3 จับกดบนโต๊ะทำงาน
พายรับคำก่อนจะมองตามร่างสูงไปด้วยใจที่หวาดหวั่น เดาใจอีกคนไม่ถูกเลยว่ามีเรื่องอะไรกับเธอ หรือแค่จะเรียกไปเพื่อทำตามใจตัวเองเหมือนเมื่อวานอีกก็ไม่รู้ คนตัวเล็กหยิบเอาแฟ้มที่อยู่ใกล้ๆติดมือไปด้วยเพื่อให้เหมือนว่าเป็นเรื่องงาน เธอเดินตามไปช้าๆขณะที่ในใจนั้นระแวงไปหมดเพราะไม่รู้ว่าต้องเจอกับหมอพอร์ชเวอร์ชั่นไหน นอกจากเธอแล้วคนที่นี่คงไม่มีใครรู้ ว่าหมอพอร์ชที่อบอุ่นแสนดีคนนั้น ยังมีอีกหลายด้านที่ไม่เคยมีใครได้เห็น และคงมีแค่เธอคนเดียวที่ได้อภิสิทธิ์นั้นแม้จะไม่ต้องการเลยก็ตาม
“มีอะไรให้พี่ทำคะ”
พายถามทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องพักของหมอพอร์ช ห้องเย็นฉ่ำที่ทำเอาคนเข้ามาหนาวเหน็บจนอยากออกไปไวๆ หมอพอร์ชเป็นคนขี้ร้อนมากๆและชอบฟังเพลงจนต้องเปิดคลอเบาๆตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และเพราะเสียงเพลงพวกนั้นเลยทำให้อีกคนดูเป็นผู้ชายที่ใจเย็นและอบอุ่นขึ้นมาอีกด้วย ทั้งที่เธอรู้ดีกว่าใครว่าไม่จริงเลย…
“ล็อกประตูด้วยครับ”
คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานสั่งออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไร้รอยยิ้มอบอุ่นอย่างก่อนหน้า และแววตาก็เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธที่ทำเอาพายเริ่มหวาดหวั่นในใจ เธอรวบรวมความกล้าก่อนจะก้มหน้าพูดด้วยเสียงสั่นๆอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“รีบสั่งมาเถอะค่ะ”
“แน่ใจนะครับ ว่าจะให้พอร์ชสั่ง”
คนตัวสูงใช้นิ้วเคาะเบาๆลงบนโต๊ะจนเกิดเสียง และมันบีบหัวใจของพายที่ยืนฟังทุกจังหวะจนต้องเรียกชื่ออีกคนอย่างเว้าวอน เธอไปทำอะไรให้ปีศาจในตัวคนคนนี้ตื่นขึ้นมาอีกนะ
“หมอพอร์ช…”
“เดินมานี่ครับ”
“นี่มันที่ทำงานนะคะ พี่ต้องรีบกลับ…”
พายรีบเอางานมาอ้าง แต่ยังไม่ทันจบประโยคหมอพอร์ชก็ขัดขึ้นมาด้วยเสียงที่เข้มขึ้นทันที
“อย่าให้พูดซ้ำ”
“หมอพอร์ช เราคุยกันแล้วนี่คะว่าที่ทำงานจะไม่ทำแบบนี้”
พายเอ่ยท้วงอย่างอ้อนวอน แต่สองขากลับเดินไปหาคนที่นั่งไขว่ห้างเท้าคางอยู่อย่างไม่มีทางเลือก พอเดินไปถึงร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วกระชากเธอเข้าหาตัวแรงๆจนต้องเอามือยันอกแกร่งเอาไว้
“ทำไมครับ กลัวใครจะรู้นักเหรอว่าโดนเอาในห้องตรวจ”
คนตัวโตก้มลงกระซิบที่ใบหูขาว พลางกระชับแขนรัดเอวบางเข้ามากอดแนบแน่น พายโกรธขึ้นมาจนหน้าแดงก่ำก่อนจะเรียกอีกคนเสียงดังอย่างลืมตัว
“หมอพอร์ช!”
“อย่ามาขึ้นเสียง”
“อ๊ะ!”
พายร้องออกมาเมื่อถูกจับให้คว่ำหน้าลงกับโต๊ะทำงาน บั้นท้ายงอนงามภายใต้ชุดพยาบาลที่เข้ารูปถูกอีกคนทาบทับลงมาจนสำผัสได้ถึงความแข็งแกร่งใต้เนื้อผ้าชั้นดีของกางเกงสแลคสีดำนั่น หมอพอร์ชโน้มตัวลงทาบไปบนแผ่นหลังเล็กของพาย มือหนาจับใบหน้าเล็กให้หันมาหา ส่วนอีกข้างกำลังลูบไล้อยู่ที่ขาอ่อนของพาย ใบหน้าหล่อยื่นไปใกล้ใบหูอีกคนแล้วถามด้วยเสียงดุดัน
“ได้ข่าวว่าไปเจอไอ้เพื่อนเก่านั่นมาเหรอ”
“พะ พี่แค่บังเอิญไปเจอกันตอนซื้อข้าว”
พายตอบเสียงสั่น ร่างกายร้อนวูบไปหมดเพราะถูกกดทับทั้งตัว แถมมือที่ร้อนผ่าวนั่นก็ลูบไล้วนเวียนตรงขาเธอไม่หยุด ไม่คิดเลยว่าการได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมเมื่อวานจะทำให้หมอพอร์ชโกรธแบบนี้ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าทุกการใช้ชีวิตของเธอไม่เคยรอดพ้นจากสายตาของอีกคนได้เลย
“เหรอครับ งั้นได้ชวนมันขึ้นไปกินกันบนห้องมั้ยล่ะ”
“พอร์ช! พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ อ๊ะ จะทำอะไร!”
