ความใกล้ชิดพานให้ใจสั่น (100%)
“ก็ได้ๆ ในชีวิตคุณน่ะทำอย่างอื่นเป็นไหมห๊ะ นอกจากสั่ง…สั่ง…แล้วก็สั่ง” เจ้าของใบหน้างอง้ำกระแทกก้นลงนั่ง แล้วบ่นอุบด้วยความโมโหเกินจะทน ซึ่งถ้อยคำเหน็บแนมที่หลุดออกมาจากปากรูปกระจับก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้มกว้างด้วยความพอใจ
“ผมทำเป็นหลายอย่างเชียวล่ะเบบี๋ ซึ่งอีกไม่นานคุณก็จะได้รู้ว่า…คนอย่างผมทำอะไรกับคุณได้บ้าง” พ่อเจ้าประคุณโต้ตอบสาวน้อยกลับไปด้วยท่าทีครื้นเครง ทั้งที่เพิ่งโดนด่าไปหยกๆ แต่ไม่ยักจะโกรธ จนริชชี่แปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของมาร์โค
“นี่…อย่าบอกนะคะมาร์ค ว่าคุณหลงเสน่ห์แม่นี่เข้าแล้ว” พริตตี้สาวคันปากจนทนไม่ไหว จึงเอ่ยถามชายหนุ่มเพื่อให้หายข้องใจ
“ถ้าใช่…แล้วมันหนักส่วนไหนของคุณไม่ทราบริชชี่” มาร์โคไม่คิดจะปฏิเสธ แต่ใบหน้าบึ้งตึงหันมาตั้งคำถามกับอีกฝ่ายแทน
“ริชชี่ก็แค่แปลกใจ ที่คุณลดตัวลงมาคบกับผู้หญิงโลว์คลาสแบบนี้ได้ยังไง” หล่อนมองบุปผชาติตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเบ้ปาก น้ำเสียงถามไถ่เต็มไปด้วยความดูถูกและสมเพชในตัวสาวน้อย
“ถึงฉันจะเฉิ่ม เชย และสวยเซ็กซี่สู้คุณไม่ได้ แต่ฉันก็มั่นใจว่าหัวสมองฉันกินขาดค่ะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์และความรู้สึกใดๆ ตอกกลับทันควัน ซึ่งทุกคำพูดล้วนแฝงไปด้วยความหมาย ที่คนฟังแทบอยากจะกรี๊ดกับการเอาคืนแบบหน้าตายของยัยเฉิ่ม
“อย่างเธอเนี่ยนะ จะมาเทียบรัศมีกับฉัน จบมัธยมหรือยังก็ไม่รู้” ริชชี่พยายามระงับอารมณ์จนหน้าดำหน้าแดง แล้วหันมาจีบปากจีบคอย้อนกลับด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ จนคนที่ไม่คิดจะเปิดเผยเกี่ยวกับประวัติการศึกษาของตัวเองต้องเปลี่ยนใจมาสาธยายชีวประวัติตามแบบฉบับอัจฉริยะให้หล่อนฟังคร่าวๆ เพื่อเป็นวิทยาทานว่าอย่าได้บังอาจมาดูถูกสาวเฉิ่มอย่างเธอ
“ฉันจบด็อกเตอร์ตั้งแต่อายุยี่สิบปีค่ะ คุณผู้หญิง” เสียงนิ่งบอกถึงวุฒิการศึกษาของตนให้ริชชี่ได้ประจักษ์
“ห๊ะ!” แม่สาวปากแดงถึงกับอุทานด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน เบิกตากว้างจนแทบถลนออกมา เพราะในใจหล่อนคิดเสมอว่าแม่สาวเอเชียตรงหน้าต้องด้อยกว่าตน ดูจากสารรูปแล้วไม่น่าจะจบมัธยมเสียด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างกลับผิดคาด ทำให้สาวสวยถึงกับทำหน้าไม่ถูกด้วยความอับอาย ที่ตนกลายเป็นคนที่ด้อยกว่าซะได้
“ถ้าได้คำตอบที่คุณต้องการก็ไปได้แล้วริชชี่ รำคาญ!...ผมต้องการทานข้าวด้วยความสงบ” เจ้าของเสียงเย็นเอ่ยปากไล่อดีตสาวที่เขาเคยควงอย่างไม่แยแส
“นี่คุณกล้าไล่ริชชี่ เพราะนังนี่เหรอคะมาร์ค” ริชชี่แทบอยากจะกรี๊ดให้ลั่น แต่คิดได้ซะก่อนว่าตนจะเสียภาพพจน์จึงได้แต่กำหมัดแน่น และเอ่ยถามเขาด้วยเสียงแข็งๆ
“ทำไมผมจะไม่กล้าไล่คุณ ในเมื่อคุณกับผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ประตูอยู่โน่น…เชิญ!” สุดหล่อไม่ปฏิเสธซักคำ แถมยังชี้มือไปที่ประตู เหมือนกับรำคาญหล่อนเสียเต็มประดา
“กรี๊ด!!!” ที่สุดริชชี่ก็อดใจไม่ไหว กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง และลุกขึ้นกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ ด้วยความขัดอกขัดใจเหลือแสน
“หยุด! อย่ามาทำให้ผมขายหน้านะริชชี่ หุบปาก! แล้วไปซะ! ถ้าคุณไม่ยอมไปดีๆ ผมจะสั่งให้เจ้าของร้านมาลากตัวคุณออกไป” มาร์โคสั่งเสียงลอดไรฟัน ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโมโหสุดขีด อีกฝ่ายกำลังทำให้อารมณ์อยากอาหารของเขาลดลงจนเกือบเหลือศูนย์
“ฝากไว้ก่อนเถอะแก!” หลังจากที่หุบปากฉับ ริชชี่ก็หันมาตวัดตาเขียวปั้ด และชี้หน้าข่มขู่บุปผชาติด้วยความอาฆาตแค้น ทั้งที่คนไล่หล่อนหาใช่บุปผชาติไม่ จากนั้นแม่สาวสวยก็เชิดหน้าก้าวจากไป
“อ้าว…ไหงหล่อนมาลงที่ฉันล่ะ ทะเลาะกับคุณก็มาลงที่คุณสิ สงสัยหล่อนจะเป็นประสาท” บุปผชาติได้แต่บ่นด้วยความแปลกใจระคนตระหนก ที่ตนนั่งเป็นบุคคลที่สามอยู่ดีๆ กลับต้องโดนหางเลขไปด้วย พอพูดจบประโยคก็ส่ายหน้าให้กับนิสัยไม่ได้เรื่องของแม่พริตตี้สาว ที่ไม่พอใจก็ฟาดงวงฟาดงาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก ตราบใดที่คุณยังมีผม หล่อนจะไม่มีวันได้ทำอะไรคุณแน่ ไว้ใจผมเบบี๋” มาร์โคพูดปลอบใจ และย้ำชัดถ้อยชัดคำว่าเขาจะปกป้องเธอเอง
“ผู้หญิงของคุณน่ากลัวชะมัด กว่าฉันจะทำงานให้คุณเสร็จ ฉันจะต้องเจออีกกี่คนกันเนี่ย” บุปผชาติถอนหายใจออกมายาวเหยียด แล้วถามเขาด้วยสีหน้าหนักอก สาวน้อยไม่ชอบเอาซะเลยที่ต้องมาปะทะกับผู้หญิงของเขา เธอมาทำงานนะไม่ได้มาแย่งชิงผู้ชายกับใคร
“ก็มากอยู่นะทูนหัว ฝึกไว้จะได้ชินไง” คนหลงตัวเองตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ แถมยังฉีกยิ้มเหมือนกับภูมิใจนักหนา จนเธอหมั่นไส้กับพ่อคนเสน่ห์แรง
“คุณพูดอะไร ฉันงงไปหมดแล้วนะ” ตอนแรกบุปผชาติก็ไม่ได้คิดอะไร พอเขาพูดมาถึงประโยคสุดท้ายมันกลับสะดุดใจเธอแปลกๆ จึงไม่ปล่อยให้ความสงสัยผ่านเลยไปง่ายๆ
“อ้าว…มีแฟนเสน่ห์แรงก็ต้องเจอแบบนี้แหละที่รัก” พ่อคนหน้ามึนโมเมว่าเธอเป็นแฟนตัวเองอย่างหน้าตาเฉย แถมเขายังยักคิ้วให้ด้วยความกะล่อน
“ใครบอกว่าฉันจะเป็นแฟนกับแบดบอยอย่างคุณไม่ทราบ” บุปผชาติรีบละล่ำละลักถามด้วยความไม่พอใจ หน้าแดงลามไปถึงใบหูน้อยทั้งสองข้าง
“ผมนี่แหละบอก” มาร์โคประกาศอย่างฉะฉานต่อหน้าสาวน้อย จนเธอแทบหงายหลังตกเก้าอี้ ตกใจที่เขาคิดจะล้อเล่นกับหัวใจสาวเฉิ่มอย่างเธอ แล้วเธอจะต้านทานเสน่ห์เขาไหวเหรอ บุปผชาติได้เเต่รำพึงและหนักใจที่จากคิดว่าเขาจะแค่เล่นๆ พ่อเสือร้ายดันตั้งท่าจะเอาจริงเสียนี่
“หยุดพูดได้แล้ว กินข้าวดีกว่า ว้าว!…ไข่เจียวน่ากินจังเลย ไข่จ๋าขอแก้มกินหน่อยนะ” หญิงสาวสะบัดศีรษะขับไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วเบนความสนใจมายังอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า มองไข่เจียวตาเป็นมัน ก่อนจะตักเข้าปากคำโต แล้วเคี้ยวแก้มตุ่ยด้วยความเอร็ดอร่อย
“ถ้าชอบก็ทานเยอะๆ นะ ไม่อิ่มก็สั่งได้อีก ตัวคุณยิ่งผอมๆ อยู่ จับไปตรงไหนก็มีแต่กระดูก” เห็นบุปผชาติทำท่ามีความสุขกับการกิน เคี้ยวจนข้าวเต็มปาก มองแล้วเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด เขาก็พลอยเจริญอาหารไปด้วย จนเผลอคิดไปว่าหากได้นั่งทานข้าวกับเธอแบบนี้ทุกวันคงจะดีไม่น้อย
“กินยังไงถึงให้ข้าวติดแก้มฮึ…เด็กน้อย” ครั้นตาคมเหลือบเห็นเม็ดข้าวติดที่แก้มขวาของเธอเขาถึงกับยิ้มขำ คนบอกไม่หิวเอาแต่ก้มหน้าก้มตาซัดอาหารตรงหน้า จนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แม้แต่หน้าเขาเธอยังไม่เงยขึ้นมามอง
“ไหน…ตรงไหน ไม่เห็นมีเลย” ได้ยินอย่างนั้นมือเรียวก็รีบหยิบทิชชู่ขึ้นมาหวังจะเช็ดมันออก แต่ปัดป่ายไปทั่วใบหน้าหวานใส แล้วยกทิชชู่ขึ้นมาดูกลับไม่เห็นข้าวที่เขาว่าแม้แต่เม็ดเดียว เธอจึงทำตาขวางใส่อีกฝ่าย เพราะคิดว่าโดนแกล้งเข้าซะแล้ว
“ตรงนี้ต่างหากล่ะที่รัก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ทว่าคนที่กำลังไม่พอใจที่โดนเขาแกล้ง ไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่ายเลยสักนิด กำลังจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้าต่อ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเขาชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาตวัดลิ้นเอาเม็ดข้าวที่ติดอยู่มุมปากอวบอิ่มเข้าไปในโพรงปากของตน เท่านั้นไม่พอ…คนปากไวยังไถลริมฝีปากไปจุมพิตปากจิ้มลิ้มที่อ้าค้างด้วยความตกใจแบบเน้นๆ ไปหนึ่งที
“หยุดนะ! ใครใช้ให้คุณมาถูกเนื้อต้องตัวฉันไม่ทราบ!” ทันทีที่บุปผชาติตั้งสติได้ ความอับอายก็ประดังประเดเข้ามาพร้อมกับความโมโห มือสั่นเทาดันใบหน้าหล่อเหลาให้ออกห่าง ขณะเอ่ยถามเสียงแข็ง จากนั้นก็ขยับแว่นแลซ้ายแลขวาด้วยความประหม่า กลัวว่าคนอื่นจะเห็นในสิ่งที่เขาทำกับตน
“ใจใช้จ้ะ ก็ผมอยากจะสัมผัสของผมนี่นา ถึงจะได้แค่นิดๆ หน่อยๆ ผมก็ชื่นใจแล้ว” เห็นเธอโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแทนที่เขาจะขอโทษกลับยิ้มแป้น แล้วยอกย้อนด้วยท่าทางกะล่อน
“อย่ามามั่วนะ ฉันไม่ได้เป็นของคุณซักหน่อย” บุปผชาติเริ่มปรี๊ดแตก ลืมตัวขึ้นเสียงกับเขา
“อีกไม่นานก็ได้เป็นจ้ะเบบี๋ นายมาร์โคคนนี้ขอคอนเฟิร์ม” ยิ่งเห็นเธอโมโหจนเผลอขึ้นเสียงใส่ตนชายหนุ่มก็ยิ่งยิ้มกริ่ม ใช้ลูกล่อลูกชนเข้าใส่ไม่มีถอย จนบุปผชาติแทบอยากจะบ้าตายกับความกวนประสาทของอีกฝ่าย ไม่รู้พ่อเจ้าประคุณจะอะไรกับเธอนัก
“ถ้าคุณยังไม่เลิกพูดจาทำนองนี้อีก ฉันจะเลิกทำงานให้คุณจริงๆ แล้วนะ” วาจาเด็ดขาดบ่งบอกได้ดีว่าเธอไม่ได้ขู่ แต่จะทำอย่างที่พูดจริงๆ หากเขายังไม่เลิกยั่วโมโหเธออีกต่อไป
“โว้ๆๆ…ใจเย็นสิคนดี” ชายหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมอไหล่เป็นเชิงยอมแพ้
“จะเลิกพูดหรือไม่เลิก” สาวเจ้าถลึงตาใส่คนตัวโต และถามเขาด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“เลิกแล้วจ้าเลิกแล้ว อย่าขู่กันนักสิยาหยี” เสียงอ่อยรับคำโดยไม่มีข้อโตแย้ง ทำตาละห้อยเหมือนกลัวคำประกาศิตของเธอนักหนา แต่เปล่าเลย…แสนจะพอใจที่ทำให้เธอโมโหจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ เผลอด่าเขาด้วยความลืมตัว
“ฉันอิ่มแล้ว เรากลับไปทำงานกันเถอะ” เมื่อตนอิ่มแล้ว ส่วนเขาก็ไม่เห็นจะแตะอะไรซักเท่าไหร่ เอาแต่แกล้งยั่วโมโหเธออยู่ได้ จึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องมานั่งจุมปุกอยู่ที่นี่อีกต่อไป ยิ่งอยู่ใกล้เขานานเท่าไหร่เธอยิ่งเหมือนจะเป็นประสาทมากเท่านั้น แถมอารมณ์ยังปั่นป่วนรวนเรไปหมด เพราะฉะนั้นก็ควรจะรีบกลับไปคุยงานให้เสร็จๆ จะได้รีบไปให้ห่างจากเขา
“โอเค…ไปก็ไปยาหยี” มาร์โคพยักหน้ายอมทำตามแต่โดยดี เพราะตอนนี้แม่สาวเฉิ่มชักจะร้อนได้ที่ซะแล้ว หากไม่ทำตามคงได้กรี๊ดใส่หน้าเขาแน่ เขาก็อยากจะเห็นภาพนั้นให้เป็นบุญตาอยู่เหมือนกัน แต่อยากจะเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่คิดจะเผื่อแผ่ให้ใครในที่สาธารณชนเช่นนี้
จากนั้นเขาก็มาส่งเธอที่บริษัท คุยเรื่องงานกันอยู่พักใหญ่ๆ บุปผชาติก็ไล่เขากลับ แต่ชายหนุ่มก็ยังอิดออดจนเธอต้องทำเสียงแข็งเขาถึงได้ยอมกลับแต่โดยดี ทว่าก่อนจะกลับยังไม่วายแกล้งให้เธอหน้าแดงแจ๋
“เดี๋ยวก่อนแก้ม” เจ้าของร่างทรงพลังวาดแขนมารวบร่างอ้อนแอ้น เธอจึงตกอยู่ในอ้อมแขนเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ดีที่ทั้งสองอยู่ในห้องรับรองแขกกันเพียงลำพัง
“มีอะไรอีกคะ ปล่อยนะ!” เธอควบคุมเสียงสั่นพร่าให้ดูเป็นปกติมากที่สุด ขณะพยายามแกะลำแขนล่ำที่กกกอดตนออก หาทางเอาตัวรอดจากเขา
“ผมบอกคุณหรือยังว่า…เวลาคุณโมโหน่ารักเป็นบ้า” ร่างใหญ่ชะโงกหน้าลงมากระซิบชิดพวงแก้มเนียน เสียงกระเส่าจนเธอขนลุกเกรียวกราว ก่อนที่สาวน้อยจะสะดุ้งเฮือก เมื่อปลายจมูกคมสันฝังลงที่ข้างแก้มนุ่ม
ฟอด!!!
“โดยเฉพาะแก้มใสๆ สีแดงระเรื่อน่ารักมาก ‘เจ้าหญิงน้ำแข็ง’ ของผม” จอมฉกฉวยตัวฉกาจพูดพร้อมย้ำว่าแก้มของเธอมันหอมมากแค่ไหน โดยการฝังจมูกลงไปกดแบบเน้นๆ ที่นวลปรางอีกข้าง เล่นเอาคนที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนในชีวิตถึงกับทำอะไรไม่ถูก มือไม้เย็น ตัวแข็งทื่อ ดวงตากลมแป๋วเบิกกว้าง เปิดโอกาสให้เขาได้ตักตวงความหอมละมุนจากแก้มนวลจนพอใจ
“ฮึ่ย…คนบ้า!” พอตั้งสติได้คนถูกเอาเปรียบก็ยกมือขึ้นผลักไสอกแกร่งออกจากตัวอย่างแรง ก่อนจะกุมแก้มตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ พร้อมต่อว่าเขาเสียงกระปอดกระแปด
“ฮ่าๆๆ ผมกลับแล้วนะยัยเฉิ่มที่รัก” มาร์โคหัวเราะร่วน แล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดีพร้อมเดินตัวปลิวจากมา ก่อนที่จะโดนฝ่ามือเรียวฟาดที่ต้นแขน บุปผชาติจึงได้แต่ง้างมือค้างด้วยความขัดอกขัดใจ ร่างบางยืนฮึดฮัดและบ่นอุบอยู่คนเดียว เจ็บใจที่เผลอปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อีกฝ่ายทำรุ่มร่ามจนไม่น่าให้อภัย
“คนบ้านี่! คุณทำอะไรกับใจฉันนะ มันถึงได้เต้นเร็วแบบนี้ หรือว่าเป็นเพราะเราไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายมาก่อน สงสัยคงจะใช่” มือน้อยยกขึ้นกุมหัวใจตัวเองที่ยังคงเต้นโครมคราม จนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก บุปผชาติพึมพำอยู่คนเดียวด้วยความหงุดหงิดที่ชายหนุ่มทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง แถมยังทำท่ามือไม้อ่อนเมื่ออยู่ใกล้เขา
เมื่อมาร์โคเดินมาถึงรถก็ได้แต่ร้องตะโกนในรถคนเดียว ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของความพอใจ ที่วันนี้เขาได้เขาใกล้แม่สาวเฉิ่ม ได้กอดได้หอมไปหลายครั้ง แถมยังโดนแม่จอมนิ่งอย่างเธอด่าเข้าให้
“มีความสุขจังเลยโว้ย!” เสียงห้าวตะโกนก้องรถ ทั้งที่เพิ่งโดนด่ามาหยกๆ ยังมีหน้ามายิ้มราวกับคนบ้า จะไม่ให้เขายิ้มได้อย่างไรไหว ในเมื่อกิริยาแบบนั้นของบุปผชาติหาชมได้ยากยิ่งกว่าอะไรดี
ติ๊ดๆๆๆ…
เสียงหัวเราะหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น ก่อนที่เพลย์บอยหนุ่มจะเอื้อมมือไปยกขึ้นมาดูหน้าจอ แล้วกดรับสายทันที
“เออ…ว่าไงวะไอ้เคลวิน”
“วันนี้ไปดื่มหน่อยไหมเพื่อน ไอ้พวกนั้นมันว่างตรงกันพอดีว่ะ” ปลายสายโทรมาชวนไปกินเหล้าเข้าผับตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน เพราะกว่าจะหาโอกาสให้เพื่อนเกลอว่างตรงกันยากยิ่งนัก ช่วงนี้ธุรกิจของทุกคนต่างรัดตัวไม่แพ้กัน
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้เจอพวกมันนานแล้ว” พ่อคนอารมณ์ดีรีบตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด เพราะตนก็อยากจะเจอเพื่อนแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนกัน
“งั้นเจอกันที่เดิม สามทุ่มนะ” ปลายสายแจ้งพิกัดและเวลาเสร็จ ทั้งคู่ก็จบการสนทนาและวางสายลงทันที ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรมาก สั้นๆ ได้ใจความเป็นพอ เพราะเดี๋ยวเรื่องอื่นไว้คุยตอนไปเจอกันคืนนี้ก็ยังไม่สาย
เวลาสามทุ่มตรง มาร์โคก็ขับรถสปอร์ตสีแดงเพลิงคู่ใจมาถึงผับที่แก๊งของเขาเป็นขาประจำอยู่ หลังจากยื่นกุญแจให้เด็กเอารถไปจอด พ่อนักรักตัวฉกาจก็เดินเตร็ดเตร่หว่านเสน่ห์มาตามรายทางไปเรื่อย แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายใต้ท่าทีเริงร่าเขาแสนจะเบื่อหน่าย และหากมีสาวไหนคิดจะสานสัมพันธ์ตอนนี้มาร์โคคงต้องขอบาย เพราะในใจมุ่งหมายแต่บุปผชาติคนเดียว กว่าจะมาถึงโต๊ะที่เพื่อนรักทั้งสามกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสก็ใช้เวลาไปพักใหญ่ๆ
“หวัดดีพวก มาเร็วเหมือนกันนะวันนี้” มาร์โคทักทายเสียงทุ้มมีแววขี้เล่น
“อืม…มันร้อนใจโว้ย” แดเนียลเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน ทั้งที่ไม่มีอะไรน่าขำเลยสักนิด จนคนที่เพิ่งมาถึงต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยกับแววตามีความนัยของเพื่อนทุกคน
“ร้อนใจเรื่องอะไรวะ” มาร์โคสวนกลับทันควัน เพราะเห็นทุกคนต่างจ้องหน้าตัวเองเขม็ง หรือว่าจะมีอะไรติดหน้าเขา แต่ก่อนจะมาเขาก็ส่องกระจกแล้วนี่นา
“ก็เรารู้จากไอ้เคลวินว่าแกปิ๊งสาวเฉิ่ม ก็เลยอยากรู้ว่ามันจริงหรือเปล่าวะ” มาร์โคยังไม่ทันจะกระดกเหล้าเข้าปากไอ้เพื่อนตัวดีก็ยิงคำถามใส่ทันควัน แต่ละคนจ้องหน้าเขาด้วยความกดดันและคาดคั้นจะเอาความจริงให้จงได้ ทำเหมือนเขาเป็นผู้ต้องหาเสียอย่างนั้น
“อืม…” คนถูกเพ่งเล็งกระดกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่ แล้วจึงทำเสียงในลำคอเป็นเชิงตอบคำถาม ครั้นเห็นพื่อนซี้ต่างมองตนเหมือนเป็นตัวตลกและมีแววล้อเลียนก็ยิ่งเคอะเขิน มาร์โคจึงต้องดื่มเหล้าย้อมใจ ก่อนที่จะตอบคำถามเพื่อนแบบไม่เต็มเสียงมากนัก
“ก็อย่างที่ไอ้เคลวินพูดให้ฟังนั่นแหละ”
“เป็นไปได้ยังไงวะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ไอ้มาร์ค ให้ตายสิ!” แดเนียลร้องเสียงหลง เพราะคิดว่าเคลวินคงแค่เอาเรื่องนี้มาอำเล่นให้เกิดความสนุกสนาน แต่ไหงเป็นจริงไปได้
“ก็นั่นน่ะสิ สมองแกไปโดนอะไรกระทบกระเทือนมาหรือเปล่าวะเพื่อน” ราฟาเอลก็แปลกใจไม่แพ้แดเนียล ที่อยู่ๆ ไอ้เพื่อนรักผู้ปฏิญาณตนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสาวเฉิ่ม เชย แบนราบ และที่สำคัญเธอมีสัญชาติเอเชีย ดันกลับลำกลืนน้ำลายตัวเองได้หน้าตาเฉย ราฟาเอลได้แต่เกาหัวตัวเองด้วยความฉงน
