โลกกลมหรือพรหมลิขิต
ร่างสูงหรี่ตาขึ้นมองแสงของดวงอาทิตย์ในตอนแปดโมงเช้า ก่อนจะเบนสายตากลับมามองป้ายบริษัทขนาดใหญ่ที่สะท้อนแสงวาววับ ชายหนุ่มถอนหายใจทิ้งหนัก ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าตึกไป ชุดสูทที่ถูกเก็บอยู่ในตู้นานปีกว่า ถูกหยิบออกมาใช้อีกครั้ง
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในตึกขับไล่ไอร้อนที่ติดมาจากด้านนอก พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าโค้งศีรษะให้เขาเล็กน้อยหลังจากที่เห็นร่างสูงเดินเข้ามา พนักงานทุกคนต่างหยุดนิ่งทำความเคารพเขา บ้างก็ชะงักงันด้วยไม่คิดว่าจะเห็นเขาในวันนี้หลังจากที่ครามหายหน้าไปจากบริษัทราวเกือบสองปี
ร่างสูงเดินสับเท้าเร็วไม่แม้แต่จะเสียเวลาเหลียวมองหรือทักทายใคร ก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าตู้โดยสาร พนักงานมากมายยืนออรอกันอยู่หน้าลิฟต์หมายจะรีบขึ้นไปทำงาน โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครยืนปะปนรวมอยู่ด้วย
เพราะความสูงที่มากกว่าคนอื่นเขา ทำให้เขายังคงสามารถหายใจได้สะดวก และในตอนนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็น หญิงสาวร่างบาง ผมยาวสีดำขลับ ที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นคนเดียวกันกับคนที่ร่วมหลับนอนกับเขามาตั้งสองคืน
ครามพยายามแทรกกายฝ่าผู้คนเพื่อเดินเข้าหาเธอ โดยตั้งใจว่าจะทวงคำสัญญาที่เธอเคยให้ไว้ แต่ก็ช้าไป…ร่างบางดันแทรกกายเดินหายเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับคนอื่น ๆ เขากระตุกยิ้มมุมปาก ถึงจะเสียดายที่พลาดโกาสในตอนนี้ แต่เขาก็รู้แล้วว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่ ยังไงก็คงมีโอกาสได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน
ส่วนตัวครามนั้นเมื่อลิฟท์ของเขาขึ้นมาหยุดที่ชั้น 30 ร่างสูงก็เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของตัวเองทันที โต๊ะทำงานถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้านแม้มันจะไม่ถูกใช้งานมานานนับปี คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ถูกจัดตั้งหลังได้รู้ว่าจะมีคนกลับเข้ามาทำงานในห้องนี้อีกครั้ง ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีดำประจำตำแหน่ง เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดถูกคุมโทนในสีเทาดำ ตามสไตล์ของเจ้าของห้อง
ชั่วครู่หนึ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวผ่อง รูปร่างสะโอดสะองในชุดเดรสรัดรูปสั้นเต่อ เดินก้าวขาเรียวเข้ามาภายในห้องก่อนจะวางแฟ้มเอกสารหนาปึกลงบนโต๊ะของเขา ครามเงยหน้าขึ้นมาหลังจากเห็นเอกสารกองโตตรงหน้า พลางเอื้อมมือคว้าเล่มบนสุดเปิดดูข้อมูลเนื้อหาด้านใน
“คุณครามไม่คิดจะทักทายยี่หวาหน่อยหรอคะ”
สาวร่างเพรียวนั่งลงบนตักของเขา ก่อนะจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ซึ่งเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเธอเป็นมากกว่าเจ้านายและเลขาอย่างแน่นอน
“สวัสดีครับ”
เขาตอบกลับอย่างเย็นชาราวน้ำแข็ง ก่อนจะผลักเธอออกไปจากตัวโดยไม่สนใจไยดีความรู้สึกของอีกฝ่าย ร่างบางถึงกับหน้าเสียเมื่อเธอถูกเขาปฏิเสธ เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นดังพอให้รู้ถึงความไม่พอใจ ขณะก้าวเท้าออกจากห้องเจ้านายหนุ่ม
เมื่อไม่มีตัวกวนใจให้รำคาญ เขาก็ไล่หยิบเอกสารที่วางกองอยู่มาอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง งานที่ถูกกองสุมไว้เหมือนรอเขากลับมาสะสาง ร่างสูงกรีดนิ้วเปิดกระดาษอ่านทีละหน้าเพื่อให้เข้าใจเนื้องานที่ต้องทำ ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ไปคว้าโทรศัพท์สำนักงานต่อสายไปหาเลขาที่อยู่หน้าห้อง
“เข้ามาข้างในหน่อยครับ” น้ำคำเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก ก่อนที่เขาจะวางสายลงทันทีไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบกลับ
หญิงสาวคนเดิมเดินกลับเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางคิดเข้าข้างตัวเองในใจว่าเขายังคงพิศวาทในตัวเองอยู่ ร่างบางเดินกรีดกรายตรงไปหาเขา ก่อนจะดึงสายเสื้อลงมาจนเผยให้เห็นเนินขาว เพื่อเชื้อเชิญให้เขาจับต้องมัน
“ทำไมตรงนี้รายงานมาแบบนี้” ร่างใหญ่เอ่ยเสียงเข้ม พลางชี้ลงไปบนข้อผิดพลาดในเอกสาร โดยไม่ได้สนใจเธอที่กำลังอ่อยอยู่เลยแม้แต่น้อย
“อะ…เอ่อ คือว่าเดี๋ยวยี่หวาไปแก้ให้ใหม่ค่ะ” เธอตอบตะกุกตะกักหลังจากที่โดนเขาดุ ก่อนจะรีบดึงแขนเสื้อขึ้นอย่างละอาย
“ยังไงผมขอเอกสารฉบับนี้ภายในตอนบ่ายนี้นะครับ เพราะเห็นแจ้งไว้ว่าเป็นเรื่องด่วน” เขาพูดก่อนจะยื่นแฟ้มไปทางหล่อน โดยไม่แม้แต่จะชายตามองเธอด้วยซ้ำ ไม่รอช้าร่างเพรียวก็รีบคว้ามันไป
“ชิ” เธอจิ๊ปากอกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
12:00
ดาวเหนือกลับมาที่บริษัทอีกครั้งหลังจากที่ออกไปพบกับลูกค้าข้างนอก เธอคือเซลล์สาวของบริษัทอาทิตย์ฟูลเดชั่น ที่เป็นยักษ์ใหญ่ในการส่งออกสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งมันก็คือบริษัทของพ่อของคราม ผู้ชายที่เธอเคยหลับนอนด้วยถึงสองครั้งสองครา โดยที่เธอไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
“ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยดาว”
เสียงหวานใสจากเพื่อนร่วมงาน สาวอวบพลัสไซส์ แว่นหนาเตอะ พนักงานบริษัทแผนกบัญชี ที่เป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่เธอสนิทด้วย
“ไปสิแก้ว แต่รอเราแป๊บนึงนะ”
เสียงตอบที่ดูเหนื่อยหอบ กับท่าทีลุกลี้ลุกลนก่อนจะจับทุกอย่างรวบลงกระเป๋าสะพายและเกาะแขนเพื่อนสาวออกมา
ไม่นานทั้งสองสาวก็มาถึงร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในตึกคูหาเดียวไม่โดดเด่น แต่กลิ่นของน้ำซุปหอม ๆ ที่ลอยเตะจมูกคนเดินที่ผ่านไปมาเป็นเครื่องการันตีบอกรสชาติได้เป็นอย่างดี
“ป้าคะ หนูเอาบะหมี่หมูกรอบพิเศษนะคะ ไม่ใส่ผักเลยค่ะ” เสียงสั่งอาหารดังเจื้อยแจ้ว ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างผลัดกันเดินเข้าออกไปมาในร้านอาหาร
“แล้วหนูอีกคนล่ะ เอาอะไร ?”
“เอ่อ เอาบะหมี่น้ำหมูแดงค่ะ” ดาวเหนือเอ่ยสั่งอาหารก่อนจะเดินเข้าไปในร้านเพื่อหาที่นั่งด้านใน
อาหารถูกเสิร์ฟออกมาอย่างรวดเร็ว เธอกับเพื่อนสาวนั่งกินอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ทันใดนั้นเองชายร่างสูงเจ้าของบริษัทและเจ้าของเรือนร่างที่เธอเคยล่วงเกิน อยู่ดี ๆ ก็มานั่งอยู่ข้างเธอ
น้ำก๋วยเตี๋ยวที่กำลังซดเข้าไปในปาก พุ่งกลับคืนลงไปในชามดั่งเดิม ดาวเหนือรีบคว้าทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก ขณะที่แก้วยกตะเกียบค้างเมื่อเห็นว่าลูกชายประธานบริษัทมานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย
“เราเจอกันอีกครั้งตามที่สัญญาแล้วนะครับ”
ร่างสูงพูดก่อนจะยื่นโทรศัพท์ที่เปิดหน้ากรอกไอดีไลน์รอไว้ ร่างเล็กค่อย ๆ วางช้อนและตะเกียบลง ก่อนจะรับโทรศัพท์ที่เขายื่นให้มากรอกไอดีไลน์อย่างเลี่ยงไม่ได้
“ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ ? ”
หลังจากที่เขาได้ไอดีไลน์ของเธอแล้ว แต่กลับไม่ยอมลุกออกไป ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวชวนอึดอัดขึ้นมา เพื่อนสาวร่างอวบที่ตอนนี้ใจเต้นแรงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ว่าเพราะความหล่อหรือสถานะของเขากันแน่ จะมีก็เพียงดาวเหนือที่ยังคงนั่งกินโดยไม่สนใจคนข้าง ๆ แม้ว่าเขาจะพยายามชวนคุยก็ตามที
มื้อเที่ยงที่แสนกระอักกระอ่วนจบลงอย่างยากลำบาก สองสาวรีบแยกตัวออกมาเพื่อกลับไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้ยื้อหรือรั้งเธอไว้ แต่กลับแยกตัวไปจ่ายค่ามื้อกลางวันให้
“แก หยุดเดินก่อนเลยนะ แกไปรู้จักเขาได้ยังไง” แก้วรีบเบรกเพื่อนที่เดินจ้ำอ้าวไปแบบไม่สนอะไร
“อย่าถามอีกเลย ฉันไม่นึกว่าจะเจอเขาอีกด้วยซ้ำ” ดาวเหนือหยุดเดินก่อนจะหันมาตอบคำถามของเพื่อนและเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอื่นเดินตามมา หญิงสาวก็ชะลอฝีเท้าลง
“แกได้เจอเขาบ่อยแน่ เขาเป็นลูกเจ้าของบริษัทย่ะ บริษัทที่เราทำงานกันอยู่เนี่ย!!”
คำตอบของเพื่อนทำเอาขาของเธอแข็งจนเดินต่อไปไม่ไหว ก่อนจะหันหน้าไปหาเพื่อนสาวเพื่อยืนยันคำตอบนั้นอีกครั้ง ซึ่งแก้วก็พยักหน้าให้เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เธอบอกกล่าวไม่มีอะไรเกินจริง
“เวรแล้วไง” ดาวเหนือสบถออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวกลับไปที่ออฟฟิศทันที
“เวรอะไร แล้วเกิดอะไรขึ้น ยัยดาวรอฉันก่อน”
สาวร่างอวบเริ่มสับเท้าเร็วตามดาวเหนือไปติด ๆ จากนั้นแก้วก็เริ่มพยายามคาดคั้นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดาวเหนือเองก็ไม่รู้จะเลี่ยงยังไงสุดท้ายหญิงสาวจึงยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับเพื่อนสาวฟัง
“แล้วแกจะเอาไงต่อ ดูท่าคุณครามจะสนใจแกมากเลยนะ ไปทำอีท่าไหนเขาถึงเพ้อหาตามแกต้อย ๆ ขนาดนี้” เพื่อนสาวถามย้ำอีกครั้ง เพราะพอจะดูออกว่าเธอไม่ค่อยจะยินดีกับเรื่องราวครั้งนี้สักเท่าไหร่
“ฉันก็ไม่รู้ว่ะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
ดาวเหนือได้แต่พ่นลมหายใจเฮือกแรงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไหล่สองข้างลู่ตก สีหน้าบ่งบอกถึงความหนักใจอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้อออ…”