๔ ชอบเวลาเธอยิ้ม (๑)
๔
ชอบเวลาเธอยิ้ม
กว่าเธอจะทำจิตใจให้สงบแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เกือบครึ่งชั่วโมง แทบไม่กล้าสู้หน้าไบรซ์ด้วยซ้ำแต่ก็ต้องออกมาแนะนำตัวกับครอบครัวของอีกฝ่าย เพราะดูเหมือนทุกคนจะสงสัยเหลือเกินว่าชายหนุ่มพาใครมาด้วย
“เธอชื่อพลอยครับ เป็นครูสอนผมทำอาหารไทย” เธอหยุดยืนตรงหน้าคนในครอบครัวอาเชอร์ทั้งสามท่านพลางยิ้มรับเมื่อร่างสูงเอ่ยชื่อพร้อมแนะนำสถานะของตนเรียบร้อย
เธอสวมชุดเดรสลายดอกไม้ของมารดาเขา ถึงมันจะตัวใหญ่กว่าตนไปค่อนข้างมากก็ตาม...
ท่านมองหล่อนอย่างชื่นชม ก่อนจะนิ่งค้างแล้วชี้มาทางตนเหมือนนึกบางอย่างออก พอจะได้เดาว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไร เพราะตนเจอแบบนี้มาตั้งแต่น้องสาวเปิดตัวกับสาธารณะว่าเป็นศิลปินของค่ายดัง ถูกทักผิดจนคร้านจะเอ่ยแก้ไขในบางครั้ง
“โอ้ หน้าเหมือนนักร้องเอเชียเลย ใครนะ ที่ลิเดียชอบ...พราว พราวหรือเปล่า” จำชื่อได้ทันทีแต่หล่อนก็ต้องปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ต่างจากตอนที่อยู่กับเขาราวคนละคนจนไบรซ์ถึงกับเหลียวมองหล่อนด้วยแววตาวาว
เพิ่งรู้ว่าพลอยดาวอ่อนหวานเป็นเหมือนกัน ปกติเธอมักมองเขาตาขวางและสนทนาเสียงแข็งเหมือนไม่ต้องการคุยด้วย
“พราวเป็นฝาแฝดของฉันค่ะ”
“ฝาแฝด...ไม่น่าล่ะทำไมหน้าเหมือนกัน” พยักหน้าเข้าใจ กำลังจะชวนหล่อนคุยแต่ก็ถูกคนเป็นลูกชายขัดด้วยการยื่นกล่องผัดไทให้มารดา
ครอบครัวอาเชอร์มีทั้งหมดสามคนประกอบไปด้วยบิดามารดาและคุณย่าที่ชรามากแล้วแต่ก็ยังแข็งแรง ท่านชอบเข้าสวนไปรดน้ำต้นไม้และคิดค้นสูตรน้ำผลไม้ที่บางครั้งก็ดื่มได้ บางครั้งก็ต้องทิ้งเพราะรับประทานไม่ได้เลย
บิดาทำอาชีพนักดับเพลิง เสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วน จนเมื่อบุตรชายมีเงินเป็นกอบเป็นกำจึงขอให้ท่านหยุดทำงานอยู่บ้าน แต่คนเคยไปทำงานทุกวันก็ยังไปคุยเล่นกับเพื่อนเสมอ จนเหมือนเป็นหน่วยสนับสนุนไปแล้ว
ขณะที่มารดาเป็นแม่บ้าน แต่ท่านก็ชอบขีดเขียน แต่งนิยายหลายเรื่องแต่ก็ไม่ได้รับความนิยม ท่านหวังว่าตนจะเป็นเหมือนเจ.เค โรว์ลิง ที่เขียนนิยายภาคต่อจนได้รับความนิยมโด่งดังไปทั่วโลก สักวันแสงก็ต้องส่องมาถึงตน ทว่าไม่รู้วันนั้นจะมาถึงเมื่อไร
“แม่อยากกินผัดไทยไม่ใช่เหรอ ผมทำมาให้แล้ว ลองชิมดูนะครับว่าชอบหรือเปล่า ถ้าอยากกินอีกผมจะไปทำเพิ่ม” ยื่นไปตรงหน้าท่านแล้วพยักหน้าให้ลองชิม แต่กลับโดนคนเป็นพ่อที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างกันขัดทันที
“ของพ่อล่ะ”
“ไม่ได้ทำ! เราเข้าไปทำอาหารในครัวดีกว่า” ตะโกนเสียงดังแล้วรีบจับจูงมือบางเข้าครัว เล่นเอาพลอยดาวต้องรีบก้าวเท้าตามอย่างปฏิเสธไม่ได้
เมื่อครู่มองพ่อแม่ลูกคุยกันก็นึกว่าตนกำลังดูภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง รู้ทันทีว่าเขาได้ความหล่อมาจากใคร ไม่ต้องสืบเลยสักนิด ดีเอ็นเอบ่งบอกอยู่บนใบหน้าชัดเจน เธอเห็นก็อดอมยิ้มไม่ได้ ลืมเรื่องในห้องน้ำเกือบสนิท
ถ้าไม่ได้อยู่กันสองคนในห้องครัว...
