บทย่อ
หอมรัก บุกมาที่อ่าวน้ำเมา หวังจะให้นายหัวอันดามันรับผิดชอบลูกในท้องของน้องสาวเธอ ทว่า คนซวย 2019 อย่างหอมรัก ไม่รู้ว่าที่นี่ กำลังมีอะไรรอเธออยู่ เมื่อแรกเห็นสาวตัวเล็กตาแป๋ว ที่มาขอพบเขาทั้งที่ไม่เคยรู้จัก แถมยังหาว่าเขาไปทำน้องเธอท้องอีกด้วย เขาไปทำอะไรแบบนั้นตอนไหนกัน? มิจฉาชีพแน่ๆ ล่ะแม่คุณ หึ หึ หึ นายหัวขี้แกล้งระดับห้าดาว กำลังมีอะไรสนุกๆ ให้ทำแล้วสินะ เธอจะต้องเข็ดการเป็นสิบแปดมงกุฏไปเลยล่ะ ยัยตัวร้าย “ไม่ตบแล้ว” หอมรักว่า แล้วทำตาเขียวใส่เขา “ใครจะไปกล้าตบนายหัวอันดามันกันล่ะคะ” “อูย...รู้แล้วเหรอครับ” เขายิ้มแหย ขณะที่หอมรักโมโหกลับมาอีกวูบล่ะตอนนี้ เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันนะ นี่เขารู้มาตลอดเลยสินะ! รู้ทั้งรู้ก็ยังหลอกเธอใช่ไหม! “รู้แล้ว! โอ๊ย นี่นายรู้มาตลอดใช่ไหม ว่าอะไรยังไง แล้วทำไมนายถึงได้หลอกให้ฉันอยู่” หอมรักทำตาโตเมื่อเริ่มลำดับเหตุการณ์ทั้งหมด เขาแกล้งเธอ! นี่เขาแกล้งเธอใช่ไหม “คือ” “นี่แนะๆๆ คนบ้า อีตาบ้า ตายเสียเถอะ!” พอโมโหเข้าหอมรักก็เริ่มทั้งทุบทั้งตบเขาอีกรอบ โดนหนักๆ เข้าอันดามันก็ครางอ่อย เขารวบมือเธอไว้ทั้งสองข้างชูขึ้นเหนือหัว กดตัวเธอไว้ด้วยตัวเขาจนเธอแทบจะจมเตียง เสียงทุ้มกระซิบขู่ “หยุดนะ หยุดได้แล้ว ถ้าไม่หยุดผมจะปล้ำ!”
บทที่ 1
หยาดฝนพร่ำพรมลงมาในช่วงเช้าค่อยซาลงบ้าง หลังจากที่ตกกระหน่ำหนักมาแล้วทั้งคืน พายุพัดมาในช่วงฤดูมรสุม สำหรับชาวกรุงแล้วมรสุมเหมือนจะแกล้งให้ฝนจำเพาะต้องมาตกเวลาออกจากบ้านไปทำงาน และตกเวลาเลิกงาน บางทีมีแถมก็คือออกมากินข้าวเที่ยง ทำให้ขลุกขลักกันไปหมด
พระพิรุณให้พรอีกตามเคยวันนี้ แถมตรงเวลาเป๊ะคือหกโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ซาลงสักที หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับเครื่องยนต์ ถึงกับปาดเหงื่อและปิดกระโปรงรถ เธอตบฝากระโปรงรถคันเก่า ที่รับใช้กันมานาน ก่อนจะบ่นพึม
“เฮ้อ...มาเสียอะไรวันนี้กันนะ สงสัยจะต้องซ่อมใหญ่ล่ะหนนี้ เปิดดูก็ปรกติดีทุกอย่าง แล้วทำไมสตาร์ทไม่ติด”
บ่นกับตัวเองไปพลาง ก็พยายามเดินไปสตาร์ทอีกหน เจ้ารถอายุเกือบครบบวชของเธอคันนี้ก็ส่งเสียงเพียงสะอึก แล้วก็เงียบฉี่
หอมรักกอดอก มองเจ้ารถอย่างหมดปัญญา เมื่อวานนี้เธอขับมันลุยน้ำขังเข้ามาในบ้าน อ้อ...เรียกให้ทันสมัยอย่างเป็นทางการก็น้ำรอการระบายนั่นเอง มันคงจะเกิดอะไรเป็นแน่แท้ ถึงได้นอนตายสนิทแบบนี้ วันนี้เธอคงจะไม่มีปัญญาฝ่าฝนออกไปทำงานแน่ๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วก่อนเงินเดือนออกเสียด้วย...
“พี่เอ๋ วันนี้หอมขอลางานวันหนึ่งนะคะ”
“เอ้า...เป็นอะไรไปล่ะ”
ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ใช่หอมรัก ก็คงโกหกพกลมไปล่ะว่า ป่วย ไม่สบาย บลาๆ แต่นี่คือหอมรัก เธอจึงตอบหัวหน้างานไปตามตรง
“รถของหอมเสีย ออกไปทำงานไม่ได้อะพี่เอ๋ นอนตายสนิทเลย”
“เรือของหล่อนน่ะเหรอ”
รถของหอมรักถูกตั้งฉายาให้ว่าเรือ เพราะเสียงเวลาสตาร์ทเครื่อง และออกตัวของมันนั่นเอง ก็รถโตโยต้า โคโรล่า รุ่นเก่ากึ๊กขนาดนี้ สิบล้อวิ่งสวนไม่แยกชิ้นนี่ ก็ถือว่ารถของเธอทนทานและเทพสุดๆ แล้วที่อยู่มาได้ขนาดนี้
“ค่ะ”
“นั่งแท็กซี่มาสิยัยหอม วันนี้งานเยอะนะ”
“คือว่า...”
คนตรงเผงเคร่งครัดในศีลอย่างหอมรัก ตอบอีกฝ่ายตามตรง ทั้งที่แก้มแดงขึ้นมานิดๆ เพราะความละอาย
“หอมเหลือตังค์แค่ร้อยยี่สิบเองพี่เอ๋ ออกไปไม่ได้หรอกค่ะ ค่าแท็กซี่ไม่น่าจะพอ”
“โธ่...”
ถึงจะสงสารลูกน้อง แต่เรื่องอะไรอันธิกาจะยอมเอ่ยปากบอกให้อีกฝ่ายยืมเงินกันเล่า วันก่อนวันเงินเดือนออกเสียด้วย เย็นนี้เธอก็ต้องกินมาม่าเหมือนกันนั่นแหละ
“เฮ้อ...หยุดไปก็ได้นะหอม แต่พี่จะต้องหักเงิน แล้วเอาเงินไปใช้อะไรนักนะเราน่ะ เห็นประหยัดจะตาย...”
อันธิกาเริ่มบ่นยาว ว่าด้วยการใช้เงินให้เป็น ก่อนจะวางสาย หอมรักถอนใจเฮือกใหญ่ เธอล้มตัวลงนอนแผ่หลาตรงโซฟาตัวเก่า มองไปรอบๆ บ้านหลังเล็ก ที่ตนอยู่มาแต่เล็กแต่น้อย ตอนนี้ทุกอย่างดูสมกับอายุของมัน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือน ฝาผนัง พื้นกระเบื้อง ที่ดูเก่าแก่ไปตามอายุการใช้งาน แต่ทุกสิ่งสะอาดสะอ้าน บอกถึงการดูแลเป็นอย่างดี
ทาว์เฮ้าส์หลังเล็กขนาดห้าสิบตารางวาของครอบครัว ใจศรัทธา อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในย่านนนทบุรี ตอนแรกมีเพียงหมู่บ้านเดียวตั้งอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ทวีความแออัดขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลา หอมรักอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด จนตอนนี้อายุยี่สิบแปดปีแล้ว เห็นความเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ที่พัฒนามาเรื่อยๆ ตามเวลาที่หมุนไป
ตอนแรกครอบครัวเธอพร้อมหน้า พ่อแม่ ลูกสาวสองคน ที่เอกชัยตั้งชื่อให้คล้องจองกัน เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจความเป็นโซ่ทองระหว่างเขาและภรรยา คือ หอมรัก และสัญญามั่น เอกชัยกำลังก้าวหน้าในอาชีพการเป็นตัวแทนประกันภัยของเขา แต่แล้ววันหนึ่ง วันฝันร้ายของครอบครัวก็มาเยือน เมื่อเขาและภรรยา ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตคาที่ เมื่อไปรับลูกสาวในวันจบการศึกษาของหอมรัก
