บทที่ 2 หลานสาว (นอกไส้) ของเจ้าสัว
ถ้าเขาจำไม่ผิด เจ้าสัวมีลูกสองคน นั่นก็คือแม่ของเขากับลุง ซึ่งลุงยังครองตัวเป็นโสด ดังนั้นนอกจากเขากับน้องสาว เจ้าสัวธงชัยก็ไม่ควรมีหลานคนใดงอกขึ้นมาอีก
“เธอให้คุณมาขอผมอย่างนั้นหรือ”
“เปล่าครับ คุณนลินีกำลังรอรถแท็กซี่อยู่ข้างล่าง เธอเรียกรถให้มารับ แต่ไม่มีรถแท็กซี่ตอบรับสักคัน ฝนตกรถติดมันก็เป็นอย่างนี้ทุกที ผมเลยให้รปภ.ไปดักรอรถแท็กซี่หน้าตึกบริษัท แต่ก็ไม่มีรถว่างเข้ามาเหมือนกัน เธอรอรถอยู่ครึ่งชั่วโมงแล้ว ไหนๆ เธอก็ไปทางเดียวกับคุณกวินทร์ ผมขอให้เธอติดรถไปด้วยก็แล้วกันนะครับ”
ไม่ใช่ไปทางเดียวกัน แต่เธอคนนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับเขาต่างหาก กวินทร์ไม่รู้ว่าหัวหน้ารปภ.เข้าใจไปตามที่พูดหรือเจ้าตัวรู้ดี แต่ตั้งใจพูดเลี่ยง
“งั้นคุณบอกให้เธอไปรอผมตรงประตูทางออกของชั้นจอดรถก็แล้วกัน อีกสิบนาทีผมจะลงไป”
“ได้ครับ ผมขอบคุณคุณกวินทร์มากครับ”
หัวหน้ารปภ.ออกอาการดีใจ ก่อนจะรีบเข้าไปในลิฟต์สำหรับพนักงาน ส่วนตัวเขาเองนั้นก็ทอดฝีเท้าไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารอย่างอ้อยอิ่ง
นลินีบอกตัวเองไม่ได้ว่าควรรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินคำพูดจากคนที่ยืนทำท่านอบน้อมอยู่ตรงหน้า...เจ้าตัวบอกเรื่องที่ทำลงไปโดยพละการ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่หล่อนคิดจะทำ
“ผมเห็นคุณกวินทร์กำลังจะกลับพอดี ผมเลยขอเขาว่าให้คุณครีมติดรถกลับบ้านไปด้วยครับ คุณกวินทร์ก็ไม่ว่าอะไร เขาบอกให้คุณครีมไปรอตรงประตูทางออกของชั้นจอดรถ”
“แต่ครีมรอรถแท็กซี่ได้ ถ้าฝนขาดเม็ดมากกว่านี้ รถก็เข้ามาเอง รถแท็กซี่มันคงไม่หายไปทั้งคืนหรอกค่ะ”
“ผมขอโทษอีกทีครับที่ไม่ถามคุณครีมก่อน แต่ผม เอ่อ...”
คนหวังดียกมือขึ้นเกาหัวแกรก...เขาเป็นห่วงนลินี ไม่อยากให้หล่อนรอรถแท็กซี่จนมืดค่ำ แถมฝนตกหนักขนาดนี้ อาจต้องเจอน้ำท่วมถนนระหว่างทาง คิดแล้วมันคงลำบากมากไปสำหรับผู้หญิงคนเดียว
“เอาเถอะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวครีมจะขึ้นไปรอเขาที่หน้าประตูชั้นจอดรถก็แล้วกัน ยังไงครีมขอบคุณลุงนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณครีม”
หัวหน้ารปภ.ยิ้มออกมาได้ เขาตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด แต่คราวนี้ก็รู้ว่าความตั้งใจของเขาทำให้พนักงานที่พ่วงตำแหน่งหลานสาวท่านประธานขัดใจอยู่ไม่น้อย
ทางด้านนลินี เมื่อเดินขึ้นบันไดจากโถงล็อบบี้ของสำนักงานไปยังชั้นสองซึ่งเป็นทางออกสู่ลานจอดรถของผู้บริหาร หล่อนก็ชะเง้อมองออกไปด้านนอก เห็นว่ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีน้ำเงินคันหรูยังจอดอยู่ในตำแหน่งที่จอดรถของกรรมการผู้จัดการ
เขายังไม่มา...นลินีพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยหล่อนยังมีเวลาเตรียมใจตั้งรับ
หญิงสาวเดินเตร็ดเตร่อยู่ตรงหน้าประตู เมื่อสักครู่หล่อนแอบหลบเข้าห้องน้ำครั้งหนึ่ง เมื่อกลับออกมาก็พบว่าบริเวณนี้ยังเงียบกริบไร้ผู้คนเหมือนเดิม จนเริ่มสงสัยว่าตนต้องรอเขาถึงกี่โมงกันแน่
ขณะกำลังคิดเพลินๆ พลันหญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินคำทักทายเสียงเบา แต่กลับดังกึกก้องอยู่ในอก
“ครีม! ยังไม่กลับบ้านหรือ”
ท่าทางของคนทักถามตื่นเต้น หากต่างกับหญิงสาวโดยสิ้นเชิง หล่อนถอยห่างจากเขาพร้อมทั้งกวาดสายตามองรอบๆ คล้ายกลัวใครจะมาเห็น
“อ้อ! ยังค่ะ...แต่ครีมกำลังจะกลับ”
“แล้วกลับยังไง”
“เอ่อ ครีม...”
นลินีอึกอัก ไม่รู้จะตอบเต็มทรัพย์ว่าอย่างไร แน่นอนว่าหล่อนไม่กล้าบอกเขาตรงๆ หากขณะที่หล่อนกำลังคิดหาคำตอบอยู่นั้น เสียงห้าวทุ้มของใครอีกคนก็ดังขึ้นมาอย่างได้จังหวะ
“กลับกันเถอะ”
ไม่เพียงแต่นลินีที่ตัวแข็งเกร็ง เต็มทรัพย์เองก็นิ่งงันไปเหมือนกัน และที่ร้ายกว่านั้นก็คือคนมาใหม่เดินมาแทรกกลางแล้วออกไปยังบริเวณจอดรถเอาดื้อๆ
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ผสมกลิ่นเฉพาะตัวของผู้ชายลอยมาเตะจมูก หัวใจสาวเต้นแรง หล่อนเดินตามเขาอย่างว่าง่ายจนลืมบอกลาเต็มทรัพย์ไปเลย
“แฟนคุณหรือเปล่า”
กวินทร์ถาม หลังจากหญิงสาวเข้ามานั่งอยู่ในรถของเขาแล้ว
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่”
นลินีตอบหลังจากเว้นจังหวะคำถามไม่กี่วินาที ซึ่งท่าทางนั้นทำให้คนถามต้องชำเลืองมอง...ถ้าหูไม่ฝาด หล่อนได้ยินเสียงเฮอะ! ในลำคอของเขา มันไม่ใช่เสียงไอหรือเสียงกระแอม แถมหล่อนยังไม่รู้ด้วยว่ามันหมายความว่าอย่างไร
“ทำไมถึงไม่ให้เขาไปส่งที่บ้าน”
“เขาเป็นพนักงานที่นี่ค่ะ”
ตอบไม่ตรงคำถาม...แม้รู้ว่าคนถามหมายถึงอะไร และเชื่อด้วยว่าเขาอ่านสถานการณ์ระหว่างหล่อนและเต็มทรัพย์เมื่อสักครู่ออกด้วย
กวินทร์เคลื่อนรถออกจากตึกสำนักงานซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจของเจ้าสัวธงชัย หรือจะเรียกว่าที่แห่งนี้เป็นอาณาจักรของชายชราก็ย่อมได้ ชายหนุ่มเบนความสนใจไปยังการขับรถ กระทั่งรถเคลื่อนไปจอดนิ่งสนิทต่อท้ายรถอีกหลายคัน เพราะข้างหน้านั้นมีน้ำท่วมถนนเป็นทางยาว
“คุณมีพี่สาวใช่ไหม”
จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมาอีกครา นลินีเผลอกลั้นลมหายใจไปขณะหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง
“ใช่ค่ะ”
“พี่สาวของคุณไม่อยู่กับเจ้าสัวแล้วหรือ ผมไม่เห็นเขา”
“ไม่อยู่ค่ะ พี่สาวของฉันไม่เคยอยู่กับคุณตา”
เมื่อถูกสะกิดโดนต่อมอ่อนไหว เสียงของนลินีจึงแข็งขึ้นในทันที แถมหล่อนยังตอบอย่างไม่ลังเลอีกด้วย...หากในถ้อยคำนั้นยังมีบางคำที่สะดุดหูคนถาม
“คุณตา? คุณเรียกเขาว่าคุณตา แต่ก็จริง...เขาแก่คราวตาของคุณได้แล้ว”
ไม่ต้องมีใครบอก นลินีก็รู้ว่าตนกำลังอยู่ในห้วงจังหวะที่ไม่ดีนัก หล่อนไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้รู้เรื่องอะไรอีกบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าแต่ละเรื่องที่เขารู้นั้นมันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ไม่ว่าเรื่องที่เกี่ยวกับตัวหล่อนเองหรือพี่สาว พลันเสียงสายเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น นลินีเผลอปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอก เพราะเขาจะได้หันเหความสนใจออกไปจากหล่อน...