“ไม่มีวัตถุดิบ” ท้วงติงร่างสูง แต่เขาก็รีบแก้ไขทันท้วงที
“สปาเก็ตตีก็ได้ พ่อผมกินง่าย”
เปิดตู้เย็นเพื่อหยิบวัตถุดิบ เธอจ้องมองไบรซ์ที่หยิบจับทุกอย่างคล่อง พอจะรู้ว่าชายหนุ่มมีพื้นฐานการทำอาหารอยู่บ้าง ดูจากที่เขาสามารถใช้มีดและจับกระทะอย่างถนัดมือไม่เงอะงะ
น่าแปลกที่ในเวลานี้...เธอกลับชอบมองเขายามเข้าครัว
อีกฝ่ายมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
“คุณจะพาฉันมาด้วยทำไม แม่คุณไม่เห็นจะถามอะไรเลย” แสร้งผินหน้าไปทางอื่นเมื่อเขาเหลียวมามอง อ้างมารดาของอีกฝ่ายแล้วทำหน้านิ่ง
“อยากพาคุณมาเปิดหูเปิดตาบ้าง คุณอาบอกว่าแต่ละวันคุณขลุกอยู่แต่หลังครัว อยากให้พาเที่ยวชมบรรยากาศรอบเมือง คุณอยู่ไมอามีนะ” เขาย้ำว่าหล่อนมาถึงเมืองที่มีทะเลล้อมรอบ แต่กลับหมกตัวอยู่หลังครัวไม่ยอมไปไหน
ไบรซ์สนิทสนมกับหม่อมราชวงศ์ทวีติยากร มักไปขอรับประทานอาหารที่ร้านเวลาใกล้ปิดเสมอเพราะไม่ชอบเป็นจุดเรียกสายตา อีกฝ่ายก็แสนดีกับเขาจนได้พูดคุยปราศรัย สนิทสนมในระดับหนึ่ง
ยิ่งมารู้ว่าพลอยดาวเป็นหลานสาวเจ้าของร้านรสไทย เริ่มเชื่อในพรหมลิขิต ไม่นึกว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้
“ทำอาหารคือการพักผ่อนของฉัน”
“งั้นการไปเที่ยวกับคุณก็เป็นการพักผ่อนของผมเหมือนกัน” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หล่อน แล้วหญิงสาวก็ไม่ได้ผละห่าง สร้างความดีใจให้เขาเป็นอย่างมาก คิดจะโน้มเข้าไปจุมพิตที่ปากหยัก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมารดาเข้ามาในครัวพร้อมเอ่ยชวนแขกด้วยเสียงตื่นเต้น
“พลอย เล่นเกมเศรษฐีด้วยกันไหม”
“ค่ะ เล่นค่ะ” หล่อนเพิ่งได้สติแล้วรีบถอยห่างจากร่างหนา รับคำทันรวดเร็วก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกไปด้านนอก
“แล้วใครจะทำสปาเก็ตตีล่ะแม่!” ไม่วายตะโกนถามเสียงดังเพราะเหลือตนในห้องครัวเพียงผู้เดียว
“แกก็ทำเองสิ ทำเป็นไม่ใช่หรือไง รีบทำล่ะจะได้กินข้าว”
“แม่นะแม่ ขัดจังหวะจริง ๆ” ทำได้แค่บ่นตามหลังแล้วเริ่มลงมือทำอาหารมื้อเช้าที่ค่อนไปช่วงสาย ได้ยินเสียงหัวเราะของคนในครอบครัว จนต้องแอบมองหญิงสาวเอเชียเพียงหนึ่งเดียวที่เผยรอยยิ้มกว้าง
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอยิ้มด้วยความสุขส่งไปถึงดวงตา
หัวใจที่เคยเต้นช้ากลับเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ประหลาดจนร่างสูงต้องรีบกลับเข้าครัวไปทำอาหาร บางทีเขาอาจจะตื่นเต้นเพราะเห็นทุกคนมีความสุขก็ได้
ไม่ใช่เพราะตกหลุมรักหรอก...
ตนไม่อยากเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ใครอีกแล้ว ความเจ็บปวดที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าการไม่รักดีที่สุด
เธออยู่บ้านเขาทั้งวัน ไม่ว่าจะเล่นเกมที่มารดาของเขาชวน หรือไปจิบน้ำชายามบ่ายแล้วฟังเรื่องเล่าจากคุณยาย ช่วยท่านปลูกดอกไม้ทั้งยังได้ดอกกุหลาบมาหนึ่งต้น ถือเป็นของขวัญแก่แขกสาวคนสวยในรอบหลายปีที่หลานชายพากลับมาบ้าน
ขณะที่ไบรซ์ไปช่วยบิดาทำโต๊ะไม้สำหรับปิกนิกที่โรงเรือนหลังบ้าน ขลุกอยู่ในนั้นหลายชั่วโมง กระทั่งถึงเวลาไปส่งหล่อนกลับร้าน เขาจึงขับรถยนต์ตามคำเรียกของของคุณย่าที่อยากให้สาวน้อยนั่งสบายปลอดภัย
ส่วนชุดของเธอก็ซักและอบแห้งนำกลับมาใส่เรียบร้อย ระหว่างทางก็มองวิวทิวทัศน์ข้างนอก ไม่กล้าชวนเขาคุย ขณะที่ร่างสูงก็ไม่กล้าชวนหล่อนสนทนาเช่นเดียวกัน เหมือนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
จนถึงร้านรสไทย...
“ขอบคุณที่มาส่ง ถึงฉันไม่ได้อยากไปกับคุณก็ตาม”
“พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณที่หน้าบ้านนะ” จังหวะที่กำลังจะลงรถ เขาก็เอ่ยขัดจนหญิงสาวต้องหันมามองด้วยความสงสัย
“รับทำไม”
“พาไปวิ่ง”
“ไม่ไป ฉันไม่ชอบออกกำลังกาย” ส่ายศีรษะทันที
หม่อมหลวงพลอยดาวไม่ชอบออกกำลังกายทุกชนิด เธอจึงพยายามดูแลการกินของตัวเอง ถึงน้องสาวที่อยู่ต่างแดนจะคอยทักถามและบอกให้ออกกำลังกายบ้างเพราะเป็นห่วงสุขภาพของพี่สาวฝาแฝด
แต่หล่อนก็ยังยืนกรานว่าไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบความเหนียวเหนอะของเหงื่อ
“ถ้าคุณไม่ไปผมจะเข้าไปหาคุณถึงห้องนอน แล้วปลุกคุณด้วยมอนิงคิส...” แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม ทั้งยังเอาเรื่องจูบมาขู่จนเธอต้องตั้งเงื่อนไข
“หยุด! ถ้าหาบ้านฉันเจอจะยอมไปวิ่งด้วย” พูดจบก็ปิดประตูเสียงดังแล้ววิ่งเข้าหลังร้านทันที คิดว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็หาบ้านตนไม่เจอหรอก หรือถ้าหาเจอก็จะนอนบนเตียงไม่ยอมลงไปวิ่งกับเขาอย่างแน่นอน เรื่องอะไรจะเสียเวลาอันแสนสุขบนเตียงไปวิ่ง
เมินเสียเถอะ!
“หาเจอแน่”
มุมปากหยักยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วขับรถกลับบ้านทันที ช่วงนี้เขาไม่มีงานจึงว่างเล่นสนุกกับเธอ เพิ่งถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จบเมื่อหลายเดือนก่อน จึงพอพักอยู่กับครอบครัว รับเพียงงานเล็ก ๆ ที่ทำสองสามวันจบ
โชคดีที่งานนั้นถ่ายทำอยู่ไมอามี เขาจึงถือโอกาสกลับมาอยู่บ้านซะเลย