พายขึ้นเสียงด้วยความโกรธ ก่อนจะต้องร้องออกมาอย่างตกใจที่กระโปรงถูกมือหนาถกขึ้นมากองไว้บนเอว
“ทำให้รู้ไงว่าพี่เป็นของใคร พี่พายจะได้ไม่ลืมตัวอีกไงครับ”
หมอพอร์ชกระซิบเสียงพร่าชิดใบหูขาว มือหนาบีบขยำบั้นท้ายงอนงามใต้แพนตี้ตัวน้อยแรงๆ และก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปกว่านั้น เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
“พอร์ช พอร์ชคะอยู่มั้ยบีเข้าไปได้รึเปล่า”
หมอพอร์ชผละออกจากคนตัวเล็กอย่างหงุดหงิด ร่างสูงจิ๊ปากพลางเสยผมแรงๆด้วยความขัดใจ ขณะที่พายลนลานถอยออกมาจัดเสื้อผ้าทรงผมให้เข้าที่แล้วรีบเดินออกไปเปิดประตูห้อง
“อ้าวพี่พายก็อยู่เหรอคะ”
คนมาใหม่มองพายอย่างสงสัย ก่อนจะมองเลยไปทางหมอพอร์ชที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
“เอางานมาให้หมอพอร์ชค่ะ กำลังจะกลับพอดีเลยค่ะหมอบี”
พายปั้นยิ้มจืดเจื่อนให้หมอรุ่นน้อง ก่อนจะรีบถอยให้หมอบีเดินเข้าไปในห้อง
“เห็นล็อกประตูไว้นึกว่าพอร์ชอยู่คนเดียวซะอีกค่ะ”
“พี่น่าจะเผลอกดล็อกตอนเข้ามาน่ะค่ะ”
พายแก้ตัวก่อนที่หมอพอร์ชจะพูดขึ้นมาเพื่อหยุดคำถามน่าอึดอัดพวกนั้นแทนเธอ
“เข้ามาสิ มีธุระอะไรแต่เช้าเหรอ”
“แหม่ ทำอย่างกับว่าไม่มีธุระจะเข้ามาไม่ได้งั้นแหละ”
หมอบีเดินเข้าไปหาหมอพอร์ชทันที ทำเอาพายเผลอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“แล้วไง มีธุระอะไรครับ”
“เย็นนี้ไปทานข้าวที่บ้านบีนะคะ คุณพ่อฝากชวนมา”
“กะทันหันจัง”
“เพื่อนคุณพ่อจะมาเยี่ยมด้วยน่ะ เลยอยากให้พวกเราไปทำความรู้จักไว้เห็นว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลด้วย”
“ก็ได้ครับ”
“ค่อยน่ารักหน่อย”
เสียงพูดคุยกับเสียงหัวเราะนั่นหายไปจากการรับรู้ทันทีที่พายปิดประตูลง เธอไม่ได้หันไปมองแต่ก็รับรู้ได้ถึงความสนิทสนมระหว่างคนทั้งคู่ ความสนิทสนมแสนพิเศษแบบที่เธอเองก็ไม่อาจแทรกเข้าไปได้ คนที่เติบโตมาด้วยกันทุกช่วงเวลา แถมยังเป็นคนที่ถูกวางไว้ให้คู่กันมาตั้งแต่แรกไปจนถึงอนาคตในอีกไม่นานนี้ เธอที่เป็นแค่ของเล่นคั่นเวลาจะเอาอะไรไปสู้ได้
“พี่พาย โดนหมอพอร์ชดุอะไรมารึเปล่าคะทำไมหน้าซีดจังเลย”
“เปล่าค่ะ พี่แค่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”
พายฝืนยิ้มแล้วแก้ตัวออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้คนอื่นมาจับสังเกตอะไรเธอมากนัก แค่นี้เธอก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว
“ทำไมไม่ลาหยุดสักวันล่ะคะ พี่พายไม่เคยหยุดเลยนี่นาแถมยังมาเข้าเวรแทนคนอื่นบ่อยๆด้วยหนูรู้นะ”
“พี่แค่มาเพราะว่างน่ะ ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก”
พายบอกยิ้มๆ พอเห็นว่ามีคนเป็นห่วงเธออย่างจริงใจก็พลอยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีแหละนะ คนที่ไม่ได้คาดหวังอะไรจากเธอน่ะ
“ถึงจะว่างยังไงก็ควรพักบ้างนะคะ ว่าแต่พี่พายอยากฝากซื้ออะไรมั้ยหนูว่าจะไปร้านกาแฟค่ะ”
“ดีเลย งั้นพี่ขอชาเขียวสักแก้วละกันพี่กินกาแฟไปแล้ว”
“ได้ค่า”
—-------
