ตอนที่ : 9 ตัดขาดพ่อลูก 3
‘คุณแม่มือใหม่จะเครียดแล้วเหรอนี่’
เจนเนตรยังจำคำพูดของพี่สาวที่ชวนเธอมาอยู่เป็นเพื่อนในวันนั้นได้ สายสัมพันธ์กับเจ้าตัวน้อยนี่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่อยู่ในท้องของมารดาแล้ว
‘มาจับท้องพี่เร็วซอ น้องวินกำลังดิ้นใหญ่เลย’
‘ตั้งชื่อแล้วเหรอพี่ซู’
‘ใช่ เด็กชายวินวินชื่อเต็ม’
‘โอ๊ะ ถีบมือซอด้วย นี่น้าซอเองน้าน้องวิน เดี๋ยวไม่กี่วันเราจะได้เห็นหน้ากันแล้วน้า’
‘ดิ้นใหญ่เลยซอสงสัยจะอยากเจอน้าเร็ว ๆ’
‘นั่นสิคะพี่ซู ต้องออกมาเป็นเจ้าตัวยุ่งของพวกเราแน่’
‘ซอพี่อยากฝากอะไรกับซอหน่อย’
‘ฝากอะไรคะ’
‘พี่อ่านเจอว่ามันมีโอกาสเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ร่างกายพี่เองก็ไม่ได้แข็งแรงมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ซอรับปากได้ไหมว่าจะเลี้ยงน้องวินแทนพี่’
‘อย่าพูดแบบนี้สิพี่ซอ ไม่เอา ๆ ไปอ่านอะไรมาเนี่ย สมัยนี้การแพทย์เรามาไกลแล้วนะคะ ไม่พูดไม่คิดนะคะ’
‘พี่ก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ อย่าซีเรียนน่ายัยซอ’
คำพูดเผื่อของเจนนภัทรในวันนั้น ได้เกิดขึ้นจริงในสองวันถัดมา เจนเนตรรู้สึกเหมือนโลกถล่มลงมาต่อหน้า ไม่เคยคิดว่าพี่สาวคนดีของตัวเองจะจากโลกนี้ไปเร็วแบบนี้ เร็วจนทุกคนตั้งรับไม่ทัน
‘ซอเลี้ยงน้องวินให้พี่ซูแล้วนะคะพี่ซูไม่ต้องห่วง ซอจะเลี้ยงจนกว่าจะมั่นใจว่าทุกอย่างโอเคนั่นแหละถึงค่อยจากไป’
นักรบยังดื่มหนักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เจนเนตรเริ่มจะทำใจได้แล้ว ว่าเขาคงสามารถทำใจให้ยอมรับความสูญเสียได้ในเร็ววันนี้แน่ หลังมารดากลับไปได้หนึ่งวันหญิงสาวก็โทรกลับไปหาบิดา และขอโทษท่านในเรื่องที่ทำลงไป ทว่าสิ่งที่ได้รับตอบกลับมานั้นทำให้หัวใจของคนเป็นลูกเจ็บปวดเป็นที่สุด
“ถ้าแกเลือกมันแกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อยัยซอ !”บิดาของเจนเนตรโกรธจนประกาศตัดขาดพ่อลูกกันทันที ไม่ยอมรับเรื่องที่เจนเนตรจะต้องไปเป็นเมียของนักรบ
“พ่อคะอย่าทำแบบนี้สิคะ ตึ๊ด !” เจนเนตรร้องไห้ออกมาหลังบิดาตัดสายเธอทิ้ง หญิงสาวรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่คิดว่าจะยากเย็นแสนเข็นถึงเพียงนี้
ฝั่งนายกฤษณ์ที่เพิ่งวางสายจากลูกสาวนั้น ถึงกับกำหมัดแน่นอย่างคนโมโหสุดขีด เจนนภัทรว่าทำเจ็บแสบไว้แล้ว เจนเนตรยิ่งทำเรื่องเลวร้ายหนักไปกว่าเดิม อีกทั้งตัวต้นเหตุยังเป็นผู้ชายคนเดียวกันอีก คนที่พรากลูกสาวคนแรกไปจากเขาแบบไม่มีวันกลับคืนมาอีกด้วย ยิ่งคิดหัวใจของชายสูงวัยก็ปวดร้าวไปทั้งทรวง
“พี่สาวน้องสาวได้ผัวคนเดียวกัน รู้ไปถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น ยัยซอมันเอาส่วนไหนคิดทำไมมันปล่อยตัวแบบนี้ล่ะคุณเจน” นายกฤษณ์หันไประบายใส่ภรรยา
