๔ ชอบเวลาเธอยิ้ม (๒)
ประตูห้องถูกเคาะหลายรอบจนคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงต้องลุกทั้งที่ตายังไม่เปิด เธอทำงานช่วยที่ร้านจนดึกดื่น ไหนจะกลับมาอ่านนวนิยายเล่มโปรดจนเกือบรุ่งสาง เพิ่งได้นอนไม่นานก็ถูกปลุก จนเผลอทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วค่อยเปิดประตู
“พลอย พลอย” เสียงคุณอาเรียกแล้วหยุดลงเมื่อหลานสาวเปิดประตูค้าง ก่อนจะเดินกลับไปล้มตัวลงบนเตียงอีกรอบ เธอลืมเสียสนิทว่าวันนี้สัญญาอะไรกับใคร เพราะต้องการพักผ่อนอยู่บนเตียง ช่วงสายค่อยไปช่วยงานที่ร้าน
เธอเพิ่งได้สัมผัสกับการพักผ่อนอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เข้าไปช่วยงานบริษัทของครอบครัว แล้วเรียนปริญญาโทบริหารการศึกษา เข้าไปสอนในโรงเรียนที่เป็นอีกกิจการของบ้านกุลนาถ หล่อนทำหลายอย่างพร้อมกันจนแทบไม่มีเวลาให้ตัวเอง
หนึ่งเดือนนี้จึงอยากพักผ่อนให้มากที่สุด แล้วค่อยกลับไปเผชิญกับปัญหา...
ซึ่งปัญหาใหญ่ที่กลัวคือการอยู่ร่วมบ้านกับปุริมและภรรยาของเขา เธอเกรงว่าจะปิดความรู้สึกไม่มิดจนเผลอแสดงความอิจฉา
ไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นเลย...
“อื้อ คุณอา มีอะไรคะปลุกแต่เช้า”
“มีคนมาหา บอกว่าจะพาเราไปวิ่ง” เธอคิดออกทันทีว่าเป็นใคร แต่เรื่องอะไรจะยอมลุกจากเตียงล่ะ รีบหยิบผ้าห่มคลุมโปงรวดเร็ว
“ไม่ไป พลอยจะนอน” ยืนกรานชัดเจน จนคุณชายทวีต้องใช้คำพูดของไบรซ์ที่ฝากมาบอกคนบนเตียง
“ถ้าไม่ไปเขาจะขึ้นมาปลุกเอง”
“คุณอาก็อย่าให้เขาขึ้นมาสิคะ” คราวนี้เธอลืมตาแล้วลุกนั่ง ขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายทันที ซึ่งหม่อมราชวงศ์ทวีติยากรเหมือนจะถือหางดาราหนุ่ม
“อาคงต้านเขาไม่ไหวหรอก เรานั่นแหละสัญญากับเขาไว้ก็ต้องไป ผิดคำพูดได้ยังไง ลุกเลยเด็กขี้เซา อาจะได้ไปนอนต่อ”
“อื้อ คุณอาอะ” เมื่อถูกดึงให้ลุกจากเตียงทั้งยังบังคับเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกายก็ต้องยอมทำตาม ทั้งที่ความจริงอยากนอนอยู่บนเตียงแท้ ๆ เธอก่นด่าไบรซ์ในใจระหว่างอาบน้ำไปหลายรอบ แต่พอมือแตะโดนทรวงอกเมื่อไรก็ต้องเผลอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานจนรีบสลัดศีรษะไม่อยากคิด
เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่นึกชอบสัมผัสนั้นจนอยากลองอีก...
ความรู้สึกยังเด่นชัด ลิ้นสากที่ลากผ่านเนื้อตัวยังคงไม่ลืมเลือน เธอรีบปิดน้ำแล้วห่อกายด้วยผ้าเช็ดตัว ออกมาแต่งตัวอย่างรวดเร็วพลางบ่นตัวเองที่จำได้ทุกการกระทำของเขา
อาจเพราะไม่เคยถูกชายใดแตะต้องมาก่อน จึงคล้อยตามได้ง่าย ต้องไม่ใช่ว่าตนกำลังเปิดใจให้เขาแน่ เธอจะหลงรักผู้ชายเจ้าชู้หลายใจได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
“มาทำไมแต่เช้า” ลงมาข้างล่างด้วยชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวและรองเท้าผ้าใบสำหรับใส่วิ่ง ผมยาวมัดรวบเป็นหางม้า ทาเพียงแค่ครีมกันแดดและรองพื้น ไม่ลืมลิปบาล์มเพื่อไม่ให้ปากซีดจนเกินไป ดวงหน้าหวานงอง้ำไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“สัญญาไว้ว่าจะพาคุณไปวิ่ง” เธอมองเขาที่สวมชุดสำหรับออกกำลังกาย ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายดึงดูดสายตาหลายคนให้มอง ขนาดเขาสวมชุดธรรมดายังหล่อเหลาเตะตา ยิ่งมีหนวดเคราก็เสริมให้ดูดีขึ้นไปอีก
เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้...
“ฉันไม่ได้สัญญากับคุณสักหน่อย หาว อยากนอน” ปิดปากหาวอีกรอบ แสดงออกชัดเจนว่าตนง่วงมากแค่ไหน
“สามสิบนาที วิ่งแค่สามสิบนาทีแล้วผมจะยอมปล่อยให้คุณกลับไปนอน”
“วิ่งขนาดนั้นฉันกลับไปนอนไม่ได้แล้ว...รีบวิ่งเถอะจะได้แยกย้าย” ถึงเขาจะโน้มน้าวแต่เธอก็รีบวิ่งนำก่อนเพื่อจะได้รีบเสร็จ ถึงใจจะไม่อยากออกกำลังกายมากแค่ไหนก็ตาม
ดูเวลาก็อยากจะกลับไปนอนอีกรอบ เช้าขนาดที่พระอาทิตย์ยังไม่เข้าทำงานด้วยซ้ำ ซึ่งหล่อนก็พอเข้าใจได้ว่าเขาคือคนดัง คงไม่ต้องการให้ใครมองหรือสนใจ อีกอย่างกลัวจะมีรูปถ่ายกับสาวเอเชียให้เป็นข่าวเมาท์
เลือกวิ่งที่ทางเท้ารอบหาด ถึงบรรยากาศจะดีหรือลมโกรกมากแค่ไหน แต่ความเหนื่อยที่มาจากการวิ่งในระยะทางไกลพอสมควร ทำให้เธอหยุดยืนพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ใบหน้าหวานแดงก่ำทั้งยังมีเหงื่อออกเต็มใบหน้าและแผ่นหลัง
“เหนื่อย เหนื่อยแล้ว” เธอส่ายหน้าและพยายามเค้นเสียงบอกอีกฝ่าย
“คุณไม่ค่อยได้ออกกำลังกายใช่ไหม เราวิ่งแค่สิบนาทีคุณยังหอบลิ้นห้อย จะวิ่งครบรอบหรือเปล่า” ชายหนุ่มวิ่งเหยาะแล้วถามคนที่เหนื่อยหอบทั้งที่วิ่งไม่ถึงสามกิโลเมตรด้วยซ้ำ ทว่าดวงหน้าหวานกลับแดงก่ำ ร่างกายอ่อนแรงพร้อมจะล้มลงได้ทุกเวลา
“วิ่ง คุณวิ่ง แฮ่ก ไปเลย ฉันจะรอ ตรงนี้” ไม่ไหวจนต้องไล่ให้อีกฝ่ายวิ่งก่อน
“วิ่งด้วยกัน มา! ค่อยก้าวหรือเดินเร็วก็ได้ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพหน่อย คุณอยู่เมืองร้อนยังไงผิวขาวอย่างกับไม่ได้ตากแดด ผมยังคล้ำกว่าคุณเลย” คนตัวสูงคว้ามือบางแล้ววิ่งนำโดยที่เธอพยายามก้าวขาตาม ก้มมองมือของเขาแล้วเทียบสีผิว
จริงดังที่ไบรซ์บอก ตนขาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เขาอยู่เมืองหนาวแท้ ๆ
“ฉันชอบอ่านหนังสือในบ้านมากกว่าออกไปทำกิจกรรมข้างนอก” พยายามพูดประโยคยาวแต่ก็เหนื่อยเหลือเกิน เธอพยายามจะก้าวเท้าให้ทัน แต่เลือกจะสะบัดมือออกแล้วหยุดยืนที่เดิม ไม่สามารถฝืนสังขารตัวเองได้อีก
“ไม่แปลกใจ”
“ไม่ไหวแล้ว ฉันเหนื่อย...” เธอทรุดกายนั่งย่อลงบนพื้น ประกาศชัดเจนว่าไม่อาจวิ่งได้อีก ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็นึกเอ็นดูหล่อน ยอมแพ้โดยปริยายพร้อมทั้งนั่งลงข้างเธอ จ้องดวงหน้าหวานที่แก้มนวลแดงก่ำด้วยความเอ็นดู
“ผมก็ไม่ให้คุณวิ่งแล้ว หันไปดูทางนั้นดีกว่า” เขาประคองดวงหน้าหวานให้หันไปทางทะเล พบดวงตะวันที่ลอยขึ้นเหนือน้ำ สวยจนแววตาหวานเบิกกว้างเป็นประกาย เผยอปากกว้างแล้วค่อยยิ้มออก ความเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง โดยไม่รู้เลยว่ามีหนึ่งสายตาจ้องหล่อนแทนภาพดวงอาทิตย์