“ไม่รู้สิวะ ยิ่งได้ใกล้ชิดเธอฉันก็ยิ่งหลงใหล และไม่อยากมองสาวคนไหนอีกเลย ฉันไม่ได้เรียกผู้หญิงพวกนั้นมาหา และไม่ได้ติดต่อพวกหล่อนเลยตั้งแต่ได้ให้บุปผชาติมาทำงานให้ ก่อนหน้านั้นอาจจะมีวอกแวกไปบ้าง แต่เมื่อได้ใกล้ชิดเธอผู้หญิงทุกคนก็หมดความหมาย ให้ตายสิ!” มาร์โคลูบหน้าตัวเอง แล้วตอบคำถามเพื่อนอย่างจนใจระคนสับสน เพราะไม่เข้าใจในความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน ว่าสาวเฉิ่มอย่างบุปผชาติมีอะไรดีนักหนาถึงทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง เฝ้าแต่คนึงหาและอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“โอ้พระเจ้า! ท่านได้ลงโทษเพลย์บอยเข้าซะแล้ว” เคลวินพ่อหนุ่มขี้เล่นยกมือขึ้น แล้วอุทานออกมาเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขบขัน
เพียงแค่คิดว่าเพลย์บอยตัวพ่ออย่างเพื่อนรักจะมาตกม้าตายเพราะสาวเฉิ่มมันก็ฮาจนน้ำตาเล็ดแล้ว ตอนแรกวันนั้นที่เจอเหตุการณ์ในผับ ไอ้เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายจะแค่แกล้งสาวเฉิ่มเพราะนึกคึกคะนองเท่านั้น แต่ที่ไหนได้มันดันบ้าจี้หลงเสน่ห์แม่สาวน้อย หน้าประถม นมอนุบาลนั่นจริงๆ ถ้านมมหาลัยล่ะก็เขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิด แบบนี้ไม่เรียกว่าโดนสวรรค์สาป แล้วจะให้เรียกว่าอะไร
“พวกแกก็ระวังไว้เถอะ เกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น” เห็นเพื่อนล้อด้วยท่าทีขบขันดีนักมาร์โคก็หันมาขู่ด้วยวาจาที่ทั้งสามต่างขยาด สาวประเภทหาความสวยและความโค้งเว้าในตัวไม่ได้พวกเขาทั้งสามสยองยิ่งนัก แม้แต่หางตายังไม่อยากจะแลเลยด้วยซ้ำ
“จะได้เมียเป็นสาวเฉิ่มชาวเอเชียอย่างแกว่างั้น” แดเนียลยังไม่วายล้อเพื่อนรักด้วยความสนุกสนาน
“ว่าไปนั่น เดี๋ยวเถอะ…สวรรค์จะลงโทษพวกแกเข้าสักวัน” มาร์โคทนไม่ไหวกับความช่างยั่วจึงแช่งเพื่อนรักให้ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับตน จะได้เข้าสมาคมคนรักเด็กด้วยกันเสียเลย
“ไม่มีทางที่พวกเราจะเป็นแบบแก ให้ตายเถอะ! แค่คิดก็ขนลุกแล้วว่ะ” ราฟาเอลทำท่าเหมือนกินยาขม เพียงแค่คิดเขาก็ผวาซะแล้ว ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะเข้าไปพัวพันกับสาวประเภทที่เพื่อนกำลังหลงเสน่ห์อยู่แน่
“แล้วฉันจะคอยดู ว่าพวกแกจะตกม้าตายเพราะสาวเอเชียหรือเปล่า” มาร์โคชี้หน้าเพื่อนรักเรียงตัว หมายมาดไว้ว่าหากวันไหนที่หนึ่งในนั้นกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการยอมศิโรราบให้สาวเอเชียแล้วล่ะก็ เขาจะคอยสมน้ำหน้ามันให้ดู
“ถ้าตกม้าจริงๆ ก็ไม่แน่ แต่ถ้าตกหลุมรักสาวเอเชียแบบแก ขอบอกว่าไม่มีวันนั้นแน่ว่ะเพื่อน” แดเนียลยักคิ้วหลิ่วตา และสวนกลับด้วยความมั่นอกมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ ทั้งที่พ่อเจ้าประคุณไม่อาจล่วงรู้อนาคตในภายภาคหน้า ว่าสวรรค์จะส่งผู้หญิงประเภทไหนมาหยุดยั้งความเจ้าชู้ประตูดินของตน เช่นเดียวกับสองหนุ่มหล่อที่เหลือซึ่งได้แต่ลำพองในใจด้วยความทระนงตนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน