บท
ตั้งค่า

ความใกล้ชิดพานให้ใจสั่น (50%)

“บ้า! อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ…สยอง” เธอรู้เท่าทันหรอกนะว่าเขาแค่หยอกเล่นเพื่อความสนุกสนาน เหมือนหมาหยอกไก่อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันก็คงจะเป็นการหาอะไรทำแก้เบื่อสำหรับหนุ่มเจ้าสำราญเท่านั้น คนอย่างเขาน่ะเหรอจะมาสนใจผู้หญิงจำพวกที่ผู้ชายไม่อยากจะแลเช่นเธอ เพราะฉะนั้นเธอจะต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าตนคือใครและเขาคือใคร อย่าได้ไปหลงคารมของเขาเป็นอันขาด บุปผชาติได้แต่ย้ำเตือนตัวเองไม่ให้หวั่นไหวไปกับการกระเซ้าเย้าแหย่ของเขา ทว่าตอนนี้หัวใจดวงน้อยก็ชักจะเอนไหวซะแล้ว

“เอ้า…พูดจริงยังหาว่าพูดเล่นอีกนะคนเรา” พอเห็นท่าทางไม่เชื่อเขาก็ต้องรีบออกปากย้ำชัดในสิ่งที่ตัวเองแสดงออก ว่าเขาไม่ได้พูดเล่นๆ แต่คิดจะจีบเธออย่างจริงจังและจริงใจ

“อย่างคุณไม่ใช่สเปกฉันหรอก” แววตาแน่วแน่บวกกับน้ำเสียงฉะฉานของเขาทำเอาใจของบุปผชาติเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาเสียดื้อๆ รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างไรชอบกล เมื่อสัมผัสได้ว่าเขาดูจริงจังอย่างที่พูดจริงๆ จึงรีบออกตัวเพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

“โถๆๆ…มาร์โคเอ้ย ชีวิตคนหล่ออย่างแกช่างน่าสงสารนัก จะจีบสาวเฉิ่มกับเขาทั้งที เธอก็ดันไม่ชายตาแลเสียนี่” พ่อจอมกะล่อนตีหน้าละห้อยพร้อมกับแสร้งทำเสียงโอดโอย คร่ำครวญด้วยสีหน้าเจ็บปวดปานจะขาดใจ ที่โดนสาวเฉิ่มปฏิเสธอย่างสิ้นเยื่อขาดใย

“หยุดพูดได้แล้ว ไหนบอกว่าหิวข้าวไม่ใช่เหรอ งั้นก็รีบไปสิ” บุปผชาติรีบตัดบทหยุดการสนทนาเรื่องที่ไม่เกี่ยวอะไรกับงาน ยิ่งพูดยิ่งเหมือนถลำลึกจนเธอชักจะหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะไม่ชินกับเรื่องทำนองนี้ และไม่เคยมีผู้ชายมาเกี้ยวพา เธอจึงวางตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ทั้งที่รู้ว่าเขาแค่หยอกเล่น แต่ใจเจ้ากรรมยังไม่วายสั่นไหว

“จ้าเบบี๋ ไปเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ” คนตัวโตรับคำเสียงหวานหยด แล้วเดินตามแม่สาวน้อยอย่างว่าง่าย หลังจากที่หยุดยืนสนทนากันมาได้พักใหญ่ จนกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งบริษัท

ทั้งสองมากินข้าวที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของบุปผชาติมากนัก เนื่องจากว่ามาร์โคไม่อยากให้หัวหน้าของเธอตำหนิแม่เด็กน้อยของเขาได้ ว่าเธอไม่ตรงต่อเวลาทำงาน ใครจะมาว่าสาวเฉิ่มของเขาไม่ได้ เพราะเขาหวงของเขามาก

“อยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะแก้ม มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” คนตั้งตนเป็นเจ้ามือเอ่ยกับสาวน้อยทันทีที่เข้ามานั่งในร้านอาหารเป็นที่เรียบร้อย

“เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันกินนมมาแล้ว” บุปผชาติปฏิเสธหน้านิ่ง เพราะเธอไม่คิดจะมากินข้าวร่วมกับเขาอยู่แล้ว และหากไม่ใช่เรื่องงานไม่มีทางที่เธอจะยอมมากับเขาง่ายๆ แน่

“ไม่ได้ คุณต้องทานกับผม นี่คือคำสั่ง!” เสียงห้าวออกคำสั่งด้วยท่าทางคุกคาม มาร์โควางอำนาจกับเธออย่างกับเขาเป็นเจ้าชีวิต ที่จะสามารถสั่งให้ทำอะไรก็ได้ แต่สำหรับบุปผชาติแล้วเขาไม่มีสิทธิ์มาสั่งเธอนอกเหนือหน้าที่ของงาน

“คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับฉัน เพราะคุณไม่ใช่ผู้ปกครองของฉัน แต่เป็นเพียงนายจ้างชั่วคราว ที่ฉันยอมมากับคุณก็เพราะเรื่องงานเท่านั้น” บุปผชาติสวนกลับทันควัน ถึงเธอจะดูติ๋มๆ หงิ๋มๆ แต่เธอก็ทันคน และนั่นก็ทำให้มาร์โคยิ้มที่มุมปากด้วยความพึงพอใจ ที่เธอกล้าแข็งข้อกับเขา

“แต่ยังไงคุณก็ต้องกินข้าวกับผม เพราะผมไม่ชอบคนผอม…กอดแล้วมันไม่อุ่น” เขาเองก็ไม่ยอมลงให้เธอง่ายๆ ยังคงบังคับให้อีกฝ่ายกินข้าวเที่ยงร่วมกับตน