“ว้าว สวย...อื้อ” เขามองเธออยู่อย่างนั้นนานพอสมควร ก่อนตัดสินใจประคองดวงหน้าหวานให้หันมาแล้วประกบริมฝีปากลงทันที แตะค้างอยู่เกือบนาทีโดยลองใจว่าเธอจะผละออกไหม แต่หญิงสาวกลับแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น
เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก จึงยอมผละออกแล้วประสานสายตากับเธอ เผยยิ้มกว้างให้ร่างบางแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มทรงเสน่ห์ เขย่าหัวใจคนฟังจนอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังวิ่งมาราธอน
“มอร์นิงคิส...พลอยดาว” เธอถึงขั้นนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ยามได้ยินเขาเรียกชื่อเต็มของตนชัดถ้อยชัดคำ
จากนั้นก็รีบลุกแล้ววิ่งหนีกลับบ้าน ไม่ยอมฟังเสียงเรียกของไบรซ์ด้วยซ้ำ ทำให้คนมองตามหลุดขำเสียงดัง ไม่เคยเจอคนที่วิ่งหนีเขาหลังถูกจูบ เธอมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด...
หลายวันต่อมาเธอก็ต้องไปวิ่งกับเขาทุกเช้า ช่างดูดพลังงานของตนเสียเหลือเกิน ถึงจะบอกว่าไม่อยากไป แต่คนเจ้าเล่ห์ก็ยังลากไปจนได้
สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานไบรซ์ จำยอมวิ่งกับเขาทุกเช้า แน่นอนว่าเธอพยายามเลี่ยงมอร์นิงคิส ทว่าเขาก็มีลูกล้อลูกชนจนเธอเสียท่าตลอด กลายเป็นจูบรับอรุณทุกเช้า ซึ่งกลายเป็นความเคยชินอย่างไม่น่าเชื่อ
เธอมักจะตื่นเองทุกเช้าโดยที่คุณอาไม่ต้องมาปลุก เริ่มวิ่งได้ไกลขึ้นจากการเคี่ยวเข็ญของร่างสูง ถึงจะไม่ชอบออกกำลังกาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าชอบจุมพิตยามเช้า...
ไม่รู้ทำไมตนถึงกลายเป็นอีกคนที่หลงเสน่ห์ไบรซ์
“คุณอาจะไปไหนคะ” วันนี้เขาบอกว่ามีธุระจึงไม่ได้มาวิ่งกับหล่อน หญิงสาวจึงมาช่วยงานที่ร้านแต่เช้า กลับพบว่าคุณอากำลังเก็บอาหารใส่กล่อง
“วันนี้อาคิงมีงานถ่ายโฆษณาแบรนด์น้ำหอม ตื่นเต้นตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย” พยักหน้ารับทราบ จำได้ว่าท่านบอกตอนทานอาหารเย็นด้วยกัน สงสัยเธอจะลืม...
“คุณอาจะไปด้วยเหรอคะ”
“เปล่าหรอก แค่มาทำอาหารให้เขาเอาไปกินน่ะ ไบรซ์เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์เลยนะ ได้ต่อสัญญาปีที่สี่แล้ว เขาเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ อายังคิดเลยว่าโชคดีที่คิงได้ไปร่วมงานด้วย” เพียงแค่ได้ยินชื่อของไบรซ์ก็นิ่งค้าง ความรู้สึกของเธอที่มีต่อชายหนุ่มเปลี่ยนจากวันแรกราวหน้ามือเป็นหลังมือ