๗ ขมปลาย (๓)
แต่พอคิดได้ว่าเธออาจอยู่อีกแค่หนึ่งหรือสองสัปดาห์ เขาก็เกิดความเครียดจนต้องรีบถามคนตรงหน้า
“คุณจะกลับไทยวันไหน ช่วงนี้ผมว่างจะได้กลับด้วย อยากไปเที่ยวประเทศไทยพอดีเลย ผมเคยไปแค่ครั้งเดียวตอนเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเพื่อนชวนเที่ยวเอเชีย” จำได้ไม่ลืมหลังเรียนจบปริญญาตรีตนได้ไปต่างประเทศกับเพื่อนครั้งแรก
ทะเลที่ไทยสวยมากจนไม่อยากกลับ ใช้เงินไม่เยอะแต่กินอยู่อย่างราชา เสียดายที่ทุกวันนี้ไม่มีเพื่อนไปด้วย การจะไปคนเดียวก็ไม่สนุก แต่ถ้าได้ไปกับพลอยดาวคงดี...
“ฉันยังไม่แน่ใจเลยค่ะว่าจะกลับวันไหน แต่คงอีกสักพัก” เธอรีบก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก โกหกคำโตโดยที่ใจเต้นแรงกลัวว่าเขาจะจับสังเกตพิรุธได้
ว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกซีกโลกในวันพรุ่งนี้...
“ดีแล้ว...ผมยังอยากอยู่กับคุณแบบนี้อีกนาน ๆ” หล่อนยกยิ้มสมเพชตัวเอง ของสนุกที่เขายังไม่รู้สึกเบื่อ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ตัวเองจะตกกระป๋อง
ถ้าเป็นตอนที่ยังไม่รู้เรื่องทุกอย่างคงหัวใจพองโตกระโดดลิงโลดด้วยความดีใจไปแล้ว ทว่าเมื่อรู้ทุกอย่างกลับนิ่งเฉย หล่อนทำได้เพียงเย้ยหยันตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยหลงละเมอเพ้อพกว่าเขาจะรักตน ทั้งที่ความจริงห่างจากคำนั้นมาก
“กินข้าวเถอะ”
ไม่รู้ว่ากินไปเยอะเท่าไร รู้เพียงว่าเขาอิ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำได้เพียงนั่งหายใจรวยรินบนเก้าอี้แล้วมองร่างแบบบางเก็บของทุกอย่างไปล้าง ทั้งยังนำอาหารที่ทำเผื่อใส่กล่องแล้วแช่ช่องฟรีซ พร้อมแนะนำวิธีการนำมาอุ่นเพื่อรับประทาน
เขาฟังบ้างไม่ฟังบ้าง รู้ว่าอย่างไรเธอก็ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว แต่จะพูดขัดก็กลัวหล่อนน้อยใจ จึงต้องพยักหน้าตามแสร้งทำเหมือนฟังอย่างตั้งใจ
“อิ่มมากเลย...ไปเดินเล่นกันไหม” เมื่อเธอจัดการห้องครัวจนกลับมาสะอาด เขาก็รีบลุกแล้วเดินไปจับมือบางมากอบกุม พอเธอมาอยู่ด้วยได้ใช้ครัวจนคุ้ม ตอนเขาอยู่คนเดียวใช้แค่ห้องนอนเท่านั้นแหละ แต่ส่วนมากไปนอนอยู่บ้าน มาที่นี่เฉพาะเพื่อนมาเที่ยวไมอามีแล้วต้องการความเป็นส่วนตัวเท่านั้น
“นั่งดูหนังดีกว่า ฉันอยากดูหนังรักสักเรื่อง” เธอดึงเขาให้มานั่งที่โซฟายาวหน้าทีวี ทว่าไบรซ์ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
“ผมไม่ค่อยถนัดหนังรักเท่าไรเลย แต่ดูเป็นเพื่อนคุณได้” ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ไม่อาจค้านได้ สุดท้ายจึงเลือกภาพยนตร์รักหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นของประเทศญี่ปุ่นและตนไม่เคยดูมาก่อน ชายหนุ่มไม่ชอบหนังที่ต้องอ่านซับ
ไตเติ้ล
ทว่าแฟนสาวอยากดูก็ต้องตามใจ เอนศีรษะซบไหล่มนระหว่างดู อ่านทันบ้างไม่ทันบ้าง อินกับเนื้อเรื่องแสนเศร้าของความรักคู่เอก น้ำตาซึมกับตอนจบที่พอจะคาดเดาได้
ต่างจากคนข้างกายที่ร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน เขารีบโอบกอดพลอยดาวเอาไว้แล้วปลอบประโลมเธอด้วยเสียงนุ่มทุ้ม พยายามจะไม่หัวเราะให้หญิงสาวรู้สึกอับอาย
“ฮือ ฮึก”
“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องไห้นะที่รัก ผมอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ไม่ร้องนะครับ” ยกมือลูบศีรษะมนเป็นการปลอบ เธอเองก็กอดตอบเขาแน่นเช่นเดียวกัน ราวกับกลัวว่าร่างสูงจะหายไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่รู้เลยว่าครั้งนี้อาจเป็นกอดสุดท้ายระหว่างกัน
“ไบรซ์ ไบรซ์”
“ใช่ ผมเอง ผมอยู่ข้างคุณ”
จุมพิตที่หน้าผากมนเป็นการยืนยัน ทว่าเธอยังคงร้องไห้ไม่หยุดเช่นเดิม จนเขาต้องนั่งปลอบเป็นชั่วโมงกว่าเธอจะยอมสงบลง
เพิ่งรู้ว่าพลอยดาวอ่อนไหวขนาดนี้ สงสัยคงต้องรับเล่นภาพยนตร์ดราม่าสักเรื่อง อยากเห็นเธอร้องไห้เพราะเขาเหมือนกัน
กว่าพวกเขาจะได้นอนก็เกือบรุ่งเช้าของอีกวัน ไม่รู้หญิงสาวนึกคึกอะไรถึงชวนดื่มไวน์ เขาติดลมดื่มคนเดียวถึงสองขวด นอนหลับเป็นตายจนถึงช่วงบ่ายของอีกวัน ความเย็นสบายของอากาศภายในห้องทำให้ร่างสูงไม่อยากตื่น
พลิกกายพร้อมวาดแขนหวังจะโอบกอดคนที่นอนข้างกัน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วหนาขมวดเข้ากันกันด้วยความสงสัย
“อือ พลอย” พยายามกวาดมือไปยังที่ว่างข้างกายซึ่งเย็นชืด บ่งบอกว่าหล่อนคงลุกไปนานแล้ว เขาจึงลืมตาแล้วหยัดกายลุกนั่ง ปรับร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ ค่อยสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปยังห้องครัว คาดว่าหล่อนคงกำลังทำอาหาร
แต่สิ่งที่ไบรซ์เห็นคือความว่างเปล่า
ไม่มีพลอยดาว...
เขายังไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงแค่หล่อนคงออกไปซื้อของข้างนอกจึงเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จังหวะที่เปิดตู้แล้วพบว่าเสื้อผ้าของพลอยดาวหายไปทั้งหมด ทำให้เริ่มตระหนก รีบเดินรอบห้องพักของตัวเองอีกครั้งพร้อมร้องเรียกทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้อง
“พลอย คุณอยู่ไหน พลอย พลอย! ผมไม่เล่นนะพลอย!” บางทีหล่อนอาจจะกำลังแกล้งเขาอยู่ก็ได้
ร่างหนาเดินวนรอบห้องด้วยหัวใจกระวนกระวาย ก่อนจะสะดุดตาที่ซองจดหมายสีชมพูซึ่งวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว...
ทั้งที่เขาเดินผ่านหลายรอบแต่ทำไมเพิ่งเห็น หรือเป็นตนที่เพิ่งสังเกต
“จดหมายเหรอ...ถึงไบรซ์” อ่านหน้าซองด้วยมือสั่นเทา รับรู้ถึงเค้าลางบางอย่างที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น มีเหตุผลอะไรบ้างที่เธอทิ้งจดหมายไว้แทนการบอกกล่าว ชายหนุ่มคิดออกเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
คือเธอต้องการตัดสัมพันธ์...
‘ถ้าคุณเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันคงนั่งอยู่บนเครื่องบินเพื่อกลับประเทศของตัวเองแล้ว ตลอดระยะเวลากว่าสองสัปดาห์ที่อยู่กับคุณ ฉันมีความสุขมาก คุณเป็นชายในฝันของใครหลายคน แต่ขอโทษที่ไม่ใช่สำหรับฉัน คุณสามารถบอกเพื่อนของคุณได้นะคะว่าชนะพนัน คุณจะได้รับพูลวิลลาและแลมโบกินีอย่างที่คุณต้องการ ส่วนฉันขอกลับบ้านเกิดของตัวเอง...เพื่อแต่งงานกับคนที่ฉันรัก’
พยายามไล่อ่านอักษรทีล่ะตัวด้วยความตั้งใจ หัวใจของเขาเจ็บแปลบยามเห็นคำว่าแต่งงาน สมองขาวโพลนชั่วขณะแล้วทิ้งมือข้างลำตัว พึมพำกับตัวเองเสียงเบาอย่างคนไร้เรี่ยวแรง
เธอไม่ได้รักเขาเหรอ...
แล้วเรื่องที่ผ่านมามันหมายความว่าอย่างไร หล่อนแค่อยากล้อเล่นกับหัวใจของเขา อยากขึ้นชื่อว่าทำให้ดาราตกหลุมรักได้อย่างนั้นใช่ไหม
ไบรซ์มัวแต่โทษหญิงสาว โดยลืมตั้งคำถามกับตัวเองด้วยซ้ำว่าหล่อนรู้ความจริงเรื่องที่เขาพนันกับเพื่อนสนิทเอาไว้
“คนที่รัก...หมายความว่ายังไง” สิ่งที่สนใจคือการแต่งงานกับคนที่รัก จึงรีบอ่านข้อความทั้งหมดอีกครั้ง
‘เรื่องของเราขอให้จบลงที่นี่ จบลงเพียงแค่นี้ ขอบคุณที่มอบช่วงเวลาแสนพิเศษให้กับฉัน สัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องของคุณไปบอกใคร และฉันจะเก็บเป็นความลับไปจนวันตาย ขอให้เราอย่าเจอกันอีก ต่อจากนี้ช่วยพึงระลึกไว้ด้วยว่าอย่าเล่นกับความรู้สึกของใคร เพราะหัวใจไม่ใช่เรื่องล้อเล่น’
เธอตัดความสัมพันธ์กับเขาอย่างเด็ดขาด พร้อมสอนชายหนุ่มให้เห็นถึงคุณค่าของความรัก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่ากำลังถูกสอน เขาจึงขว้างกระดาษใบนั้นลงบนพื้น พร้อมกวาดของทุกอย่างบนเคาน์เตอร์หล่นลงสู่พื้น
“เหี้ยอะไรวะ!!” ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห
“พลอยดาว...เธอกล้าหลอกฉัน พลอยดาว! โธ่เว้ย!!” ห้องพักที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อยราบเป็นหน้ากลอง เมื่อเจ้าของห้องระบายอารมณ์ด้วยการพังข้าวของทั้งหมด พร้อมแรงที่หดหายจนต้องทรุดกายลงบนพื้น หลังพิงกำแพงเอาไว้อย่างเหนื่อยล้า
เขาเสียท่าผู้หญิงคนนั้น...
คนที่หลอกให้รักแล้วตีจากอย่างเลือดเย็น!