บทย่อ
นางหนีความยากลำบากเข้ามาในเมืองหลวงฉางอัน เพื่อขายตัวเองเป็นสาวใช้ในจวนท่านแม่ทัพ แต่ทว่า ท่านแม่ทัพผู้นี้เมตตาสาวใช้อย่างนางยิ่งนัก จนกระทั่งทำให้ฮูหยินใหญ่ในจวนมิพอใจสาวใช้อย่างนาง จูจูจะทำอย่างไรให้มีชีวิตที่ปลอดภัยในจวนท่านแม่ทัพนี้ ร่วมเป็นกำลังใจให้จูจูนะเจ้าคะ
บทที่ 1
เรือนร่างอรชนนอนที่เตียงไม้เก่า ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ หนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรีเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อเหตุใดบุตรสาวของพวกเขายังไม่ฟื้น จมน้ำจนศีรษะกระแทกกับโขดหินได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
“ท่านพี่เหตุใดจูจูยังมิฟื้นเจ้าคะ” มารดาของจูจู หรือนางสวี เอ่ยถามสามีอย่างหลงซาน เขาทอดสายตามองดูจูจู แล้วถอนหายใจ หลงซานไม่ตอบเพียงแต่กอดภรรยาไว้
เสียงผู้ใดมาร่ำไห้แถวนี้ แพรขนตาผีเสื้อกระพือขึ้นมา ภาพนั้นช่างเลือนรางยิ่งนัก จากเลือนรางค่อยแปรผันเป็นภาพชัดเจน หนึ่งสตรี หนึ่งบุรุษ วัยกลางคนยิ้มให้นาง
“จูจูฟื้นแล้ว” สตรีนางนั้นเรียก นางว่าจูจู
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าจูจู พลันตกใจ ที่แห่งนี้ที่ไหนกัน นางกวาดสายตามองดูรอบๆเรือนเก่าโทรมแห่งนี้ ทำไมนางถึงได้ปวดศีรษะยิ่งนัก มือสองข้างกุมศีรษะอย่างเจ็บปวด
“ลูกแม่ ไม่เป็นไรแม่อยู่นี่” นางสวีพลันกอดบุตรสาว
“ทำไมข้าจำอะไรไม่ได้เลย” จูจูบอกกับมารดา
“โธ่ เจ้าพลัดตกน้ำ จากนั้นศีรษะกระแทกอย่างแรง ไม่แปลกที่จะจำอะไรไม่ได้” นางสวีหันไปสบตากับหลงซาน
จูจูพลันมองใบหน้าของนางสวี ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นมารดาของนาง ทำไมนางถึงไม่ได้รู้สึกผูกพันธ์แม้แต่น้อย
ที่แท้นางชื่อจูจูหรอกหรือ แต่ทำไมนางไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้จริงๆ “ลูกพ่อในที่สุดเจ้าก็ฟื้นเสียที ทำให้ข้ากับแม่เจ้าตกใจ นึกว่าจะสูญเสียเจ้าไปแล้ว” กล่าวจบ หลงซานกับนางสวีพลันร่ำไห้ราวกับพายุสายฝนหลั่งรินลงมา
หลายวันมานี้จูจูใช้ชีวิตอยู่ในเรือนเก่าโทรมแห่งนี้ นางรู้แต่ว่าบิดามารดาของนางมีอาชีพตัดฟืนขาย เรือนที่พวกนางอาศัยอยู่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มาหนาหมอกทึบ มารดาบอกว่านางอายุสิบหกปีแล้วแต่ทว่าดื้อซุกซนราวกับเด็กน้อย ชอบไปเล่นน้ำตามลำธารแล้วพลัดตกลงไปในน้ำลึก จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ตอนนี้นางสวีห้ามนางไปที่ลำธาร กระนั้นจูจูจำต้องอยู่ในแห่งนี้ นางสวียังสอนจูจูให้ถักทอถุงหอมหลากสีเพื่อนำไปจำหน่ายในเมืองหลวงฉางอัน กระนั้นชีวิตจูจูจึงไม่ค่อยเบื่อหน่ายเพราะนางถักทอถุงหอมทั้งวัน
พริบตาเดียวก็สองปีผ่านไป หลังผ่านพ้นปีใหม่ จูจูก็อายุสิบแปดปีแล้ว นางสวีกับหลงซานรักบุตรสาวคนนี้มาก สองสามีภรรยาลงทุนซื้ออาภรณ์สีชมพูลายดอกเหมยให้บุตรสาวอย่างจูจู
ภายในค่ำคืนนี้ นางสวีลงแรงทำกับข้าวให้บุตรสาวกับสามีกินอย่างสุดฝีมือ น้ำแกงแดงหมูตุ๋นนั่นเอง วางบนโต๊ะกลมเก่าๆ กับข้าวตั้งสามอย่าง สามคนพ่อแม่ลูกกินข้าวกันอย่างมีความสุข
หลังกินข้าวอิ่มจูจูเก็บสำรับไปล้างแล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ไม้เหมือนเดิม
สองสามีภรรยามองหน้ากัน “คืนนี้แม่มีสิ่งของมอบให้เจ้า” จูจูได้ยินกระนั้นก็ตาโตราวกับไข่ห่าน ท่านแม่มีอะไรมอบให้นางกันนะ
“ท่านพี่ ไปหยิบมาให้ลูกเลยนะ” นางสวีไม่อยากลุกจากเก้าอี้ จึงสั่งสามี หลงซานผู้รักภรรยามากจึงเดินตรงไปที่ตู้ จูจูพลันมองบิดาเดินถือผ้าสีแดงออกมา
อาภรณ์หรูหราเชียวนะ หรือว่าท่านแม่จะให้นาง
“ท่านแม่”
หลงซานนั่งลงแล้งวางอาภรณ์สีแดงไว้บนโต๊ะ
“ชอบหรือไม่ ผ้าต่วนผืนนี้ แพงยิ่งนัก แม่เก็บเงินตั้งหลายเดือนกับพ่อเจ้า ซื้อของขวัญให้เจ้า” จูจูมองอย่างซึ้งใจ
“ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่ มากเจ้าค่ะ”
นางรู้สึกชอบอาภรณ์ผืนนี้ยิ่งนัก
“เจ้าชอบก็ดีแล้ว ปีนี้เจ้าอายุสิบแปดปี แม่ขอให้ลูกแม่มีความสุข” นางสวีอวยพรบุตรสาว จูจูยิ้มให้มารดาอย่างอ่อนโยน
“พ่อก็เช่นกันนะลูก”
นางมีความสุขจริงๆ ที่บิดามารดาใส่ใจ ถึงเพียงนี้ ในคืนนั้นหิมะตกลงมาอย่างหนัก ทั้งสามคนรีบปิดประตูเรือนทันที จากนั้นก็นอนเตียงใครเตียงมัน จูจูนอนห่มผ้าห่มฟังเสียงหิมะตกด้านนอก คืนวันคล้ายวันเกิดนางหิมะตกอีก กะว่าจะคุยกับท่านพ่อท่านแม่จนถึงรุ่งสางเสียหน่อย…
เช้าวันต่อมาแสงอาทิตย์ส่องลงมาอย่างเจิดจ้า จูจูรีบตื่นขึ้นมาหุงหาอาหารไว้บิดามารดาทันที ดูเหมือนว่าวันนี้บิดาคงต้องออกไปตัดฟืนคนเดียวกระมัง