“จะกอดอุ่นหรือไม่อุ่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันไม่ทราบคะ มิสเตอร์ดิมิเทียส” หญิงสาวเลิกคิ้วถามด้วยความฉงนกับคำพูดที่แฝงไปด้วยความนัย

“ตอนนี้อาจจะยังไม่เกี่ยว แต่ในอนาคตเกี่ยวกับคุณโดยตรงแน่นอนจ้ะยาหยี” ชายหนุ่มยักคิ้วให้ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ จนคนตัวเล็กรู้สึกหวาดผวาอย่างน่าประหลาด

ถึงจะเถียงจนหน้าดำหน้าแดงยังไง คนฝีปากอ่อนด้อยเหมือนเด็กน้อยเพิ่งหัดพูดก็แพ้พ่อสาริกาลิ้นทองอยู่วันยังค่ำ สุดท้ายบุปผชาติก็ต้องถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะยอมสั่งอาหารมาทานกับเขา เพราะถึงเธอจะบอกว่าไม่หิวเขาก็ไม่ยอม ยังคงคะยั้นคะยอ จนเธอเอือมระอากับความช่างเอาแต่ใจของอีกฝ่าย จึงยอมทำตามคำสั่งของเขาโดยไม่โต้แย้งอีกต่อไป ในเมื่ออยากจะเลี้ยงเธอดีนัก เธอก็จะสั่งให้กระเป๋าฉีกไปเลย คิดได้ดังนั้นบุปผชาติก็แกล้งสั่งอาหารที่อยู่ในเมนูมาเกือบทุกอย่าง

ขณะที่ทั้งสองกำลังรออาหารอยู่นั้น บรรยากาศดูอึมครึมจนน่าหวั่นใจ บุปผชาติทำหน้าบึ้งตาขวางด้วยความไม่สบอารมณ์กับความเผด็จการอย่างร้ายกาจของอีกฝ่าย ส่วนมาร์โคก็ได้แต่ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจที่สามารถปราบพยศแม่สาวเฉิ่มที่แอบดื้อเงียบได้

“อุ๊ย...มาร์คคะ คุณมาทำอะไรที่นี่คะ” จู่ๆ สาวสวยเซ็กซี่นางหนึ่งก็เดินเข้ามาทักมาร์โค ก่อนจะทำใจกล้าทาบปากสีแดงสดลงบนกลีบปากหยักลึก

เพราะไม่ทันตั้งตัว ครั้นจะเบี่ยงหลบก็ช้าไปเสียแล้ว ฉะนั้นมาร์โคจึงโดนปล้นจูบไปเต็มๆ แต่ในสายตาคนมองมันช่างเป็นการทักทายที่ซาบซ่านถึงทรวงดีแท้ และในวินาทีนั้นคนที่ดูเหมือนจะตกเป็นส่วนเกินก็ถึงกับหน้าแดงซ่าน นึกเขินอายกับการทักทายแบบประเจิดประเจ้อของหนุ่มสาวทั้งคู่

“คุณก็น่าจะรู้นะริชชี่ ว่าที่นี่คือร้านอาหาร เพราะฉะนั้นผมก็ต้องมาทานข้าวสิ” หลังจากยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก แสดงท่าทางรังเกียจรสจูบที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ น้ำเสียงกระด้างแกมดุดันก็เอ่ยขึ้น พร้อมจ้องใบหน้าเซ็กซี่ที่ตกแต่งไว้อย่างประณีตด้วยสายตาว่างเปล่า เขาไม่ได้ยินดีเลยแม้แต่น้อยที่สาวสวยเข้ามาทักทายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย สีหน้าและท่าทางที่แสดงออกต่ออดีตคู่ขาดูเย็นชาและไร้ความรู้สึกสิ้นดี

“งั้น…ริชชี่ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ ริชชี่มาคนเดียวคงทานไม่อร่อย” สาวเจ้าเอ่ยปากออดอ้อน ขณะปรายตามองบุปผชาติอย่างเยาะหยัน

“เชิญตามสบายเถอะค่ะ” เมื่อเห็นสายตาดูแคลนของอีกฝ่าย สาวเฉิ่มก็เชิดหน้าคอแข็ง ก่อนจะเป็นคนสวนกลับด้วยน้ำเสียงกระด้าง ครั้นริชชี่นั่งลงเรียบร้อยแล้วบุปผชาติก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยกกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ เตรียมก้าวขาออกจากร้านอาหาร จนมาร์โคต้องรีบเอ่ยดักไว้

“นั่นคุณจะไปไหนแก้ม?”

“คุณมีเพื่อนทานข้าวเที่ยงแล้ว ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ แล้วเจอกันที่บริษัท” เธอกล่าวลาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และสาวเท้าจากมาทันที

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะบุปผชาติ ถ้าคุณเดินอีกแม้แต่ก้าวเดียว ผมจะยกเลิกออร์เดอร์จากบริษัทคุณทั้งหมด” เขาเริ่มหงุดหงิดที่อีกฝ่ายชักจะดื้อไม่ยอมฟังคำสั่งของตน

“โอ๊ย…แล้วคุณจะเอายังไงกับฉันเนี่ย” บุปผชาติแทบอยากจะกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ แต่ก็ทำได้เพียงหันมาตวาดแว้ดด้วยความขัดใจที่เขาเอาแต่ขู่อยู่ได้ ไม่พอใจทีไรก็ต้องเอาเรื่องผลประโยชน์ของบริษัทมาอ้างให้เธอยอมจำนน

“กลับมานั่งลง แล้วก็ทานข้าว อาหารมาพอดีเลย” มาร์โคสั่งเสียงดุกระด้างและแววตาเอาเรื่อง จนเธอต้องยอมทำตามเพราะไม่อยากมีปัญหา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel