บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

        เธอรู้สึกสิ้นหวัง ถ้าเธอปฏิเสธที่จะอยู่ที่นี่ในตอนนี้เท่ากับเธอยอมรับโดยปริยายว่าเพียซ เรย์โนลด์... รบกวนจิตใจเธอจริง... ถ้าจะมองจากจุดยืนอย่างมีเหตุผลแลบริสุทธิ์ใจ การพักอยู่ที่บ้านของเขาน่าจะปลอดภัยที่สุด เป็นสิ่งมีเหตุผลที่สมควรจะทำอย่างที่สุด เธอคงยิ่งกว่าคนโง่ถ้าจะฝ่าพายุฝนกลางป่ายามนี้โดยมีลูกชายวัยซนสองคน เดินหลับตาตามต้อยๆ ไปข้างหลัง

        เธอปลอบใจตัวเองอยู่ว่า... คิดเสียว่าเป็นการพักหลบภัยชั่วคราวก็แล้วกัน ที่จริงเธอก็ใช้เวลานานถึงสามสิบเอ็ดปีที่จะดูแลตัวเองมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ปรารถนาจะพึ่งพิงใครเลยแต่ว่านี่มันก็แค่คืนเดียวเท่านั้น...

        คิ้วเข้มของเพียซเลิกขึ้นเป็นเชิงถามและเธอก็ตอบรับด้วยการหลบตาลง เขาสนองรับการตัดสินใจของเธอด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง โดยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

       “ผมคิดว่าให้ลูกชายคนหนึ่งของคุณนอนกับผมข้างล่างนี่ ส่วนอีกคนก็ให้ขึ้นไปนอนกับแม่บนชั้นลอย มีเตียงคู่ตั้งอยู่เรียบร้อยแล้ว

        “ให้แกขึ้นไปนอนกับฉันทั้งสองคนก็ได้ค่ะ คุณจะได้ไม่ถูกเบียด” ... สำหรับคุณน่าจะเบียดเตียงไหนกับใครก็ได้อยู่แล้ว...

        “ไม่มีปัญหาหรอก” ใจจริงแล้วผมอยากนอนเตียงเดียวกับคุณมากกว่า...

        “ถ้าอย่างนั้นก็ให้อดัมนอนกับคุณเพราะตัวแกเล็กกว่า”

        เดวิดขมวดคิ้วย่น มองน้องชายอย่างอิจฉา ก่อนจะกระโดดขึ้นบันไดไปยังชั้นลอย

        “กู๊ดดี้...ผมได้นอนชั้นบนแล้ว” เดวิดร้องอย่างปลอบใจตัวเอง

        เมื่อเด็กทั้งสองเข้านอนเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศภายในบ้านก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบที่น่าอึดอัดใจ จะมีก็แต่เสียงฝนที่ยังตกอยู่ไม่ขาดสายกับเสียงฟ้าร้องก้องมาแต่ไกลๆขณะนี้ความรุนแรงของพายุฝนได้ซาลงมากแล้ว อลีเซียลงมือเก็บโต๊ะอาหาร เก็บจานชามไปล้าง เพียซเข้ามาช่วยเช็ดและเก็บเข้าที่ ต่างคนต่างทำงานเงียบๆ จนเสร็จเรียบร้อย

        “ขอบคุณมาก” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

        “มันก็แค่อะไรบางอย่างที่ฉันพอตอบแทนคุณได้เท่านั้นล่ะค่ะ”

        “ผมไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้คุณเปลี่ยนก่อนดีกว่าไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ก็ตามผมว่าเสื้อผ้าชื้นๆ แบบนั้นมันไม่ช่วยให้คุณสบายขึ้นมาได้หรอก ของผมก็เหมือนกัน”

        เธอไม่อยากให้เขาเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย ทั้งนี้เพราะเสื้อเชิ้ตที่ยังชื้นฝนตัวนั้นแนบเน้นแผงอกและต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม กางเกงยีนส์แนบเน้นสะโพกกับต้นขาราวผิวหนังชั้นที่สอง ทั้งเท้าที่เปล่าเปลือยก็ยังยั่วอารมณ์อย่างที่เธอไม่อยากคิดถึงมันเลย...

        แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังอยู่ในความคิดของเธออยู่ดี...!

        เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าตู้ไม้ซีดาร์ เริ่มลงมือค้นหาเสื้อผ้าที่เก็บไว้ตามลิ้นชัก เมื่อไม่มีอะไรในชั้นที่หนึ่งกับชั้นที่สองจึงดึงชั้นที่สามออกมา มีเสื้อผ้าบางชิ้นที่ถูกลืมทิ้งไว้นานแล้วนอกจากนั้นก็มีถุงมือหนึ่งข้าง กางเกงขาสั้นขนาดเอวสี่สิบสองกับถุงเท้าสามข้างที่ต่างสีกัน

        “อา... นี่ไงได้แล้ว...” เขาดึงเสื้อตัวหนึ่งออกมา สายตาบอกความรู้เท่าทัน “นี่แสดงว่าจะต้องมีใครบางคนมีความสุขมากตอนมาค้างอยู่ที่นี่”

        ลมหายใจของอลีเซียติดอยู่แค่คอเมื่อเขาชูเสื้อนอนตัวนั้นขึ้น แสงสว่างจากดวงไฟสามารถส่องผ่านเนื้อผ้าสีดำบางเบาออกมาได้ ท่อนบนที่เป็นลูกไม้นั้นโปร่งใสปานตาข่ายแมงมุม ซึ่งเมื่อทาบทับกับเรือนร่างมนุษย์ มันก็ไม่เหลืออะไรให้ต้องคิดต่ออีกเลย

เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วก็ก้าวเข้ามาหาเธอ สายตาของเขาในยามนี้ราวจะตรึงร่างเธอไว้ เมื่อถึงตัวก็ทาบสายแขนเสื้อนอนเข้ากับช่วงไหล่ ให้ตัวเสื้อทิ้งชายลงจดข้อเท้า แล้วก็พิจารณาอยู่

        “พอเหมาะกับคุณเลย” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผิดปกติอย่างมาก

        อลีเซียได้แต่ยืนนิ่งราวถูกตรึงอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวไปทางไหน รู้สึกเหมือนตัวเองสิ้นเรี่ยวแรงอย่างไรบอกไม่ถูก

“เอ้อ...ฉันใส่ไม่ได้หรอกค่ะ”

ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความหมายในคำพูดประโยคนั้น จึงถอยหลังออกห่าง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกโล่งใจอย่างมากท่าทางเขาในยามนี้เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ และไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตามมันก็มีพลังอำนาจมากพอที่จะกระชากเขาออกมาจากความฝันสีทองและโยนเข้าไปสู่ความเป็นจริงอันเย็นเยือก สีหน้าของเขาว่างเปล่าไม่บอกความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน มันเป็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง จนแม้แต่อลีเซีย ซึ่งยังคงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาก็ยังมองเห็นและสามารถสัมผัสได้มันชัดเจนมากจนแทบจะจับต้องได้ทีเดียว

        บางที...อาจจะเป็นเพราะเขาแต่งงานแล้ว...

       เขาหันหลัง โยนเสื้อนอนตัวนั้นใส่กลับคืนเข้าไปในลิ้นชัก แล้วก็คุ้ยๆ เสื้อผ้าที่เหลืออยู่ในนั้นด้วยท่าทางโมโห ก่อนจะยัดเสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวหนึ่งใส่มือเธอ

        “ตัวนี้รับรองว่าคุณใส่ได้แน่” เขาพูดห้วนๆ ก่อนจะต่อว่า “กู๊ดไนต์ อลีเซีย…”

        เธอลืมตาตื่น บิดตัวอย่างมีความสุขแล้วก็จ้องมองเพดานห้องที่ไม่เคยคุ้นสายตาเอาเสียเลย ต้องใช้เวลาอยู่เป็นครู่เมื่อถามตัวเองว่ากำลังอยู่ที่ไหน... และในที่สุดก็นึกออก

        เธอรีบผุดลุกขึ้นนั่ง ปัดผ้าห่มออกจากตัว เมื่อชะโงกหน้าลงไปมองก็พบว่าเตียงข้างล่างว่างเปล่า ตอนที่เธอเดินขึ้นบันไดแคบๆ ขึ้นมายังที่นอนบนชั้นลอยนี้ เธอนึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะหลับลึกยาวนานได้ถึงขนาดนี้ และเมื่อมองออกไปทางหน้าต่างกระจกเล็กๆ ซึ่งอยู่ด้านข้างของชั้นลอยก็บอกให้เธอรู้ว่าดวงอาทิตย์แห่งวันในฤดูใบไม้ร่วงขึ้นสูงแล้ว ป่าทั้งป่าได้รับการชำระล้างให้สดสะอาดจากพายุฝนเมื่อคืนที่ผ่านมา

        มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจากชั้นล่างและตามด้วยเสียงปราม “ชูว์...” อลีเซียย่องไปตรงหัวบันไดเงี่ยหูฟังอยู่ได้ยินเสียงซ้อนส้อมกระทบอยู่กับจาน ได้กลิ่นหอมหวนยั่วน้ำลายของเบคอนกับเมเปิลไซรัป ผสมอยู่กับกลิ่นกาแฟ

“เบาๆ หน่อย ปล่อยให้แม่หนูนอนไปก่อน เมื่อคืนนี้เธอเหนื่อยมาก”

        “ผมขอแพนเค้กเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมครับ?”

        “ได้เลย อดัม นี่กินเข้าไปกี่ชิ้นแล้วล่ะ?” ในเสียงถามนั้นกลั้วอยู่ด้วยเสียงหัวเราะ

        “ไม่ทราบครับ”

        “สักหกสิบชิ้นแล้วละมั้ง” เดวิดว่า เสียงพูดของลูกชายบอกให้อลีเซียรู้ได้เลยว่า ไม่ว่าจะเตือนเรื่องมารยาทสักเท่าไรแต่เดวิดก็ยังพูดทั้งที่มีอาหารเต็มปากอยู่นั่นเอง “ก็ฉันบอกแล้วไงว่านายน่ะมันเป็นหมู”

        “พี่ก็เหมือนกันล่ะน่า...!” อดัมสวนกลับมาทันที

        “เฮ้...ใจเย็นๆ ทั้งสองคนนั่นแหละ เอ้า... เดวิด นี่อีกสองแผ่นสำหรับหนู”

        “คุณทำแพนเค้กอร่อยจังเลย...”

        “ขอบใจมากนะอดัม”

        “แต่ก็ยังอร่อยไม่เท่าของมอมอยู่ดี” เด็กชายสำแดงความภักดีต่อมารดา

        อลีเซียอดยิ้มไม่ได้ เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเพียซซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เสื้อผ้าของเธอถูกพับพาดอยู่กับราวเตียงเหล็ก แต่มันก็ยังชื้นอยู่มากดังนั้นความคิดที่ว่าจะเอากลับมาสวมใส่อีกครั้งจึงต้องยุติไว้ก่อนเธอจับชายเสื้อเชิ้ตผู้ชายไว้อย่างขัดเขินเมื่อก้าวช้าๆ ลงไปตามขั้นบันได

        “กู๊ดมอร์นิ่งค่ะ ทุกคน” เธอเอ่ยขึ้นก่อนอย่างจงใจ

        ศีรษะทั้งสามเงยขึ้นมองเธอพร้อมกัน สองคนแรกเป็นคนพูด ส่วนอีกคนหนึ่งนิ่งเงียบ

        “ไฮ...มอม”

        “เพียซทำแพนเค้กกับเบคอนให้เรากินด้วย”

        “เพียซ ระวัง...คุณทำแป้งหยดลงบนพื้นแล้ว...!”

        สีหน้าของเพียซบอกความละอายอย่างเห็นได้ชัด ทิ้งส้อมลงในชามแป้งที่ผสมไว้เรียบร้อยแล้ว เขายอมรับว่าตะลึงไปกับภาพเรียวขาของอลีเซีย ทั้งยังความเนียนนุ่มของเนื้อผ้าที่แนบอยู่กับเนินทรวงและทิ้งชายลงตรงต้นขา เรือนผมสีบลอนด์ยับยุ่ง ผิวหน้าสีชมพูฉาบร่องรอยง่วงงุนของเธอทำให้เขาถึงกับอึ้งตะลึงตะไล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel