๒ เกี้ยวพาราสี (๓)
ทว่าพออยู่กับไบรซ์กลับพูดยาวได้เป็นฉาก...แสดงตัวตนออกมาไม่ปิดบัง
“ผมอยากคุยกับคุณนี่นา ปกติผมเจอแต่คนวิ่งเข้าหา พอมาเจอคุณยอมรับว่าค่อนข้างแปลกใหม่” ยอมรับตามตรงทำให้หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็ยังตอบกลับไบรซ์แล้วผินหน้ามามองดวงหน้าคมที่จ้องหล่อนแทนทิวทัศน์ของทะเล
“ฉันไม่ใช่ของแปลก”
“ผมหมายถึงความรู้สึกของตัวเอง ผมแปลกใจที่คุณไม่ได้คลั่งไคล้ผม” เขาไม่ได้ยกยอตนแต่กำลังพูดความจริง หญิงสาวหลายคนที่พบหน้าต่างทอดสะพานให้เขาทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยหน้าตา หรือการเป็นนักแสดงที่ดึงดูดคน แต่โดยรวมแล้วเขาก็ไม่เคยขาดหญิงข้างกายเลย
ถ้าต้องการ...ย่อมได้มาเสมอ
“มีอีกหลายคนที่ไม่ได้คลั่งไคล้คุณ” ผินหน้ากลับไปมองทะเลอีกรอบ เธอแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ได้คิดอะไรร่างสูง ไม่มีความรู้สึกคลั่งไคล้ในตัวเขาสักนิด
ก่อนหน้าที่เจออาจมีชื่นชมเพราะเคยดูผลงานของไบรซ์บ้าง แต่เมื่อเห็นว่านิสัยเขาเป็นอย่างไร จึงเปลี่ยนความคิดทันที
“บ้านผมมีหมาหนึ่งตัว...” ร่างหนาเงียบไปครู่หนึ่ง ลองมองผืนน้ำกว้างที่ขาวจรดผืนฟ้า แต่เพราะเป็นยามค่ำคืนจึงไม่อาจเห็นว่าน้ำสีครามสวยงามเพียงใด เขาเริ่มเล่าเรื่องให้คนข้างกายฟังแต่หล่อนก็เอ่ยขัดกลางปล้อง
“ฉันไม่ได้อยากไปดู”
“ผมไม่ได้ชวน ผมแค่บอกว่าบ้านผมมีหมาชื่อดิ๊กกี้ มันชอบจ้องหน้าผมแต่ก็ไม่เดินเข้ามาเล่นด้วย เป็นผมที่ต้องเข้าไปเล่นกับมันเอง...ผมว่ามันเหมือนคุณเลย” เขาอมยิ้มยามที่ดวงหน้าหวานรีบหันมามองตนแล้วเอ่ยเสียงดังด้วยใบหน้างอง้ำ
ซึ่งสำหรับตนแล้วให้ความรู้สึกว่าเธอน่ารักชะมัด...
“ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจ” ไม่ได้โกรธที่เขาเอาตนไปเปรียบกับสุนัข ทว่าหล่อนโกรธที่ชายหนุ่มเอานิสัยของมันมาเทียบกับตัวเองมากกว่า
ไบรซ์เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะร่วน จากนั้นจึงเงียบไม่ต่อปากต่อคำ หม่อมหลวงพลอยดาวเห็นอย่างนั้นก็ชะงักค้าง เธอเหมือนเห็นแสงสว่างในดวงตาเรียวคู่นั้น รอยยิ้มของเขามันสดใสจนหัวใจเผลอเต้นแรงชั่วขณะ จนต้องใช้มือยันพื้นแล้วขยับออกห่างร่างหนา
เหตุการณ์เมื่อครู่มันคืออะไร ทำไมหล่อนถึงเผลอใจเต้นกับรอยยิ้มของอีกฝ่าย...
แค่ชื่นชมเท่านั้นแหละ...
