บทที่ 6
“เข้ามาเดี๋ยวเจ้าตากน้ำฝนโดนไอเย็นจะเป็นหวัดได้” น้ำเสียงสูงตะโกนออกไป
ชายหนุ่มมองหน้าง้ำของพี่สาวคนงาม เมื่อถูกเอ็ดจึงเดินเข้าไปในศาลา “ถ้าเจ้าป่วยพวกข้าต้องดูแลเจ้าอีก” หญิงสาวจึงหันหน้าไปหาอาเซิงให้สาวใช้นำชุดใหม่ให้เขาเปลี่ยน
ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่โดนพี่สาวเอ็ด เขาก็แค่อยากเล่นน้ำฝน
สายฝนเริ่มซาลงแล้ว อีกไม่กี่เพลาก็จะค่ำแล้วพวกนางยังมิได้กินข้าว ดังนั้นเสิ่นเยว่เล่อสั่งให้อาเซิงออกไปหาอาหารในป่าที่จริงนางอยากจะไปกับอาเซิงด้วย แต่ไม่ไว้ใจให้เจ้าปัญญาอ่อนอยู่คนเดียวกลัวจะเกิดเรื่องขึ้น
นางจึงอาสาก่อไฟรอสาวใช้เผื่อได้สัตว์กลับมาย่างกิน ไม่เกินสองเค่ออาเซิงเดินมาพร้อมกับไก่ป่าสองตัว
“คุณหนู บ่าวได้ไก่ป่ามาจากกับดักนายพราน”
“เจ้าขโมยมารึ” เสิ่นเยว่เล่อไม่อยากให้สาวใช้เป็นหัวขโมยเพราะนาง
“บ่าวไม่ได้ขโมยบ่าวแค่ยืมมา เจ้าค่ะ” อาเซิงพูดด้วยใบหน้าตลกขบขัน
“เจ้านี่ จริงๆเลย” นางไม่อยากเอ็ดสาวใช้เวลาขับขันกินอะไรก็กินไปก่อน
“คุณหนูเคยกินไก่ขอทานหรือไม่”
ไก่ขอทาน นางไม่เคยได้ยินเมนูอาหารแบบนี้ “ไม่เคย”
“บ่าวจะทำให้กินเจ้าค่ะ” เอ่ยวาจาเสร็จ อาเซิงรีบนำไก้ไปถอนขนแล้วล้างน้ำฝน นางเอาใบไม้ที่อยู่แถวนั้นมาห่อไก่ทั้งสองตัว จากนั้นนำดินที่เปียกฝนมาห่อไก่ทั้งสองตัว
“แบบนี้เองรึไก่ขอทานเจ้า” เสิ่นเยว่เล่อมองสาวใช้คนเก่งของนาง
จากนั้นก็นำไปผิงไฟ
สองนายบ่าวนั่งมองไก่ขอทานอย่างใจจดใจจ่อ
เสิ่นเยว่เล่อกวาดสายตาไปรอบๆ เจ้าปัญญาอ่อนหายไปไหนเสียวแล้ว
“เสี่ยวอานฉานหายไปอีกแล้ว” เสิ่นเยว่เล่อโมโหจนหน้าเขียวคล้ำเพราะเขา ซนยิ่งกว่าลิงเสียอีกพวกนางสองคนไปล้างไก่หน้าศาลเผลอหน่อยไม่ได้ เจ้าคนนั้นไม่อยู่ในศาล
บุรุษที่ถูกเอ่ยชื่อตอนนี้เขามุดไปที่รูหลังศาลรูปปั้น เขามองเห็ดหลินจือดอกใหญ่ขึ้นหลังศาล ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงพี่สาวคนงามจึงกระโดดลง
ตุบ!
ร่างหนากระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
สตรีทั้งสองนางมองร่างหนานอนร้องโอดโอย
“สมน้ำหน้าเจ้าดื้อเสียเหลือเกิน” นางเหลือทนกับเขาแล้ว
“พี่สาว ข้าเจ็บ” มือเขากำเห็ดหลินจือแน่น
สายตาของอาเซิงสะดุดที่มือของชายหนุ่ม “คุณหนูดูนี้สิมันเห็ดหลินจือชัดๆ เรารวยแล้ว” อาเซิงรีบดึงเห็ดหลินจือออกจากมือชายหนุ่มทันที
สตรีสองนางมัวมองเห็ดไม่สนใจเขาเลย
“เจ้าพูดจริงหรือ” เสิ่นเยว่เล่อไม่คิดว่าเจ้าปัญญาอ่อนจะนำโชคลาภมาให้เพราะความซุกซนของเขาทำให้พวกนางพบเห็ดหลินจือ
“จริงเจ้าค่ะ เห็ดหลินจือ บ่าวจำได้ว่าที่บ้านเกิดบ่าว คนในหมู่บ้านชอบนำเห็ดหลินเจือมาขายในเมือง พอขายได้ราคาดี พวกคนในหมู่บ้านย้ายออกจากหมู่บ้านมาตั้งรกรากในเมืองหลวงเจ้าค่ะ”
อาเซิงเป็นเด็กที่โดนป้าแท้ๆ ขายให้มาเป็นบ่าวไพร่ที่จวนราชครู โชคดีตอนนั้นฮูหยินใหญ่สงสารเด็กอย่างอาเซิงจึงรับตัวไว้เป็นสาวใช้คอยดูแลเสิ่นเยว่เล่อ
ดวงตาคุณหนูเสิ่นทอประกายแวววาวด้วยความดีใจ
“ดีเหลือเกินพวกเราจะได้มีเงินซื้อเรือนอยู่อาศัย ข้าไม่คิดจะกลับจวนตระกูลเสิ่นหรอกหนา ดูจากคำพูดหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ฮูหยินรองคงไม่ปล่อยข้าแน่ถ้าข้ากลับ ข้าห่วงแต่น้องชายผู้พิการของข้าเท่านั้นป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง บิดาข้าหาได้รักข้า ป่านนี้พวกเขาทราบข่าวคงจะดีใจไม่น้อย”
เสียวอานฉานไม่สนใจพวกนางสองคนว่าคุยอะไรกันตอนนี้เขาหิวมาก เขานั่งมองไก่ขอทานอย่างน้ำลายไหล
“คุณหนูเรื่องนี้ต้องยกความดี ความชอบให้เสียวอานฉาน”
พวกนางมองเสี่ยวอานฉานแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข…
รุ่งเช้าพวกนางเดินทางมาที่เมืองหลวงหยางโจวของแคว้นหนานผู้คนพลุกพล่านดีเหลือเกิน พวกนางจากเมืองหลวงมาสามปีแล้ว ทุกอย่างไม่เปลี่ยนทุกอย่างเหมือนเดิม เสิ่นเยว่เล่อมองร้านอาหารหอเซียงอี้ร้านอาหารชื่อดังที่แต่ก่อนมารดาจะพานางออกมานั่งกินเป็นประจำ บัดนี้เหลือเพียงแค่ความทรงจำที่ดีงาม