บทที่ 3
จูจูอดสงสารบิดามารดาไม่ได้ ถ้าไม่ได้ไปก็ต้องอดมื้อกินมื้อแน่นอน
“ไม่หรอก เจ้าอย่าเอ่ยเรื่องนี้” กล่าวจบนางสวีเดินเข้าครัวไป เพื่อต้มยาให้หลงซาน นางไม่มีวันให้บุตรสาวที่เป็นดั่งไข่มุกไปทำงานพวกนั้นเป็นอันขาด
จูจูเองก็ไม่อยากให้บิดามารดาลำบาก ต่างฝ่ายต่างความคิด ในคืนนั้นที่ที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว แต่ทว่าจูจูยังไม่หลับ นางมองมารดาหลับสนิทอีกเตียง ส่วนบิดาก็หลับราวกับเฝ้าเง็กเซียน
หญิงสาวลอบยิ้มอย่างดีใจ วันนี้จูจูนั่งคิดมาทั้งวันยังไงนางก็จะต้องออกไปจากหมู่บ้านเพื่อหางานทำจนได้ นางเตรียมห่อสัมภาระเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อ จากนั้นใช้ตะเกียงวางทับไว้
นางโขกศีรษะให้บิดามองหลงซานอย่างอาลัยอาวรณ์ ท่านพ่อข้าลาก่อน แล้วข้าจะส่งเงินมาให้ท่านใช้ จากนั้นมุ่งไปที่เตียงนอนมารดา
ท่านแม่ข้าลาก่อน ข้าอกตัญญูยิ่งนัก แต่ทว่า ข้าสัญญาจะส่งเงินมาให้ท่านทุกเดือนหลังจากที่ข้าได้งานทำ จูจูรีบสาวเท้าออกไปจากเรือนทันที…
ร่างงามภายใต้ต้นไม้ใหญ่จูจูนั่งชันเข่าขึ้น นางออกจากหมู่บ้านของนางมาไกลพอสมควร นางคิดว่ากว่าจะเดินทางเข้าเมืองหลวงคงใช้เวลาหลายวันกระมัง เพลานี้ก็ใกล้รุ่งสางแล้ว รถม้าหรือรถเกวียนขนผ้าผ่านมาก็คงจะดีกระมัง
นางนั่งกลอกตาไปมา คิดว่ารอเช้ามืดค่อยออกเดินทางต่อ แต่ทว่ารถเกวียนขนผ้าตั้งสามเกวียนผ่านมาทางนี้พอดี หญิงสาวไม่รอช้า ขออาศัยเดินทางด้วย พ่อค้าผ้าก็ไม่รังเกียจนาง พ่อค้าผ้านามว่า จยาจั้ว ไม่รังเกียจจูจู เขาจัดด้านหลังเกวียนซ้อนผ้าขึ้นหลายๆ ผืนให้นางนั่งอย่างสบาย จูจูขอบคุณเขายิ่งนัก
รถเกวียนขนผ้าสามเกวียนมุ่งสู่เมืองหลวงฉางอัน เส้นทางเต็มไปด้วยดินโคลนเพราะช่วงนี้ฝนตก จูจูรู้สึกดีใจที่ได้นั่งรถเกวียน ยามเช้าแสงอาทิตย์เจิดจ้าส่องลงมากระทบเปลือกตาใบหน้างาม แพรขนตากระพือขึ้น
เช้าแล้วหรือนี่ นางกวาดสายตามองดูรอบๆ กระนั้นรถเกวียนหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่ทันที ห่างจากต้นไม้ใหญ่มีลำธารที่ใสสะอาด
“แม่นาง พวกเราพักกินข้าวข้าวตรงนี้สักประเดี๋ยวค่อยเดินทาง” จยาจั้วเอ่ยกับจูจู
หญิงสาวพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา กระนั้นนางลงจากเกวียน ลูกน้องของจยาจั้วนั้นจับปลามาอย่างสักสี่ไม้ หญิงสาวนั่งไม่ห่างกองไฟมองปลาย่าง นางถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ จยาจั้วยื่นปลาย่างให้จูจู ปลาย่างส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายไหล
จูจูเอ่ยขอบคุณพร้อมรับปลาย่าง หลังจากพวกเขาทุกคนกินข้าวอิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อ จูจูยังคงนั่งในเกวียนเหมือนเดิมโชคดีที่นางตัวเล็ก จึงนั่งได้อย่างสบาย นางฉุดคิดป่านนี้บิดามารดาคงจะรู้แล้วกระมังว่านางหนีออกมา
รถเกวียนคันที่จูจูนั่งหยุดกะทันหัน ทำให้ศีรษะนางกระแทกกับขอบรถเกวียนอย่างแรง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้หยุดกะทันหัน
“ส่งผ้าพวกเจ้ามาให้หมด ถ้าไม่อยากตาย”
สองหูจูจูได้ยินอย่างนี้ก็รู้ทันที ว่ามีโจรมาปล้นได้แล้วหญิงสาวทำได้เพียง นั่งหดตัวเงียบๆ จากนั้นให้ผ้าคลุมตัวเอง เสียงต่อสู้ระหว่างโจรภูเขา กับพวกจยาจั้วดังขึ้นเรื่อยๆ
ดูเหมือนว่าพวกโจรภูเขานับสิบคนจะจัดการพวกจยาจั้ว ได้ทั้งหมด เพราะจยาจั้วมีแค่ห้าคน จูจูส่องสายตาผ่านรูไม้ พบว่าพวกจยาจั้วตายหมดแล้ว
นางจะทำอย่างไรดี นางจะต้องตายแน่ๆ เลย
“ในที่สุดเราก็ปล้นรถม้าขนได้ได้สำเร็จ นำไปขายคงได้เงินมากโข” หนึ่งในโจรภูเขาเอ่ยขึ้น
พวกนับสิบคนขนรถเกวียนที่มีผ้าต่วนอย่างดีหลายผืน เข้าไปในหมู่บ้านโจรภูเขา
กล่าวถึงหมู่บ้านโจรภูเขา เป็นหมู่บ้านที่รายล้อมไปด้วยภูเขานับหลายลูก อีกทั้งยังมีเมฆหมอกหนาทึบ ยากมากกว่าที่คนธรรมดาจะเข้าถึง
ภายในหมู่บ้านนี้มีแต่บุรุษที่หน้าตาดุดัน ส่วนสตรีนั้นพวกมันจับมาจากข้างนอกอีกทั้งกระทำชำเรา อย่างทรมาน
ยามพลบค่ำพวกมันก็ถึงหมู่บ้านรังโจร ด้านจูจูตกใจจนหน้าซีดขวัญผวา นางทำอันใดมิได้ ได้แต่นั่งนิ่งๆ นางไม่มีวันจะให้พวกมันจับได้เป็นอันขาด
เพลานี้พวกมันกำลังนั่งล้อมวงร่ำสุรากันอย่างสนุกสนานรื่นเริง
ทางด้านจูจู กำลังคิดจะหาทางออกไปจากรังโจรอย่างไรดี บรรยากาศในตอนนี้ก็ช่างเหน็บหนาวยิ่งนัก
เหล่าสตรีที่นั่งในวงร่ำสุราสีหน้าพวกนางไม่ค่อยพอใจยิ่งนัก หัวหน้าโจรนามว่าปาหี่จุมพิตที่แก้มสาวงามที่เขาพึ่งฉุดมาไม่กี่วันก่อน ทางด้านจูจูที่ลอบมองนั้นอยากจะอาเจียนยิ่งนัก