พรหมลิขิต
ห้องพักหรูในโรงแรมห้าดาว ที่ออกแบบมาอย่างกว้างขวาง แต่บทเพลงรักที่พวกเขามีให้กันกลับอยู่ที่โซฟาตัวเดียวกลางห้อง ไฟราคะของค่ำคืนนี้โหมกระพือผ่านไปร่วมสามชั่วโมง ก่อนที่ทั้งคู่จะจบลงที่เตียงนอนอีกครั้ง
และเมื่อพระอาทิตย์มาเยือนท้องฟ้าในตอนเช้าตรู่ ครามสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าร่างบางยังคงนอนหนุนแขนเขาอยู่ แววตาตกใจเมื่อครู่ก็อ่อนลงพร้อมคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ เขามองดูเธอหลับด้วยใบหน้าที่เต็มสุข ก่อนจะเอื้อมมือหนามาลูบที่หัวของเธอเบา ๆ อย่างนุ่มนวล สัมผัสบางเบาจากเขาทำให้เธอสะดุ้งตื่น
“ตื่นแล้วเหรอคะ” ดาวเหนือถามออกไปทันทีที่ลืมตาตื่น แต่กลับโดนสายตาจากร่างใหญ่จ้องมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างไม่ละสายตา พร้อมคลี่ยิ้มกว้าง
“ครับ” ครามกอดรัดเธอแน่นขึ้นก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ไปที่หน้าผากของเธอ ใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีเรื่อ ดาวเหนือซุกหน้าลงไปที่อกของครามเพื่อหวังซ่อนสีหน้าของตนเอง เมื่อครามเห็นท่าทีแบบนั้นก็อดกระแอมและขำออกมาเบา ๆ ไม่ได้ พลางเอื้อมมือไปลูบไล้ร่างกายของเธออีกครั้ง
“วันนี้รีบไปไหนมั้ยครับ” เขาก้มหัวลงไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของเธอ ร่างบางส่ายหน้าทั้ง ๆ ที่หน้ายังคงซุกอยู่ที่อกกว้าง หน้าผากโหนกนูนถูไถไปกับแผงอกกำยำ ทำให้เจ้าของแผงอกแน่นทนไม่ไหวรุกขึ้นคร่อมตัวเธอทันที
“อีกรอบไหวมั้ยครับ”
เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มตัวลงไปหอมแก้มนุ่มนิ่มด้วยความเอ็นดู
เธอไม่ตอบคำถามเขา แต่กลับส่งมือเรียวบางลูบไล้คางเขาเล่น ก่อนจะประคองหน้าของเขาให้หันตรง เธอโน้มตัวขึ้นก่อนประกบปากลงบนริมฝีปากที่แห้งผากของเขา สองมือคล้องโอบคอร่างใหญ่ไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็บรรเลงเพลงรักร่วมกันอีกครั้ง
“เราบังเอิญเจอกันตั้งสองครั้งแล้ว คุณคิดว่านี่จะเป็นพรหมลิขิตมั้ยครับ ? หากเป็นแบบนั้นจะเป็นการเสียมารยาทมั้ย ถ้าผมจะขอไลน์คุณเอาไว้” เขาถามออกไปตรง ๆ ด้วยสายตาหวานเชื่อม ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้เธอ
“ถ้ามันเป็นพรหมลิขิตแบบที่คุณว่าจริง ๆ งั้นถ้าเราได้เจอกันอีกครั้ง ฉันจะให้คุณค่ะ” เธอผลักมือใหญ่ที่ยื่นมาพร้อมกับโทรศัพท์ กลับไปที่หน้าตักของเขา น้ำเสียงแสดงออกชัดว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาร้องขอ ครามกำลังจะอ้าปากแย้งขึ้นมา แต่ดาวเหนือก็ยกมือจุ๊ปากไม่ให้เขาพูดต่อ และเดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่หันกลับมามอง
“หึ” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อโดนหญิงสาวที่คิดว่าเธอน่าจะเล่นด้วยปฏิเสธเข้าอย่างจัง
……………..
✅
ครามตัดสินใจมาดักรอเธอที่บาร์เหมือนเคย เดิมทีเขาก็มาที่นี่ทุกวันแต่หลังจากที่เธอให้คำสัญญาไว้เขากลับมาที่นี่ตั้งแต่ร้านเปิด และใช้เวลาอยู่ที่นี่จนถึงร้านปิด เป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นเธอโผล่มาที่นี่อีกเลย
ครืด ครืด
เสียงสมาร์ตโฟนสั่นขึ้นในระหว่างที่เขากำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ร่างใหญ่คว้ามันมาดู แต่ชื่อของปลายสายที่โทรเข้ามาทำให้เขาเลือกจะวางโทรศัพท์ลงตามเดิมโดยไม่คิดจะสนใจมัน สายโทรเข้ายังคงปรากฏให้เห็นไม่หยุดเป็นเวลานานกว่าสิบนาที สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจรับสายนั้นด้วยความรำคาญ
“พ่อ…มีอะไร” เขากล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจอย่างมาก
(กะ..แก แค่ก ๆ แก..อยู่ที่ไหน แค่ก แค่ก) เสียงพูดปนเสียงไอแห้ง ดังถามกลับมา
“ผมถามว่ามีอะไร ?”
(แกช่วยกลับเข้ามา..แค่ก.แค่ก ทำงานที่บริษัทหน่อยได้มั้ย แค่ก ๆ ฉันจะไม่อยู่สักพัก)
“แล้วพ่อจะไปไหน ?”
(แค่ก ๆ หมอบอกให้ไปรักษาตัว แค่ก ๆ ต่อที่อเมริกา ฉันจะให้แกช่วยเข้ามาดูแลบริษัทของเราจนกว่าฉันจะกลับมาแค่นั้นแหละ แค่ก ๆ)
“เหอะ แล้วพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่ ?”
(ยังไม่รู้ แค่ก..แค่ก) ปลายสายยังคงส่งเสียงไอไม่หยุด ทำเอาชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ เพราะดูเหมือนว่าเขาก็ไม่เหลือทางให้เลือกมากนัก
“ก็คงต้องตามนั้นแหละครับ พ่อไม่ได้มาเพื่อบอกผม แต่มาเพื่อบังคับแต่แรกอยู่แล้ว”
(ฉันจะบินพรุ่งนี้เช้า แกก็เข้ามาทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้ แค่ก..แค่ก เรื่องรายละเอียดงานฉันบอกกับเลขาของแกไว้หมดแล้ว)
“คระ..” ไม่ทันจบ ผู้เป็นพ่อก็ตัดสายทิ้งทันทีหลังพูดคุยธุระของตัวเองจบ
“เหอะ…ก็แค่จะให้ไปเพื่อคอยตอบคำถามแทนตัวเองก็แค่นั้น”
เขาบ่นออกมาอย่างรู้ทัน ก่อนจะเดินออกจากบาร์ไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แต่เมื่อเดินพ้นจากซอยแคบออกมาสายตาก็พลันเห็นร้านตัดผมที่ไฟของร้านยังถูกเปิดอยู่ เขายืนลังเลอยู่เพียงครู่ขณะสำรวจตัวเองผ่านกระจกร้านที่สะท้อนเงาของตัวเอง มือหนาเลื่อนขึ้นมาปัดป่ายผมเผ้าที่เริ่มยาวปรกหน้าผากลงมา เขาถอนหายใจทิ้งก่อนจะผลักประตูกระจกและก้าวเท้าเข้าร้านไป
“ยังเปิดอยู่มั้ยครับ ?”
“เปิดอยู่สิจ๊ะ” เสียงสองเสียงสามที่ตอบกลับมาจากชายร่างใหญ่ ที่มีกล้ามแขนเป็นมัด ที่กำลังก้มกวาดเศษผมบนพื้นภายในร้าน
“ต๊ายตาย พ่อรูปหล่อ ไหนดูสิ”
ชายก้ามปูที่ออกสาวร้องเสียงหลงทันทีที่เงยหน้ามาเห็นคราม ชายร่างหนาเอื้อมมือไปลูบใบหน้าคมสันของหนุ่มหล่อปานเทพบุตรอย่างลืมตัว แววตาก็เคลิบเคลิ้มชวนฝันไม่หยุด จนครามต้องปัดมือของเขาออกเพื่อเรียกสติ
“มีทรงที่อยากได้มั้ยล่ะจ๊ะ แต่หน้าระดับนี้ทรงไหนก็คงหล่อหมดล่ะจ้ะ”
“ทรงไหนก็ได้ครับ แค่ให้มันสั้นกว่านี้”
เมื่อสระผมเสร็จช่างตัดผมก็พาเขามานั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะบรรจงตัดผมของเขาออกทีละนิด ไม่นานนักผมที่ยาวถึงต้นคอก็สั้นลง
“นี่เขาเรียกว่าทรงคอมม่าจ้ะ” หล่อนพูดก่อนจะหยิบแปรงมาปัดเศษผมที่อยู่บนต้นคอของร่างสูงออกจนหมด เขานั่งสำรวจตัวเองในกระจก เมื่อผมสั้นลงก็เผยให้เห็นใบหน้าคมได้รูป ดวงตาสีน้ำตาลเฉี่ยวคม รับกับจมูกโด่งป็นสัน ปากกระจับสีชมพูเรื่อยิ่งทำให้เขาดูดีและเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเดิม
“หล่อขนาดนี้ ทำไมถึงปล่อยให้ผมยาวลงมาปรกหน้าปรกตาตัวเองขนาดนี้ล่ะจ๊ะ”
“………….”
ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไร เขานิ่งเงียบราวกับว่าไม่ได้ยินที่คนตรงหน้าเอ่ยถาม ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้เพื่อชำระเงิน และเดินออกจากร้านไป
…………….
“คุณป้าระวังค่ะ” สาวสวยร่างบางวิ่งถลาเข้าไปดึงแขนหญิงสูงวัยคนหนึ่งที่กำลังเหม่อลอยอยู่ริมถนน จนเกือบโดนรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว
“ขอบใจมากนะจ้ะหนู” หญิงสูงวัยเอ่ยกล่าวบอกจากใจจริง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าคนที่ช่วยชีวิต แต่ทำเอาหล่อนชะงักงันนิ่งไป เมื่อหญิงสาวตรงหน้าช่างละม้ายคล้ายกับลูกสาวของหล่อนมากเสียเหลือเกิน
“คุณป้าคะ เป็นอะไรมั้ยคะ” ร่างเล็กเรียกสติของหญิงสูงวัยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอนิ่งไป
“อุ้ย…ขอโทษจ้ะ พอดีหนูหน้าตาคล้ายกับลูกสาวของป้ามากเลย จนป้าเผลอเสียมารยาท” คุณป้าคว้าแขนของร่างเล็ก ก่อนจะเอามือผอมเหี่ยวย่นขึ้นมากอบกุมมือขาวนวล
“ไม่เป็นอะไรค่ะ” ร่างบางยิ้มหวานให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยหญิงมีอายุยืนชะเง้อมองตามจนแผ่นหลังบางหายลับตาไป