“มีอะไร”
กวินทร์ถามคนปลายสายซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่เคยเรียนในระดับประถมด้วยกัน จนกระทั่งได้เจอกันใหม่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อฝ่ายนั้นไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อกลับเมืองไทยในคราวนี้ เขาก็ได้เพื่อนคนนี้นี่แหละที่พาไปทำความรู้จักกับใครๆ อีกหลายคน...รวมถึงเพื่อนบางคนที่เคยร่วมชั้นเรียน แต่ห่างหายไปในช่วงเวลาหนึ่ง
“มึงจะตามมาหรือเปล่า มาตอนนี้ยังทันนะ งานเพิ่งเริ่ม หลังเลิกงานเราจะมีปาร์ตี้ด้วย น้องเคทของมึงก็เป็นพรีเซนเตอร์เปิดตัวสินค้า เดี๋ยวกูจัดให้มึงเป็นวีไอพีเลยเอ้า”
คนปลายสายพยายามจูงใจ แม้กวินทร์อยากตอบสนองเพื่อนสักเพียงใด แต่สถานการณ์ดันไม่เป็นใจให้เขาทำนี่สิ
“ตามเหี้ยอะไร กูยังติดอยู่บนถนน รถไม่ขยับเลย ฝนตกตั้งแต่ตอนเย็น น้ำท่วมถนนยาวเป็นกิโลเลยมั้ง คืนนี้ขอแค่กูไม่ต้องนอนบนถนนก็พอ”
“อ้าว! ไหงเป็นงั้น กูบอกให้มึงออกจากบริษัทตั้งแต่ตอนบ่ายก็ไม่เชื่อกู แต่ไหนๆ มึงยังกลับไม่ถึงบ้าน งั้นก็เปลี่ยนมาหากูดีกว่า คืนนี้กูจะเปิดห้องให้มึงพัก มึงไม่ต้องกลับบ้านแล้ว”
เพราะเสียงของคนปลายสายลอดออกมาให้ได้ยิน นลินีจึงต้องเสียมารยาทฟังการสนทนาของพวกเขาไปด้วย เมื่อได้ฟังมาถึงตรงนี้ หล่อนก็อดที่จะประเมินสถานการณ์ไม่ได้ พลันรู้สึกถึงความเป็นส่วนเกินของตัวเอง
นลินีนิ่งเงียบ ทำตัวเหมือนไร้ตัวตน ขณะเดียวกันหล่อนก็ส่ายสายตาหารถแท็กซี่คันที่ว่างจากผู้โดยสารบนท้องถนนไปด้วย...เตรียมใจถูกเททิ้งระหว่างทางอย่างเต็มที่
ท่าทางของหญิงสาวอยู่ในสายตาของกวินทร์ เขาเห็นหล่อนทางหางตา เมื่อกี้เขายังลังเลว่าจะทำตามที่เพื่อนบอกดีไหม โดยตั้งใจจะช่วยหารถแท็กซี่ให้หล่อนกลับบ้านเอง...แต่พอเห็นแม่คุณเตรียมตัวพร้อมจะแยกทางกับเขา ชายหนุ่มก็โพล่งบอกเพื่อนไปตามที่คิดได้ในวินาทีนั้น
“ไม่ไป ยังไงก็ขอบใจที่ชวน ไว้คราวหน้าถ้ามีงานแบบนี้อีกก็บอกกูด้วย บอกตั้งแต่เนิ่นๆ ได้ก็ยิ่งดี”
“งานแบบนี้คืองานแบบไหนวะ งานปาร์ตี้รายสัปดาห์ของกูหรืองานที่มีคุณเคทสุดที่รักของมึงอยู่ด้วย”
ไม่ตั้งใจจะฟังเรื่องของเขาจริงๆ แต่เสียงของพวกเขาดังมาให้หล่อนได้ยินเอง นลินีเริ่มอึดอัด รู้สึกว่าพื้นที่ภายในรถมันเริ่มเล็กแคบเกินไป หนีไปทางไหนก็ไม่ได้ หล่อนจึงจำต้องอยู่อย่างผิดที่ผิดทางต่อไป
“แล้วแต่มึงจะคิด แค่นี้ก่อนนะ มึงไปดูแลงานของมึงต่อเถอะ”
กวินทร์ตัดสายจากเพื่อน แล้วเอนกายไปพิงพนักเก้าอี้ประจำคนขับรถอย่างผ่อนคลายอิริยาบถ
แค่เขาเคลื่อนไหว คนนั่งข้างๆ ก็สะดุ้งโหยง คราวนี้เขาเห็นหล่อนอย่างชัดตาผ่านเงากระจกรถ ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม...บางทีการให้หลานสาวนอกไส้ของเจ้าสัวธงชัยติดรถกลับบ้านในวันฝนตกน้ำท่วมถนน มันอาจมีเรื่องให้เขาแก้เบื่อได้เหมือนกัน