“วันนี้ไปเจอพ่อหมอบีมาเหรอ”
เสียงทักจากคนเป็นพ่อดังขึ้นทันทีที่หมอพอร์ชเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ สถานที่น่าอึดอัดที่ไม่เคยอยากกลับมาหากไม่จำเป็น เพราะแค่การเติบโตที่นี่มาตั้งแต่เด็กก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว พอออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้หมอพอร์ชก็ไม่ลังเลที่จะรีบแยกตัวออกไป แม้จะที่นี่จะเหลือแค่พ่อที่เป็นเจ้าของกับคนงานอีกไม่กี่คนก็ตาม ส่วนแม่น่ะ จากโลกนี้ไปตั้งหลายปีแล้ว ทั้งที่เป็นคนเดียวที่เข้าใจเค้ามาตลอดแท้ๆ
“ครับ”
คนตัวสูงทิ้งตัวลงนั่งที่ตรงข้ามคนเป็นพ่ออย่างจำใจ ถ้าวันนี้ไม่กลับมาเอาเอกสารจำเป็นก็คงไม่ต้องเจอกันให้รำคาญใจแบบนี้
“แล้วไง ได้คุยเรื่องจะแต่งงานกันรึยัง พ่อเองก็เปรยๆไปบ้างแล้วรอแค่แกสองคนพร้อมก็จัดได้เลย”
“พ่อครับ…”
หมอพอร์ชเรียกคนเป็นพ่อที่พูดเองเออเองด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่ว่าเราคุยกันเป็นครั้งแรก แต่เค้าจำได้ว่าเราคุยกันมาหลายปีแล้วต่างหาก ตั้งแต่ที่รู้ว่าสองครอบครัววางเรื่องของเค้ากับหมอบีไว้แบบไหน พอร์ชก็ไม่ลังเลที่จะบอกอย่างชัดเจนมาตลอด เพียงแต่พ่อไม่เคยสนใจต่างหาก
“อือ ว่าไง”
“ผมว่าผมบอกไปชัดแล้วนะครับว่าไม่แต่ง ผมไม่ได้ชอบหมอบีเราเป็นแค่เพื่อนกันครับ”
“งั้นแกก็คงลืมสินะว่าพ่อไม่ได้ถามว่าแกรักกันมั้ย แต่บอกให้แกแต่งงานกันแค่นั้น”
“ผมไม่แต่งครับ”
“พอร์ช! นี่ไม่ใช่สิ่งที่แกเลือกได้แต่แกต้องทำ”
พีรพัฒน์ตวาดลั่นเมื่อลูกชายคนเดียวต่อต้านเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด ทั้งที่วางแผนกันมาตั้งแต่เด็กสองคนนี้เกิด ว่าจะให้โตมาเพื่อสานต่อธุรกิจและควบรวมกิจการทั้งสองครอบครัวเข้าด้วยกัน
“พ่อ นี่มันชีวิตผมนะ”
“ใช่สิ ชีวิตแกที่ฉันสร้างขึ้นมาไง เพราะงั้นก็เลิกพูดไร้สาระแล้วกลับไปทำหน้าที่แกซะ”
“พ่อครับ”
หมอพอร์ชเรียกคนเป็นพ่ออย่างหมดแรงเมื่อได้ยินประโยคทวงบุญคุณที่เถียงไม่ออก สำหรับพ่อ เค้าก็เป็นแค่เครื่องมือที่สร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการตัวเองเท่านั้นแหละ ชีวิตน่าอิจฉาที่เพียบพร้อมงั้นเหรอ ชีวิตที่ไม่เคยได้ทำอะไรตามใจต่างหากล่ะ
“อย่าให้ฉันต้องบังคับแกนะพอร์ช”
พีรพัฒน์ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทิ้งให้หมอพอร์ชนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน มวลความรู้สึกหลากหลายไหลวนอยู่ในร่างกายจนได้แต่เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง ก่อนที่ในหัวจะปรากฏใบหน้านึงขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่รู้สึกอ่อนแอ มือหนาหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ที่ไม่เคยบันทึกชื่อ แต่กลับจำได้ทุกตัวเลขราวกับนิ้วขยับไปด้วยความเคยชินโดยไม่ต้องนึก ไม่นานปลายสายก็กดรับด้วยน้ำเสียงที่หมอพอร์ชชอบฟังที่สุด
‘พอร์ช…’
น้ำเสียงสั่นๆที่เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดระแวง…
“พอร์ชจะไปหานะครับพี่พาย”