บทที่ 3
อ่าวน้ำเมา จังหวัดกระบี่ เป็นสถานที่ซึ่งยังไม่ได้รับการสนใจจากนักท่องเที่ยวมากนัก มีเพียงหมู่บ้านชาวประมง และยังไม่มีสถานบันเทิงใดๆ ทำให้การพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป อ่าวน้ำเมาไม่ได้มีชายหาดที่สวยและน่าสนใจเหมือนอ่าวอื่นๆ ในจังหวัด เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบพักผ่อน สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง
แม้ว่าจะค่อนข้างเงียบเหงาจากนักท่องเที่ยว แต่คนที่นี่ก็ดำเนินวิถีชีวิตไปอย่างราบรื่นตามแบบที่ตกทอดมายาวนาน ดีเสียอีก ในข้อที่ว่า วิถีชาวบ้านยังไม่ถูกแทรกแซง ความสวยงามในแบบของการดำเนินชีวิต ที่ดำเนินไปแบบพึ่งพิงกันและกัน ไม่ได้ตักตวงเงินตราจนทำให้ขาดความสุขในวิถีของส่วนนี้ไป
ความเจริญบางทีก็พัดพามาซึ่งทั้งความสุขและความทุกข์ไปพร้อมๆ กัน สุขในสิ่งที่จับต้องได้ แต่ต้องทุกข์ ในสิ่งที่เป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้
พื้นที่เกือบสิบไร่ติดชายหาดของครอบครัว ฤทธิ์ทะเลไกล ก็ไม่ได้เอาไปพัฒนาต่อยอดทางการท่องเที่ยว ยังคงทำอาชีพแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นงานของปู่ย่า ซึ่งเป็นคนกระบี่ตั้งแต่กำเนิด แม้ว่าลูกหลานจะไปเติบโต มีครอบครัวอยู่ภูมิลำเนาอื่นก็ตามที แต่งานฟาร์มหอยมุก อาชีพนี้นั้นตกเป็นมรดกสืบมา และผืนที่ดินนั้น ก็ไม่ได้บอกขาย หรือเอาไปทำอย่างอื่น
และตอนนี้งานนี้กำลังตกทอด ต่อยอดมายังทายาทของครอบครัวอย่างอันดามัน ที่อาสาแทนพี่ชายซึ่งประสบอุบัติเหตุขาหัก จำต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีกนาน เขากำลังเบื่อๆ และอยากจะหาอะไรทำ พอบิดาเสนองานนี้ขึ้นมา อันดามันก็ตอบตกลงทันที
ความที่เป็นคนน่ารัก ไม่ถือตัว ขี้เล่นนิดๆ ของนายหัวอันดามัน ทำให้คนงานและชาวบ้านรักเขามาก ถึงกับจะเข็นให้นายหัวอันดามันลงรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านทั้งที่เขามาอยู่ไม่ถึงสามเดือน นายหัวอันดามันชอบช่วยเหลือคน สนุกกับการไปช่วยคนนั้นคนนี้หาปลาบ้าง ไปหัดซ่อมอวนบ้าง กระทั่งไปช่วยเลี้ยงเด็กเป็นพี่เลี้ยงครูจำเป็นก็ยังทำ ชายหนุ่มเป็นคนไฮเปอร์ อยู่นิ่งไม่เป็น พอเรียนรู้งานและทำให้มันเข้าที่เข้าทางแล้ว เวลาว่างเขาก็มีอยู่บ้าง เลยทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยอย่างสนุก
เขาไม่เหมาะกับการทำงานนั่งโต๊ะอย่างที่มารดาบอกไว้กับบิดาจริงๆ นั่นแหละ งานน่าเบื่อแบบนั้น สลับกับพี่สิมิลันดีแล้ว กิจการของครอบครัวในตอนแรกที่ฤกษ์คิดจะให้เขาทำก็คือโรงแรมที่อ่าวนาง เพราะเขาไปร่ำเรียนทางนี้มาโดยตรง แต่สุดท้ายอันดามันกลับเลือกที่จะมาทำงานที่ฟาร์มมุกแห่งนี้แทน มันเข้าทางเขาเลยล่ะ กับชายหนุ่มผู้รักธรรมชาติ และชอบความเป็นอยู่ง่ายๆ แบบเขา
สิมิลันคงจะเฮแน่นอน ถ้าเกิดเขารับงานนี้แทนเสียในที่สุด เพราะพี่ชายของเขาบ่นกระปอดประแปดประจำ เวลาต้องมาคุมงาน บ่นว่าเงียบเหงา น่าเบื่อ ขนาดมาแค่เดือนล่ะอาทิตย์ ไม่ได้อยู่โยงยาวแบบเขาตอนนี้ พี่ชายของเขาชอบแสงสี ชอบความบันเทิง ชอบสังคมแบบนั้น ตรงกันข้ามกับอันดามันผู้เป็นน้องชาย
