บทที่ 5
“คุณหนูเสิ่นท่านคงไม่รู้กระมังว่าท่านทำผิดที่เลี้ยงบุรุษแปลกหน้าท่านต้องถูกโบย” หัวหน้าหมู่บ้าน
“จะโบยข้าเชียวหรือ” นางเอ่ยถาม
“โบยท่านแล้วนำตัวบุรุษผู้นั้นออกไปนอกหมู่บ้าน” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้น
“หัวหน้าหมู่บ้านท่านบ้าไปแล้วรึ” นางมองคนพวกนี้อย่างเบื่อหน่าย
“เจ้าจะโบย คุณหนูข้าไม่ได้” อาเซิงไม่ยอม
“ถ้าไม่ยอมพวกเจ้าก็ไสหัวออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย” ลู่ฮูหยินเอ่ยขึ้น เสี่ยวอิงฮวาพอใจยิ่งนัก
นางทนมาแล้วสามปีในเมื่อพวกมันให้โอกาสนางออกจาหมู่บ้านมีหรือนางจะไม่รับ
“ตกลงข้าจะไป”
ทุกคนอึ้งงันไม่คิดว่านางจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา
“ดี ข้าจะเขียนจดหมายถึงฮูหยินรองว่าคุณหนูหนีไปแล้ว ยังไงคุณหนูมีชีวิตอยู่ตระกูลเสิ่นก็คงไม่ก็ไม่เห็นค่าอยู่แล้ว ถึงคุณหนูกลับไปก็ไม่มีใครเขาต้อนรับ”
“สามปีมานี้คุณหนูคงไม่รู้กระมังว่าตระกูลเสิ่นมีความสุขแค่ไหน ที่ไม่มีคุณหนูอยู่ในจวน”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้เรื่องราวในตระกลูเสิ่นดีเพราะเขาเป็นญาติของฮูหยินรอง
เสิ่นเยว่เล่อนึกแล้วชีวิตนางไม่มีใครรัก แต่ช่างเถอะนางไม่สนใจ…
วันรุ่งขึ้นทั้งสามคนขนข้าวของออกไปจากหมู่บ้านชาวบ้านต่างสงสารเห็นใจคุณหนูเสิ่นที่ตกทุกข์ได้ยาก จะกลับจวนก็ไม่ได้ นางเป็นเพียงสตรีที่อ่อนแอ ที่จริงฮูหยินรองต้องการให้หัวหน้าหมู่บ้านสังหารคุณหนูใหญ่เสิ่นแต่ทว่า หัวหน้าหมู่บ้านกลัวท่านราชครูเสิ่นรู้จะโกรธแค้นเอาที่สังหารบุตรสาวคนโต ในเมื่อโอกาสมาแล้วเขาจึงไล่นางออกไปจากหมู่บ้านเสียดีกว่าจะได้ไม่เปลืองข้าวปลาอาหาร เขาจะได้เขียนจดหมายไปบอกฮูหยินรองว่าเขาไล่คุณหนูใหญ่เสิ่นออกไปแล้ว ส่วนฮูหยินรองจะบอกท่านราชครูว่าคุณหนูใหญ่เสิ่นมีชีวิตอยู่หรือตายก็สุดแล้วแต่นาง...
