แค่ความผิดพลาด
ติ๊งงง
‘ทำอะไรอยู่ครับ ? ’
เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้นในระหว่างที่ดาวเหนือกำลังยุ่งกับงานกองโตตรงหน้า เธอคว้ามันขึ้นมาดูเมื่อไม่เห็นรายชื่อผู้ติดต่อ สมองก็พอจะเดาได้ว่าปลายทางที่ส่งข้อความมาคือชายที่ก่อกวนช่วงเวลามื้อเที่ยงของเธอก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
“เห้อออออ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นอย่างรำคาญ ก่อนที่ดาวเหนือจะปิดหน้าจอเครื่องมือสื่อสารแล้วโยนมันลงกระเป๋าถืออย่างไม่ใยดี
เวลาผ่านไปราวสามสิบนาที ประตูของแผนกก็ถูกเปิดออกโดยชายร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา ผู้ที่ฉกชิงความสนใจจากพนักงานที่นี่ได้ทั้งแผนก
“คุณครามมีอะไรให้ผมช่วยจัดการหรือเปล่าครับ ? ” หัวหน้าแผนกเดินตรงมาเพื่อต้อนรับเขา แต่ชายหนุ่มกลับเดินผ่านเขาไปโดยไม่คิดจะตอบคำถามหรือหยุดสนทนาด้วย
“เห็นไม่ตอบแชท ก็คิดว่าน่าจะทำงานยุ่งอยู่ เลยซื้อกาแฟมาฝากน่ะครับ”
ร่างสูงเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของดาวเหนือ จากนั้นก็ยื่นแก้วกาแฟส่งให้เธอ ดาวเหนือเงยหน้าขึ้นมองแก้วกาแฟสลับกับใบหน้าคนน่ารำคาญ
“นี่คุณคิดจะทำอะไร ?”
เธอยกมือขึ้นป้องปากก่อนจะกระซิบถามออกไป ซึ่งตอนนี้ทั้งเธอและเขาตกเป็นเป้านิ่งเรียกความสนใจจากคนทั้งแผนกเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาดาวเหนือรู้สึกกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูกด้วยกลัวว่าความลับของเธอจะแตก
“ก็เป็นห่วงพนักงานไงครับ” เขาตอบทีเล่นทีจริง พลางขยิบตาข้างหนึ่งให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมื่อแผ่นหลังกว้างเดินพ้นประตูแผนกออกไป คนบางส่วนก็ปรี่พุ่งมาที่เธอทันที
“ดาว เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น” รุ่นพี่สาวสวยในแผนกยิงคำถามออกมาตรง ๆ ทำเอาดาวเหนือหน้าซีดเผือดด้วยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องนี้มาก่อน
“ก็คือว่าเอ่อ..หนูจะบอกยังไงดี แต่มันคือเรื่องเข้าใจผิดและเรื่องบังเอิญมารวม ๆ กันนั่นแหละพี่” ร่างบางเลี่ยงที่จะตอบความจริงไป แต่สายตากดดันของสาวรุ่นพี่คนเดิมยังส่งมาเพื่อรอฟังคำขยายที่เข้าใจง่ายกว่านี้
“พูดความจริงออกมาเลย” คนในแผนกคนอื่นเริ่มเสริมทัพกดดัน
“ก็นั่นแหละความจริง” เธอยังคงยืนยันในคำตอบ แต่สายตาทุกคนตรงนั้นต่างดูไม่เชื่อเธอเลยแม้แต่น้อย
“จับกลุ่มนินทาอะไรกัน ไปทำงาน!!” เสียงดุทรงอำนาจจากหัวหน้าแผนกทำให้ทั้งหมดต้องเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่เสียงซุบซิบก็ยังคงมีอยู่ให้พอได้ยินบ้างเล็กน้อย
ร่างบางยังคงทำงานต่อแต่ตอนนี้สมองของเธอกลับมีแต่เรื่องของครามวกไปวนมาไม่หยุด ไม่ใช่เพราะดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้ง เพราะเธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่สานสัมพันธ์กับเขาต่อ เธอจึงเลือกที่จะไม่กลับไปที่บาร์นั่นอีกเลย ตลอดทั้งบ่ายเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดและน่ารำคาญใจจนเธอรู้สึกหงุดหงิด เมื่อเสียงนินทายังคงเล็ดลอดมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ หนำซ้ำทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นจากกองงานก็จะต้องได้เห็นสายตาของบางคนที่จับจ้องมาที่เธออย่างจับผิด
ติ๊งงงง
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นอีกครั้ง และแน่นอนมันเป็นข้อความจากคนที่ทำเอาเธอปวดหัวและหงุดหงิดตลอดทั้งบ่ายนี้
‘เย็นนี้ไปทานข้าวกันไหมครับ’
‘ขอโทษด้วยค่ะ ไม่สะดวกค่ะ พอดีเย็นนี้มีนัดแล้ว’
ดาวเหนือจำใจตอบคำถามออกไป เพราะกลัวว่าถ้าหากไม่ตอบเขาต้องมาดักรอเธอที่หน้าบริษัทแน่ ๆ
‘งั้นเดี๋ยวผมไปส่งครับ’ ข้อความจากชายหนุ่มคนเดิมถูกส่งกลับมาอีกรอบในจังหวะที่เธอก้าวขาพ้นจากลิฟต์ออกมา
ดาวเหนือยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกำลังจะพิมพ์ตอบปฏิเสธ แต่เมื่อเธอเดินพ้นอาคารออกมา ก็พบว่าเขายืนพิงรอเธอที่รถคันหรูอยู่ก่อนแล้ว
“คุณดาวครับ ทางนี้” ครามยกมือโบกขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณทันทีที่เห็นดาวเหนือ
“บ้าฉิบ !! อุตส่าห์เลี่ยงมาทางนี้แล้วก็ยังเจอจนได้” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาเขาอย่างเสียไม่ได้
“คุณครามไม่ต้องไปส่งดาวหรอกค่ะ ดาวกลับเองได้ ขอบคุณมากค่ะ” เธอโค้งตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกล่าวอย่างเป็นทางการ
“หมดเวลางานแล้วนะครับ ไม่ต้องพูดเป็นทางการจนดูเหินห่างกับผมขนาดนั้นก็ได้ ยังไงเราก็เคย..…”
ครามเอ่ยเย้าทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังเท่าไหร่นัก แต่นั่นก็ทำให้เธอถึงกับหน้าแดงก่ำออกมา ยิ่งเธอเขินอายมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งชอบมัน ใบหน้าของดาวเหนือที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ช่างคล้ายกับภรรยาผู้เป็นที่รักไม่ผิดเพี้ย
“เชิญครับ” เขาเปิดประตูรถให้ก่อนจะเชื้อเชิญ ซึ่งดูยังไงก็เป็นวิธีบังคับเธอทางอ้อมซะมากกว่า เพราะตอนนี้สายตาคนรอบข้างที่มองมา ช่วยกดดันให้หญิงสาวต้องรีบก้าวเท้าขึ้นรถไป
“ค่ะ” หลังจากที่ดาวเหนือก้าวขึ้นรถไปแล้ว ชายหนุ่มก็เดินอ้อมมาขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับทันที
“ไปไหนกันดีครับ” เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นก่อนที่คนตัวหนาจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ รถหรูถูกเปิดเครื่องทิ้งไว้อย่างไม่มีทีท่าขยับเพราะยังไม่รู้จุดหมายที่ล้อจะต้องหมุนไป
“เอ่อ… คุณครามไปส่งดาวที่สถานีรถไฟใต้ดินก็ได้ค่ะ เดี๋ยวดาวไปต่อเอง” ฟิล์มดำหนาของรถที่ทำให้คนด้านนอกมองไม่เห็นเข้ามาภายในรถ พอจะทำให้เธอคลายความกังวลลงไปได้บ้าง ก่อนจะพยายามดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ แต่ไม่ว่าดาวเหนือจะออกแรงดึงเท่าไหร่สายคาดก็ไม่ขยับตามมือเธอออกมา
“ผมบอกแล้วไงครับ ว่าทำตัวตามสบาย ตอนนี้ไม่มีคนอื่น ๆ แล้วคุณพูดคุยกับผมปกติได้เลย ”
ร่างสูงพูดพลางโน้มตัวเข้าหาจนแผงอกแน่นอยู่ห่างดวงหน้าหวานไม่ถึงคืบ เขาชำเลืองมองต่ำไปที่เธอเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงสายนิรภัยมาล็อกให้เธอ ทำเอาดาวเหนือใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย
“เรียบร้อยแล้ว ไปกันเลยนะครับ” รถหรูเคลื่อนตัวออกไปหลังจากจอดติดเครื่องอยู่นาน พนักงานเกือบค่อนบริษัทที่กำลังยืนรอรถอยู่บริเวณด้านหน้าบริษัทต่างพากันสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ คนที่ดูจะสงสัยน้อยที่สุดก็คงเป็นแก้ว…เพื่อนของดาวเหนือ ที่กำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองตามท้ายรถของทั้งคู่ที่ขับห่างออกไป
……
บรรยากาศภายในรถค่อนข้างอึมครึมจนอึดอัด การจราจรที่ติดเหง็กยาวเหยียดบนถนนสุขุมวิททำให้การเดินทางเพียงแค่สองกิโลเมตรกินเวลานานมากกว่าปกติ
“ดาวครับ ผมจะขอพูดตรง ๆ เลยนะครับ” อยู่ ๆ ร่างสูงก็โพล่งบทสนทนาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ทำเอาร่างเล็กตกใจจนเผลอทำโทรศัพท์หลุดมือ
“ผมชอบคุณ !!” ดาวเหนือที่กำลังก้มลงไปเก็บโทรศัพท์ เมื่อได้ยินประโยคนั้นทำเอาเธอไม่อยากโผล่หัวขึ้นมาเจอเขาอีกเลย
“คือคุณครามคะ ดาวมองว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่ความผิดพลาด ดาวไม่คิดว่าคนอย่างคุณครามจะเอาเรื่องนี้มาใส่ใจขนาดนั้นหรอก ใช่มั้ยคะ ?”
เธอปฏิเสธเขาออกไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันชัดเจนจนทำเขาหน้าเสีย
“คือดาวต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ถ้าคุณครามเลือกที่จะพูดตรง ๆ ดาวก็คงต้องขอพูดตรง ๆ บ้าง ว่าดาวเองไม่ได้คิดอะไรกับคุณครามเลย”
เธอยังคงยืนกรานปฏิเสธ และยืนยันในคำตอบของตัวเอง นั่นทำให้คนที่กำลังขับรถเหยียบเบรกทันที ดาวเหนือสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยังทำใจแข็งจ้องมองไปที่เขาด้วยหวังว่าเขาจะตอบอะไรกลับมาบ้าง
“ถึงแล้วครับ” ร่างสูงกล่าวขึ้น ก่อนจะกดปุ่มปลดล็อกประตูให้
“คุณดาวไม่ต้องกลัวนะครับ ผมไม่เอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องงานอย่างแน่นอน และผมก็หวังว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันได้นะครับ”
คำพูดที่ดูเป็นทางการแต่น้ำเสียงกลับดูอ่อนลง บวกกับท่าทีที่ไม่เป็นอะไรอย่างที่ปากพูดของคราม ทำให้ดาวเหนือถึงกับโล่งใจ มือเรียวเล็กปลดเข็มขัดนิรภัยออกและก้าวลงจากรถไป เมื่อประตูรถถูกปิดลง ครามก็ขับออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหญิงสาวด้วยซ้ำ
ติ๊งงงงงง
‘คืนพรุ่งนี้ไปดื่มด้วยกันมั้ยครับ ?’
เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเรื่องสองคืนนั้นมันเป็นแค่ความผิดพลาดแค่นั้นจริง ๆ เหรอ ? และครามก็ไม่อยากจะถอดใจเรื่องเธอเพราะยังไงซะเขาก็จะต้องชนะใจดาวเหนือให้ได้
ดาวเหนืออ่านข้อความของเขาซ้ำไปซ้ำมา เธอลังเลที่จะยืนยันคำตอบออกไป แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงฉากรักอันเร่าร้อนของเขาในค่ำคืนเหล่านั้น มันก็ทำเธอปฏิเสธออกไปไม่ลง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากสานสัมพันธ์ต่อแต่เรื่องอย่างว่าของเขาคืออีกหนึ่งเรื่องราวที่เธอมักเก็บเอามาจินตนาการต่อกับร่างกายตัวเองอยู่บ่อย ๆ ในรอบสองสามสัปดาห์มานี้
สุดท้ายนิ้วเรียวยาวก็ตัดสินใจกดข้อความส่งออกไป ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนลงในกระเป๋าแล้วเดินลงบันไดเลื่อนของสถานีไป
‘ค่ะ !!’