บทที่ 3 ขอโทษครับพี่ เมียผมกำลังงอน
นลินีเห็นคนขับรถนั่งจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือสักพักแล้ว หล่อนอดที่จะเหลือบมองไม่ได้ ถึงได้เห็นว่าเขากำลังดูเส้นทางการจราจรของกรุงเทพมหานครจากแอปพลิเคชันหนึ่ง
หล่อนรู้ว่ากวินทร์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา หากไม่รู้ว่าเขากลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไร ครั้งแรกที่หล่อนเห็นเขาตอนเดินเข้ามาในบ้านของเจ้าสัวธงชัยก็เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา...ดังนั้นหล่อนจึงไม่คาดหวังให้เขาชินเส้นทางในกรุงเทพฯ
“เลยแยกไฟแดงข้างหน้า จะมีซอยลัดออกถนนที่ตรงกลับบ้านได้ค่ะ”
นลินีตัดสินใจบอก เขาชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะค้นหาเส้นทางผ่านแอปพลิเคชันต่อไป หญิงสาวกลอกตาไปมา ชะรอยว่าหล่อนคงเจอผู้ชายที่ไม่ชอบให้ใครบอกเส้นทางแล้วกระมัง
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว นลินีก็ลืมความขัดใจ หล่อนกำลังใจจดใจจ่อให้รถแล่นผ่านสี่แยกใหญ่ไปให้ได้ โดยตั้งใจจะบอกให้เขาเลี้ยวเข้าไปในซอยลัดที่หมายตาอีกที...ถึงตอนนั้นเขาคงเชื่อหล่อน
หากรถคันงามแล่นไปได้ไม่กี่สิบเมตร นลินีก็ต้องตีหน้าเหวอเมื่อสารถีเลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่งทันควัน ทั้งที่มันยังไม่ถึงสี่แยกเลยด้วยซ้ำ
“คุณเข้ามาผิดซอย”
หล่อนรีบบอกเขา ขณะเดียวกันก็คิดหาทางช่วยเขาให้พารถออกไปจากบริเวณนี้ด้วย หากหญิงสาวก็รู้สึกเอะใจเมื่อสังเกตเห็นว่าคนขับรถยังคงท่าทีสบายๆ แถมยังบังคับรถอย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
“คุณจะไปไหนคะ”
เขาไม่ตอบ...หล่อนเริ่มกระวนกระวาย หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจไปหาเพื่อนของเขากันนะ
“ข้างหน้าเป็นทางให้รถขึ้นทางด่วนไปรังสิต คุณช่วยจอดรถให้ฉันลงก่อนค่ะ”
นลินีตัดสินใจฉับไว หล่อนไม่รู้ว่ากวินทร์กำลังทำอะไร แต่คิดสะระตะแล้วว่าเขาคงเอาตัวรอดได้ ถ้าเขาหลงทาง เขาก็มีเพื่อนที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ แถมเขายังมีรถให้ขับอีกทั้งคัน นาทีนี้หล่อนจึงควรห่วงตัวเองมากกว่า
กวินทร์ไม่มีท่าทีว่าจะจอดรถให้หล่อนลง เขาทำเหมือนหล่อนไม่มีตัวตนอยู่ในรถ ยังคงตั้งใจขับผ่านจุดที่หล่อนบอกให้จอดขึ้นไปบนทางด่วน...
นลินีกำสองมือไว้แน่น ยิ่งเห็นสายฝนตกลงมาโปรยปรายกระทบกระจกหน้ารถหลังจากขาดเม็ดไปช่วงหนึ่ง มันก็ยิ่งสั่นคลอนจิตใจ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังจะไปไหน แต่ให้ฉันลงจากรถก่อนได้ไหมคะ”
“คุณจะลงบนทางด่วนนี้เหรอ มันจอดรถได้ด้วยเหรอ” เขาถามเสียงซื่อ ซึ่งหล่อนไม่รู้อีกนั่นแหละว่ามันเป็นความรู้สึกแท้จริงหรือเขาแกล้งทำ ดังนั้นหล่อนจึงบอกย้ำอย่างละเอียด
“คุณช่วยขับรถลงจากทางด่วนแล้วส่งฉันตรงไหนก็ได้ค่ะ ฉันจะหารถแท็กซี่กลับบ้านเอง”
“ไม่เอาละ เสียเวลา” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนฉับไว คล้ายกับว่านลินีกำลังพูดอะไรที่มันไร้สาระเหลือเกิน
“เสียเวลา? มันเสียเวลาได้ยังไง แล้วคุณจะไปที่ไหนกันแน่”
“เขาใหญ่...พรุ่งนี้วันศุกร์ ผมไม่มีประชุม ไม่มีนัดลูกค้าด้วย คุณรู้จักทางไปเขาใหญ่ใช่ไหม ถ้าผมขับไปผิดทางก็ช่วยบอกด้วย”
สองมือบางที่กำไว้เริ่มสั่นเทา ความรู้สึกในเวลานี้มีทั้งโกรธ ตกใจ และหวาดหวั่น นลินีกำลังควบคุมสติไม่ให้โวยวาย เพราะคิดว่าควรใช้วิธีพูดคุยกับเขาดีๆ มันจะเป็นผลดีกับตัวเองมากกว่า...
