามกันเข้าด้านใน
“ตะวัน” ชายหนุ่มหันมองตามเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง เป็นคิงนั่นเอง เขาหยุดยืนรอเพื่อนที่กำลังวิ่งเหยาะๆ เข้ามา
“ว่าไงคิง นายได้คนไหม”
“กีตาร์บอกมีคนหนึ่งนะ เป็นเพื่อนที่เคยเล่นดนตรีด้วยกันตอนมัธยมปลายจนเข้ามหาลัย เห็นว่าว่างงานตอนกลางคืนพอดี และกำลังหาอะไรทำ”
“อ้าว แล้วตอนกลางวันเขาทำงานอะไรล่ะ”
“แคชเกมกับเขียนนิยายมั้ง เหมือนนายนั่นแหละ”
“เฮ้ยจริงเหรอ”
“อื้ม..เห็นว่าเป็นนักเขียนนิยายวายมาระยะหนึ่งแล้ว พอได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แล้วก็อยากมาทำงานตรงนี้เพื่อหาข้อมูลไปเขียนหนังสือ”
“อ้าวแล้วเขาจะอยู่กับพวกเรานานไหมล่ะ” ตะวันถาม
“ถามเขาดูสิ” คิงเปิดประตูห้องพักนักดนตรีเข้าไปพอดี
“พี่คิง พี่ตะวัน มาแล้วเหรอครับ นี่เพื่อนผมเองชื่อ พฤกษา”
“สวัสดีครับ เรียกผมว่าพฤกษ์ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้รุ่นพี่ในวง
“สวัสดีครับพฤกษ์” คิงและตะวันฉายกล่าวทักทาย
“นี่พี่ตะวันฉาย เป็นหัวหน้าวง ส่วนพี่คิงเป็นรองหัวหน้านะพฤกษ์” กีตาร์แนะนำเพิ่ม พลางผายมือไปยังทั้งสองคนให้เพื่อนได้รู้ว่าใครเป็นใคร
“คิงฝากนายทำคิวเพลงหน่อยนะ ฉันขอคุยกับเขาหน่อย”
“ได้เพื่อน”
“งั้นวันนี้ขึ้นซ้อมเลยนะครับ ถ้าสายลมมาอาจจะต้องซ้อมพร้อมกันวันนี้น้องอาจไม่ได้เล่นเต็มที่นะ แต่ว่าเรื่องค่าแรงเดี๋ยวเอาของพี่ไปก่อน ถ้าสายลมไม่มาเมื่อไหร่น้องถึงจะได้เต็มทั้งค่าแรงและทิป”
“ครับผม”
“ที่นี่เขาจ่ายเงินแบบวันต่อวันนะสำหรับนักดนตรี วันต่อวันคือ เราเล่นเย็นวันนี้ เย็นวันพรุ่งนี้เขาจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ หักค่าใช้จ่ายรวมทิปแล้วก็ประมาณ 800-900 บาทต่อคืนซึ่งวันไหนทิปเยอะก็ได้เพิ่มขึ้นอีก แต่ถ้าวันไหนทิปน้อย ก็จะไม่เกิน 900 แต่รับรองไม่ต่ำกว่า 800”
“ครับ”
“น้องมีบัญชีใช่ไหมครับ หรือพร้อมเพย์ก็ได้ เสร็จงานคืนนี้พี่จะโอนเงินเข้าให้ แล้วถ้าเราตกลงรับงาน พี่จะเอาเอกสารของน้องไปยื่นฝ่ายบุคคลให้” ตะวันฉายแจกแจงรายละเอียด
“มีครับพี่ตะวัน ผมเอามาเผื่อไว้อยู่นะครับ”
“แล้วเรื่องเวลางานกีตาร์บอกน้องแล้วใช่ไหมครับ”
“บอกแล้วครับ”
“งั้น ก็ดีแล้ว”
แกร๊ก “สวัสดีทุกคน” สายลมกล่าวทักทายและก้าวเข้าห้องพักตามหลังมาด้วยปั๊บผู้มากความสามารถกับเครื่องดนตรีประกอบ
“ลมนี่พฤกษา วันนี้ฉันขอให้น้องขึ้นซ้อมพร้อมนายนะ”
“ได้สิ สบายอยู่แล้ว” สายลมกล่าว
“งั้นเราขึ้นซ้อมกันเถอะคิวเพลงเสร็จพอดี คงซ้อมยาวหน่อยนะเพราะต้องซ้อมให้น้องด้วย แต่ว่าไม่ต้องเครียดนะพฤกษ์ทำใจให้สบาย” คิงบอก
“ครับผม”
การซ้อมดนตรีแบบรวดเดียวผ่านไปชั่วโมงกว่าตอนนี้ก็ทุ่มครึ่ง ยังเหลือเวลาอีก 30 สิบนาที ตะวันก็ขอออกมาสูดอากาศด้านนอก
สายลมและคิงก็ตามออกมานั่งพักด้วย ไม่นานนักตะวันฉายก็เห็นบุคคลที่เขาคุ้นตาเดินตัวสูงโด่งเด่นมาแต่ไกล ตัวเขาเอง สูง 183 ก็ว่าสูงแล้ว แต่ว่าตัวรติกาลเจ้านายของเขาสูงตั้ง 190 สำหรับคนเอเชียหรือชายไทยแล้วส่วนสูงของรติกาลนั้นก็ถือว่าสูงมาก แล้วจากนั้นไม่นานนักตะวันฉายก็เห็นผู้หญิงสวยคนนั้นเดินจับมือถือแขนผู้หญิงสวยอีกคนนำหน้ารติกาลมา
“ตายละวา สายลมเห็นพวกเขาแน่ๆ เมื่อวานเธอไม่มา เขาอยู่เล่นเบสให้ได้ถึงสองรอบ แต่ถ้าวันนี้สายลมดันเจอเธอมากับคุณกาล เขาไม่เล่นสักเพลงแน่” ความคิดของชายหนุ่มวิ่งวนไปทั่วสมองและหัวใจที่เป็นห่วงความรู้สึกของสายลม
“ฉันเข้าข้างในก่อนนะ” คิงบอก
“เออฉันไปด้วย” ว่าแล้วลมก็เดินตามคิงเข้าด้านใน
พอทั้งสองเดินพ้นประตูไป รติกาลก็เดินออกมาจากมุมที่บังตาพอดี เขาหันไปดูเพื่อนให้แน่ใจว่า ทั้งสองคนเข้าไปกันหรือยัง
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว” เขานึกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่เป่าลมที่แน่นอยู่ในอกออกจากปาก
“อ้าว ตะวันฉาย นั่งพักเหรอ” รติกาลทักขึ้น
“ครับคุณกาลสวัสดีครับ” เขาลุกขึ้นพลางยกมือไหว้ “ผมกำลังจะเข้าไปพอดีครับ”
“อ๋อ ถ้างั้นพี่รบกวนตามเจ้าตี๋ออกมารับออเดอร์อาหารด้านนอกให้หน่อยนะ”
“ครับ ได้ครับ”
“เชิญครับที่รัก คุณจีนส์” นั่นคือสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินกับหูและเห็นอยู่กับตา ว่ารติกาลนั่งลงข้างผู้หญิงที่เขาเห็นเมื่อ 2 วันก่อน ทั้งสองคนช่างเหมาะสมกันจริงๆ ตะวันฉายรีบเปิดประตูเข้าด้านใน ก็เห็นตี๋ยืนเสิร์ฟอาหารช่วยเพื่อนอยู่หน้าเวที
“ตี๋ๆ” เขาเดินเข้าไปใกล้เด็กเสิร์ฟ “ครับพี่ตะวันมีอะไรเหรอครับ”
“คุณกาลเรียกให้ไปหาอยู่ด้านหน้าผับ อ้อ อย่าบอกเรื่องนี้กับสายลมนะ พี่ขอ” แล้วเขาก็เดินจากไปเพื่อเตรียมตัวขึ้นเวที ทิ้งตี๋ที่กำลังมองตามหลังเขาไว้แบบงงๆ