ภายในจวนตระกูลเสิ่น ในเรือนวสันต์เรือนใหญ่ที่แต่ก่อนเคยเป็นของฮูหยินใหญ่หรงอี้หยงบัดนี้ตกเป็นของฮูหยินรองลี่ผินผินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฮูหยินรองนอนแต่งตัวอย่างงดงามราวกับนางสวรรค์ ใบหน้านั้นราวกับเด็กสาวอายุราวสิบแปดปีทั้งที่อายุล่วงเลยมาสามสิบปีแล้ว นางนอนที่เตียงอย่างสบายโดยมรสาวใช้นางหนึ่งนวดเท้าให้ และอีกนางพัดวีให้
ตั้งแต่กำจัดฮูหยินใหญ่ไปได้ช่างสบายใจยิ่งนักตอนนี้นางเป็นที่โปรนปรานท่านราชครูเสิ่นมากว่าฮูหยินสามเสียอีก
“ฮูหยินเจ้าคะมีจดหมายมาจากหมู่บ้านทางเหนือเจ้าค่ะ” แม่นมกุ้ยคนสนิทของฮูหยินรองเดินเข้ามา อย่างนอบน้อมบอกข่าวแก่ผู้เป็นนาย พร้อมยื่นจดหมายให้
ฮูหยินรองส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้สาวใช้ทั้งสอง สาวใช้รู้ความรีบเดินออกไปโดยไม่ลืมปิดประตู
นางคลีกระดาษอ่าน สีหน้าพอใจเป็นอย่างมากริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นทันที ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านก็ไล่นังเด็กนั่นออกไปจากหมู่บ้าน ที่จริงฮูหยินรองสั่งให้เขาสังหารมันไปหลายคราแล้วแต่หัวหน้าหมู่บ้านไม่ทำตามคำสั่งนางเสียที มาบัดนี้ถึงกับไล่มันออกไปจากหมู่บ้านก็ดีแล้ว นางจะได้บอกท่านราชครูว่าบุตรสาวคนโตหนีตามบุรุษแล้ว นิทานเรื่องนี้นางเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือ เสิ่นเยว่เล่อทำเรื่องบัดสี ท่านพี่คงต้องลบชื่อบุตรสาวอกกตัญญูออกจากตระกูลเป็นแน่ แค่คิดก็มีความสุข
ส่วนคุณชายใหญ่ยังไงมันก็เป็นปัญญาอ่อนก็ให้มันเป็นปัญญาอ่อนต่อไป
แม่นมกุ้ยมองผู้เป็นนายยิ้มอย่างมีความสุขนั่นหมายความว่าเป็นเรื่องดี
“แม่นมกุ้ยข้ามีความสุขยิ่งนัก เสิ่นเยว่เล่อถูกไล่ออกจากหมู่บ้านแล้ว ข้าจะบอกท่านพี่ว่านางหนีตามบุรุษไป”
แม่นมกุ้ยมองหน้าผู้เป็นนายจึงเอ่ยถามว่า “จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน”
“ดีสิท่านพี่จะได้ลบชื่อมันออกจากตระกูล เอาล่ะแม่นมกุ้ยเจ้าออกไปได้แล้ว ข้าจะพักผ่อน” คล้อยหลังแม่นมกุ้ย ฮูหยินรองก็เผาจดหมายจนมอดไหม้…
ภายในศาลเจ้าแห่งหนึ่งทั้งสามคนออกมาจากหมู่บ้านตั้งแต่เช้าพอมาเจอศาลเจ้าร้างกลางป่าจึงพักอาศัยที่นี่ชั่วคราว แต่ทว่าฝนตกเทกระหน่ำลงมาพวกนางไปไหนไม่ได้
“เสี่ยวอานฉานไปไหนแล้ว” เสิ่นเยว่เล่อเอ่ยถามสาวใช้ พวกนางนั่งในศาลเจ้าได้สักพักใหญ่แล้ว ตอนนั้นเสี่ยวอานฉานยังนั่งอยู่ด้วยกันกับพวกนางมองอีกทีหายไปไวยิ่งนัก
อาเซิงส่ายหน้า
“เย่ๆๆๆๆๆๆ” เสียงนั้นดังมาจากด้านหลังศาลเจ้า
สองนายบ่าวมองหน้ากัน เสิ่นเยว่เล่อรีบไปที่ด้านหลังศาลเจ้าทันที ภาพที่ปรากฏตรงหน้าพวกนางคือบุรุษตัวโตในชุดผ้าฝ้ายหยาบๆ กำลังเล่นน้ำฝน ผมเผ้าหลุดลุ้ยเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำฝน เสื้อบางแนบอกมันช่างเห็นอะไรได้ชัดเจน
อาเซิงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
เสิ่นเยว่เล่ออยากจะด่าบุรุษหน้าเหม็นเหลือเกิน
เขาหมุนรอบตัวเล่นน้ำฝนอย่างสนุกสนาน สายตามองไปเห็นสตรีทั้งสองในศาลามองมาที่เขา ใบหน้าหล่อเหลายักยิ้มขึ้น
“พี่สาวมาเล่นกับข้าเร็ว”