“งั้นฉันขอลงแถวรังสิตก็ได้ค่ะ”
เมื่อบอกเขาไปแล้ว หัวใจก็เริ่มหวาดกลัว ช่วงเวลากลางคืนและฝนตกพรำๆ เช่นนี้ นลินีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนจะหารถแท็กซี่กลับบ้านที่พักอาศัยซึ่งอยู่คนละฝั่งเมืองได้หรือเปล่า
รถแล่นบนทางด่วนนานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อเคลื่อนลงบนถนนด้านล่าง หล่อนก็มองหาที่เหมาะๆ เพื่อให้เขาจอดรถ ดูท่าตอนนี้เขาคงพร้อมทำคำขอของหล่อน
“คุณจะลงตรงไหนก็บอกมา”
“แถวนี้มืด ไม่มีที่ให้ฉันรอรถเลย คุณช่วยกลับรถไปส่งฉันที่ป้ายรถเมล์ได้ไหมคะ หรือจะเป็นคิวรถตู้ตรงหน้าห้างฯ ก็ได้ค่ะ”
นลินีออกอาการร้อนรน ขณะเดียวกันก็ข่มอารมณ์แล้วพูดจากับเขาดีๆ เพราะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ตัวเองตกเป็นรองเขานัก หล่อนกำลังนั่งอยู่ในรถของเขา ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ แถมละแวกนี้มันก็เปลี่ยวเหลือเกิน...หล่อนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นอกจากตะล่อมบอกให้เขาเห็นใจหล่อน
รถคันงามเริ่มแล่นเร็วขึ้น นลินีมองทางข้างหน้า แล้วเหลือบสายตามองคนขับรถ ดวงหน้าคมสันเรียบนิ่ง หล่อนคาดเดาความคิดของเขาไม่ถูก กระทั่งเห็นว่ารถแล่นผ่านจุดกลับรถไป ความหวังสุดท้ายของหล่อนก็หรี่แสงลง
มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดหน้า นลินีอยากร้องไห้ ความกลัวและความเครียดกำลังโถมเข้ามา เพราะรู้แล้วว่าค่ำนี้ตนคงไม่ได้กลับบ้านอย่างแน่นอนแล้ว
เขาพาหล่อนมาที่นี่ทำไม...
คำถามอื้ออึงอยู่ในหัว เมื่อมองไปยังบ้านพักที่อยู่เบื้องหน้า แสงไฟรอบๆ บ้านส่องให้เห็นตัวบ้านหลังไม่ใหญ่ หากดูสวยงามดี
“ผมจะพักที่นี่”
กวินทร์พูดลอยๆ ...เขาคงบอกหล่อนนั่นแหละ ก่อนจะเดินไปหาผู้ชายกับผู้หญิงที่ลงมาจากรถกระบะสองตอน พวกเขาทักทายเหมือนรู้จักกัน จากนั้นก็พูดคุยนานนับนาที ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะส่งกุญแจบ้านให้กวินทร์
ความละล้าละลังกำลังเกิดกับนลินี กระทั่งหล่อนเห็นชายหญิงคู่นั้นล่ำลากวินทร์แล้วกลับไปยังรถของพวกเขา ในขณะที่กวินทร์เดินตรงไปยังตัวบ้าน...หญิงสาวก็ตัดสินใจได้ในวินาทีสุดท้าย ปราดเข้าไปหาผู้หญิงก่อนที่เธอจะปิดประตูรถ
“คุณคะ ขอฉันติดรถกลับไปด้วยค่ะ ช่วยไปส่งฉันที่ท่ารถได้ไหมคะ ฉันต้องกลับกรุงเทพฯ”
ผู้หญิงคนนั้นดูงงงัน ในตอนแรกเธอสะดุ้งและชักมือกลับอย่างไว จนนลินีต้องรีบปล่อยมือจากแขนของเธอ
“คุณเป็นใครคะ แล้วคุณมากับคุณวินหรือเปล่า”
“ฉันติดรถเขามาค่ะ แต่ฉันไม่ตั้งใจมาที่นี่ ฉันต้องกลับบ้าน คุณช่วยพาฉันไปส่งที่ท่ารถกลับกรุงเทพฯ ได้ไหมคะ”
ผู้หญิงคนที่นลินีกำลังขอร้องหันไปมองสบตาผู้ชายที่นั่งประจำเก้าอี้คนขับ จากสายตาของผู้ชายคนนั้น นลินีเห็นชัดว่าเขาไม่อยากช่วยหล่อนเลย
“ฉันมีค่าเหนื่อยให้คุณด้วยค่ะ ฉันเข้าใจค่ะว่าคุณต้องเสียเวลาและเสียค่าน้ำมันรถ”
นลินีพูดเสียงเบาหากยังคงเร่งเร้าในที หล่อนไม่รู้หรอกว่ากวินทร์คิดอย่างไรที่หล่อนทำเช่นนี้ ขอให้เขาไม่สนใจ ขอให้เขามองหล่อนอย่างไร้ตัวตนเหมือนเดิมด้วยเถอะ
หากคำภาวนาของหญิงสาวไม่เป็นผล เพราะแค่หล่อนพูดจบลง เสียงจากด้านหลังก็ดังขึ้นเบาๆ ทว่าสั่นประสาทหล่อนเหลือเกิน
“มีอะไรกันหรือครับ”
กวินทร์หยุดอยู่ทางด้านหลังของหล่อน เขามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ หล่อนไม่ทันสังเกต