เด็กสาวอายุเพียงสิบห้าปี จบเพียงแค่มัธยมสาม ถึงกับเคว้ง เมื่อขาดพ่อและแม่ แถมยังไร้ญาติสนิทใดๆ มีเพียงน้องสาวที่อายุห่างกว่าห้าปี เป็นเพื่อน และเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เงินประกันที่บิดาทิ้งไว้ให้ก้อนโต ทำให้หอมรักพาสัญญามั่นเรียนกันมาได้จนจบในระดับปริญญา อ้อ...ต้องพูดว่าหอมรักคนเดียว ส่วนแม่น้องสาวตัวแสบนั้น หนีไปเรียนสายอาชีพ ซึ่งกว่าจะจบ ปวช ก็หนักหนาสาหัสแล้ว ตอนนี้กำลังเรียนต่อในระดับปริญญาตรีอีกหนหลังจากหยุดเรียนไปสองปี
หอมรักหางานทำได้ เป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง สัญญามั่นยังใช้เงินของเธอในการเรียน และมักจะมีเรื่องเดือดร้อนมาขอเงินพี่สาวเพิ่มเติมอยู่เนืองๆ เงินเก็บของหอมรักเรียกได้ว่าเก็บเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เพราะเรื่องเดือดร้อนของแม่น้องสาวตัวแสบนั่นแหละ
บ้านจะต้องซ่อมแซมอีกหลายจุด ท่อประปาที่เพิ่งจะแตก แอร์ก็ถึงกาลอวสานอายุการใช้งานอันยาวนานของมัน รายจ่ายยุบยั่บไปหมด ทำให้หอมรักเครียดมาก เธอเพิ่งจะจ่ายค่าช่างไป นี่รถเจ้ากรรมก็มาเสียอีก ไม่รู้จะต้องจ่ายอีกเท่าไหร่ แอร์นั้นเลิกพูดถึงไปก่อน นอนเป่าพัดลมไปแทน รอโบนัสปลายปีก่อนค่อยไปผ่อนซื้อเอา หญิงสาวเริ่มวางแผนในใจ
เมื่อไม่ได้ไปทำงาน หอมรักก็เปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีอ่อน กับกระโปรงยาว เป็นเสื้อยืดเก่าๆ กางเกงขาสั้น เธอมองดูตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นถึงหญิงสาวร่างเล็ก สูงเพียงร้อยห้าสิบสองเซนติเมตร ผมยาวประบ่า ล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตากลมโตใสของคนที่มองตอบกลับเธอมา เป็นสายตาที่มักจะฉาบความกังวลไว้นิดๆ สีหน้าของเธอดูเหนื่อยล้า นั่น! รอยตีนกาหรือเปล่านี่ หอมรักเบิกตาโต แล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้กระจกอีกนิด เธอชอบขมวดคิ้วบ่อยๆ ทำให้เกิดร่องรอยบริเวณนี้ ไหนจะใต้ตาอีก โอย...ตายแล้วหอมรัก
“เฮ้อ...ไม่มีอารมณ์จะมารักสวยรักงามล่ะฉัน เงินจะซื้อครีมแก้ตีนกาคงไม่มี เอาว่านหางจระเข้หน้าบ้านมาทำครีมใช้เองดีกว่าไหมเรา โอย...จะทำยังไงดีนะ เงินจ๋าเงิน”
ร่างบางล้มลงนอนแปะมาโซฟาตัวเดิมอีกหน เมื่อเดินลงมาจากชั้นสอง ก่ายหน้าผากคิดหนักว่า เธอควรจะทำอะไรดี เพื่อจะเพิ่มเติมรายได้ ติดหนักที่ไม่มีทุนนี่แหละ
ตอนแรกหอมรักทำงานนอกเวลาคืองานรับนวดจับเส้น เพราะเคยไปเรียนมาทางนี้ วันหยุดก็ไปรับจ๊อบนวดพอได้ร้อยสองร้อย แล้วก็สะสมเงินไว้เรื่อยเพื่อเป็นทุนทำขนมฝากลูกค้านวดจับเส้นรายหนึ่งที่เป็นคนขายอาหารในมหาวิทยาลัยให้ช่วยเธอขาย ขายดีเลยล่ะ จนทำแทบไม่ทัน เก็บหอมรอมริบได้เป็นเงินก้อน ทว่า...ก็แม่น้องสาวตัวดีนั่นแหละไปทำเหตุมา ทำให้เธอต้องยกเงินก้อนนี้ให้ไป กำลังรวบรวมเงินทุนเพื่อจะทำอีกครั้ง
แต่เพราะค่าใช้จ่ายรุมเร้าการเก็บเงินทุนเลยไม่มี มีแค่เงินพอกินไปวันๆ เท่านั้น ไหนจะติดหนี้เขาไว้อีกต่างหาก ล่าสุดหอมรักต้องกู้เงินนอกระบบ ทั้งที่ไม่คิดจะทำมาก่อน เพื่อเอาไปให้น้องสาว และกำชับบอกสัญญามั่นว่า นี่ก้อนสุดท้ายแล้วนะที่จะให้
ดูเหมือนแม่น้องรักจะมีแต่เรื่องเดือดร้อนเสียจริงๆ
หลับตาแล้ว ภาพของหญิงสาวร่างโปร่ง ที่สูงกว่าเธอ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ก็แวบขึ้นมาในมโนนึก หอมรักไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นคนสวยหรือน่ารักอะไร เพราะถูกเปรียบเทียบมาตลอดกับสัญญามั่น น้องสาวที่ดูเด่น ดูดีกว่าเธอไม่ว่าผิวที่จะขาวกว่า ใบหน้าสวยหวานน่ารักกว่า สัญญามั่นเวลายิ้มจะมีลักยิ้มและเขี้ยว ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ ส่วนหอมรักหน้าตาธรรมดาๆ เมื่อเทียบกับน้องสาว เธอมีจุดเด่นคือตาสีน้ำตาลที่โตเป็นประกาย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรโดดเด่น
ขนาดผมของหอมรักก็ยังเป็นสีน้ำตาลชี้ฟูนิดๆ เพราะไม่ค่อยมีน้ำหนัก แม่น้องสาวผมสีดำสนิทราวกับนกกาน้ำ พลิ้วไหวสลวย เออน่ะ...เกิดเป็นพี่ดันเหมือนรุ่นทดลองทำก็แบบนี้ คิดแล้วก็ให้น้อยใจเบาๆ แต่ก็น้อยใจแค่ช่วงแวบเพราะเคยชิน จะอย่างไรแล้ว หอมรักก็รักน้องสาวของเธอมาก แม้ว่าสัญญามั่นจะขยันก่อเรื่องไม่หยุดก็ตามที
นี่ก็หายไปสองสามเดือนแล้ว ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง
เสียงกดออดรัวๆ หน้าประตู ทำให้หอมรักที่กำลังคิดเหม่อไปไกล สะดุ้งสุดตัว เธอกะพริบตาปริบๆ แล้วรีบเหลือบมองดูปฏิทิน วันนี้ยังไม่ถึงกำหนดจ่ายนี่นา ไม่น่าริไปเอาเงินกู้นอกระบบมาเลย ถึงจะดอกร้อยล่ะยี่สิบต่อเดือนก็เถอะ แต่ก็ชวนผวาจริงๆ ฮือ...
มาตอนนี้ก็มีให้ร้อยยี่สิบล่ะ
หอมรักคิดในใจ เพราะร้อยวันพันปีเธอไม่ใคร่มีแขก ไปรษณีย์เธอยังให้ส่งที่ทำงานด้วยซ้ำ แล้วใครมากดออดกันนะ เมื่อเปิดประตูออกไป ร่างเพรียวที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้านนั้น ก็ทำให้เธอตาโต แล้วอุทานออกมาอย่างแสนดีใจ
“มั่น! โอ๊ย! มายังไงล่ะนี่ คิดถึงมาก”
ฝ่ายนั้นยืนทำหน้าซีด น้ำตาคลอแล้วเต็มที เมื่อเธอเร่งเดินไปเปิดประตูรั้ว ทันทีที่ประตูเปิดออก ร่างของน้องสาวก็โผเข้ามาหากเธอ แล้วร้องไห้โฮ หอมรักถึงกับตัวแข็งด้วยความตกใจ กับปฏิกิริยาของน้องสาว
“พี่หอม พี่ต้องช่วยมั่นนะ ฮือๆๆๆๆๆๆ”