อันดามันตกลงใจแล้วว่า จะคุยกับบิดาเรื่องงานนี้ ว่าเขาจะอยู่ฟาร์มมุกยาว ไปช่วยงานที่โรงแรมบ้างบางคราว และร้านจิลเวอรี่บางครั้ง เขาชอบที่นี่มากจริงๆ และคิดว่าจะอยู่มันไปได้ตลอด พี่ชายผู้ชอบโลกแห่งสังคม คงจะบอกว่าเขาเพี้ยนไปแล้ว ที่มาหมกอยู่กับกลิ่นปลาทะเล น้ำทะเล ท้องฟ้า ทราย ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ แต่คำว่าไม่มีอะไรมากมาย น่าเบื่อของพี่ชาย สำหรับอันดามันแล้ว มันมีแต่สิ่งที่สวยงาม และมีแต่ความสนุกสนานมากในแต่ล่ะวัน
วันนี้หลังจากเสร็จจากงานในตอนเช้า อันดามันก็มานอนเล่นพักผ่อนอยู่ใต้ร่มต้นมะพร้าว ซึ่งเป็นที่ประจำของเขา เปลญวนถูกผูกไว้ระหว่างต้นมะพร้าวสองต้น ริมหาดที่มองเห็นทะเลทอดยาวไปไกล เรือประมงหลายลำกลับเข้ามาหลังจากที่ออกหาปลาในตอนรุ่งสาง วิถีชีวิตที่เขาพบเห็นทุกวัน และไม่เคยเบื่อ
ชายหนุ่มกางหนังสืออ่านอย่างเพลิดเพลิน นิยายสืบสวนจากนักเขียนคนโปรดที่เขาสั่งมาจากเว็บอเมซอน ข้อดีของการออนไลน์ก็คือ เขาสามารถซื้อหาของอีกทวีปของโลกได้อย่างง่ายดาย แม้จะอยู่บนเกาะแบบนี้ อันดามันยังติดที่จะอ่านหนังสือแบบเล่มกระดาษ ทั้งที่ตอนนี้การอ่านแบบอีบุ๊คกำลังเป็นที่นิยม การพลิกหน้าแต่ล่ะหน้า สัมผัส ลูบคลำเล่มหนังสือได้จับน้ำหนักของมัน เป็นเสน่ห์อีกอย่างของการอ่านหนังสือ ที่อันดามันไม่อาจจะเปลี่ยนความชอบได้ ถึงโลกจะก้าวไกลไปเป็นการอ่านแบบอิเลคทรอนิคแล้วก็ตามที
“นายหัว นายหัวครับ เอาปลาหมึกไหม?”
เสียงเอ่ยทักดังขึ้น ทำให้อันดามันลดหนังสือลง แล้วหันไปตามเสียงเรียก คนเรียกคือชายร่างเล็ก ผิวคล้ำตามแดดและลมที่แรง แกชูพวงปลาหมึกให้เขาดู แล้วยิ้มจนเห็นฟันที่แหว่งไปสองซี่
“เหลือขายหรือตาก่ำ”
“ไม่ได้เหลือขายนาย กะจะเหลือมาให้นายนั่นแหละ ตัวใหญ่ๆ ปิ้งท่าจะอร่อย เดี๋ยวผมจะให้อีย้อยมันทำน้ำจิ้มมาให้”
“ดีๆ จะได้มีกับข้าวตอนเที่ยง อ้าว...แล้วเมียลุงไม่ใช่ป้าจันรึ”
นายหัวหนุ่มทำหน้าซื่อ ตาปริบๆ แถมทำเสียงดังจนคนแถวนั้นบางคนหันมามองตาก่ำ เล่นเอาแกรีบวิ่งปราดมาหาเขา แล้วทำตาถลึงใส่
“นายหัว!”
“ล้อเล่นวันล่ะนิด จิตแจ่มใสน่ะตาก่ำ ใครใช้ให้ตาก่ำเสน่ห์แรงกันล่ะ อิอิ”
“โอย...นายหัวอย่าล้อเล่นอย่างนี้ อีจัน...มันก็แค่เคยชอบกันตอนสาวๆ ตอนนี้ผัวมันตาย มันก็เลยเหงาไม่มีเพื่อนคุย ก็แค่มาก๊งๆ กันกับผมเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรกั๊น เดี๋ยวเมียผมได้ยินก็ดึงหูยานหรอก”
“เสียงสูงขนาดนี้ ไม่มีอะไรใช่มะ”
นายหัวอันดามันว่า ตาก่ำยิ่งหูตาแดง แล้วทำเหมือนจะเต้น นายหัวขี้อำเลยรีบโบกมือ แล้วหัวเราะขำ ตาก่ำมองเขาตาคว่ำ ทำงอนเหมือนจะไม่ให้ปลาหมึกเสียแล้ว
“นายหัว”
“ล้อเล่นๆ หึๆ เห็นกินเหล้าด้วยกันบ่อยๆ ก็นึกว่าจะเอยกันเสียแล้ว นึกว่าตาก่ำจะรับเข้าบ้านอีกคน”
“โอย...คนเดียวก็จะตายห่าแล้ว เบื่อฟังมันบ่น จิกกันยิ่งกว่าไก่อีก เอามาอีกคน หูคงหนวกพอดีนาย ไม่เอาๆ”
“รักหรอกจึงหยอกเล่นน่า”
นายหัวหนุ่มว่า แล้วรับพวงมาหมึกมาจากตาก่ำ หน้าของเขายิ้มกริ่มเลยทีเดียว นัยน์ตายาวรีคู่นั้นแพรวพราวไปด้วยประกายระยับ ด้วยแววขี้เล่น เขาชอบหยอก ชอบอำคนเป็นนิสัย แถมชอบแกล้งเอาเสียด้วยนิดๆ หน่อยๆ นี่เป็นนิสัยที่น่าหยิกอีกอย่างของนายหัวอันดามัน
“หยอกแบบนี้ไม่ไหว ใจมันพรือโฉ้”
“ฮ่าๆ”