“ลูกพลาดไปแล้วค่ะคุณกฤษณ์ คุณจะโวยวายให้ได้อะไรขึ้นมา ฉันให้คุณโทรไปคุยกับน่านคุณก็ไม่โทรไปเองนี่คะ นั่งพูดอยู่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี” คนเป็นภรรยาประชดสามีเล็กน้อย
หลังจากกลับมานางเจนจิราก็เล่าทุกอย่างให้สามีฟังโดยละเอียด นายกฤษณ์ก็เอาแต่โวยวายไม่ยอมท่าเดียว และไม่คิดจะติดต่อไปคุยกับนักรบให้รู้เรื่องอีกด้วย สุดท้ายแล้วเจนเนตรต้องเป็นคนโทรมาและก็อย่างที่เห็นถึงขั้นตัดขาดพ่อลูกกันเลยทีเดียว
“ผมไม่โทรหรอกคุณเจน แค่หน้ามันผมยังไม่อยากเห็นเลย มันเกิดมาเพื่อทำลายครอบครัวเราจริง ๆ”
เหตุผลที่นายกฤษณ์โกรธนักรบจนแทบไม่อยากมองหน้า เพราะในอดีตนั้นเจนนภัทรหนีงานหมั้นที่บิดามารดาเลือกคู่หมั้นให้ ไปอยู่กับนักรบที่ไร่ชาแบบไม่บอกกล่าวกันเลย ผ่านไปสองปีหญิงสาวไม่กลับมาเยี่ยมบิดามารดาที่บ้านอีกเลย มีแค่โทรมาสอบถามมารดาบ้างในเทศกาลสำคัญ ส่วนทางบ้านนี้ก็มีแค่เจนเนตร ที่แวะเวียนไปหาพี่สาวที่บ้านของนักรบ บุพการีทั้งสองท่านก็ไม่คิดแวะเวียนไปเยี่ยมเจนนภัทรที่โน่นเหมือนกัน กลายเป็นความบาดหมางซึมลึกอยู่ในใจ
“เรื่องของยัยซูมันผ่านไปแล้ว ลูกก็จากเราไปแล้วด้วยคุณก็อย่าไปรื้อฟื้นถึงมันอีกเลยค่ะ ส่วนเรื่องยัยซอลูกก็ทำพลาดไปแล้วเหมือนกันเราแก้ไขอะไรไม่ได้ คิดในแง่ดีอย่างน้อยยัยซอก็ยังได้เลี้ยงหลาน เรายังมีโอกาสได้เห็นหน้าหลานอยู่นะคุณกฤษณ์ นี่เห็นไหมซอส่งรูปน้องวินมาให้ดูตั้งหลายรูป” คนเป็นภรรยาพยายามหาข้อดีมาแย้ง ซึ่งหากเจนเนตรไม่ได้อยู่นั่นนักรบก็คงไม่มีทางส่งรูปหลานมาให้ตากับยายได้ดูแน่
“นี่ไง ๆ เห็นไหมคุณกฤษณ์น่ารักน่าชังมากเด็กคนนี้” นางเจนจิราปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือเลื่อนรูปให้สามีดู
“ลูกไม่รักดีมันน่านัก” แทนที่นายกฤษณ์จะหันมามองรูปหลานชาย กลับเดินหนีขึ้นบ้านไปอย่างโมโห
“เฮ้อ แก่แล้วยังคิดไม่ได้อีกนะคุณกฤษณ์” นางเจนจิราไม่รู้จะทำอย่างไรดีในเรื่องนี้ เมื่อเจนเนตรพลาดไปแล้วจะไปเรียกร้องอะไรคืนมาได้ หวังก็แต่จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นักรบจะไม่ใจร้ายกับลูกสาวคนนี้ของตนจนเกินไป
ที่บ้านบนเขาของนักรบเจนเนตรยังคงสะอื้นไห้เบา ๆ หลังวางสายจากบิดาไปได้สักพักใหญ่ ๆ หญิงสาวไม่คิดว่าท่านจะโกรธหนักถึงเพียงนี้ อึดใจต่อมามารดาของเธอจึงโทรศัพท์มาพูดคุยด้วย
“ซอเป็นไงบ้างลูก” เสียงทักถามของมารดาทำให้เจนเนตรปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
“แม่คะพ่อเขาเกลียดซอแล้ว พ่อเขาฮือ ๆ ตัดขาดพ่อลูกกับซอไปแล้วฮะฮือค่ะแม่” เสียงร่ำไห้ปานคนใจจะขาด ทำให้นักรบที่เดินมาหยิบของในห้องครัวต้องหยุดชะงัก แล้วยืนฟังอยู่หลังเสาต้นใหญ่อย่างเงียบ ๆ