หม่อมหลวงคนสวยรีบหาเหตุผลให้ตัวเองทันที เธอจะไม่ยอมเป็นหนึ่งในตัวเลือกของเขาเป็นอันขาด
“คุณจะอยู่ที่นี่อีกนานไหม หรือบินกลับเอเชียหลังออกจากเกาะ” เขารู้เพียงเธอเป็นคนเอเชีย ทว่าไม่รู้หญิงสาวอยู่ประเทศใดจึงพูดโดยรวม
“อยู่ต่อหนึ่งเดือน” พลอยดาวนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบ เธอไม่รู้เหตุผลที่เขาถามแต่คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกจึงตอบ
“มาพักผ่อนเหรอ”
“คุณต้องการสัมภาษณ์งานเหรอคะ ทำไมถามเยอะจัง” เป็นหล่อนที่สงสัยจนต้องถามกลับ ไม่คิดว่าตนจะได้นั่งคุยกับดาราดังระดับโลก อีกทั้งเขายังถามเยอะเสียจนนึกว่าสัมภาษณ์รับผู้จัดการ
“สัมภาษณ์ผมกลับสิ อยากรู้เรื่องอะไรผมตอบหมด...เรื่องที่ไม่มีในเน็ตผมก็ตอบได้นะ ถ้าคุณอยากรู้” ขยับกายเข้าไปใกล้เธอแล้วเกยคางบนไหล่บาง ใช้ดวงตาทรงเสน่ห์มองเสี้ยวหน้าหวานไม่คลาดสายตา แต่เธอกลับขยับห่างไม่ใจอ่อนสักนิด
“ฉันไม่อยากรู้เรื่องของคุณ”
“ผมเคยเจอฝาแฝดของคุณเมื่อสามปีก่อนที่งานประกาศรางวัลเพลง คุณรู้ใช่ไหมนอกจากเล่นหนังผมยังร้องเพลงเก่ง แต่ก็ได้แค่เข้าชิงไม่ได้รางวัล...” คราวนี้เป็นเขาที่เล่าเรื่องของตัวเองโดยที่พลอยดาวไม่ได้ร้องขอสักนิด
ร่างสูงเริ่มจดจ้องดวงหน้าหวานอย่างจริงจัง คิดถึงพราวรุ้งที่ยิ้มกว้างพลางทักทายคนในงาน มีแต่ความเป็นมิตรให้แก่ทุกคน ช่างต่างจากพี่สาวที่นิ่งเงียบ ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใคร แต่แปลกที่เรียกสายตาเขาให้มองเพียงเธอ
“ความจริงพวกคุณก็...เหมือนกันมากเลย”
“เราเป็นฝาแฝด” ย้ำชัดแล้วหันมามองเขา แต่กลับเป็นการกระทำที่ผิดเพราะใบหน้าของตนอยู่ห่างจากเขาแค่คืบเดียว พอจะหันหน้าหนีกลับโดนประคองกรอบหน้าเอาไว้ด้วยความทะนุถนอม
“แต่สำหรับผม...จำคุณได้ขึ้นใจมากกว่า” สายตาหวานที่ส่งมา กับบรรยากาศยามค่ำคืนของทะเล ทำให้เธอเผลอสบตาคมคู่นั้นแล้วถูกดึงดูด ปากอวบอิ่มเผยอเล็กน้อย เริ่มรู้สึกว่าระยะห่างของเราถูกลดลงเรื่อย ๆ จนห่างกันเพียงคืบ
แต่จังหวะที่เขาหมายประทับริมฝีปากปิดปากหล่อน พลอยดาวกลับมีสติแล้วถอยห่างอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรีบลุกยืนแล้วปัดทรายออกจากกระโปรง
“คุณใช้มุกนี้จีบหญิงตลอดเลยเหรอคะ” หัวใจเต้นรัวระหว่างที่ถาม เกือบเผลอจูบเขาด้วยความเต็มใจไปแล้วหากไม่รับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดใบหน้า ได้สติเดี๋ยวนั้นเองว่าจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
อารมณ์จะต้องไม่อยู่เหนือความถูกต้อง
เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันจึงไม่ควรใกล้ชิดเกินงาม
“ไม่หรอก สลับบ้าง...คุณรู้เหรอว่าผมกำลังจีบคุณ” ไบรซ์รีบยืนแล้วจับแขนเรียวเพื่อเป็นการรั้งเอาไว้ ค่อยถามเธอพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ เห็นชัดเจนว่าหล่อนกำลังเขินอายกับคำถามของตน
“ดึกแล้ว เชิญคุณคุยกับทะเลฟังเสียงคลื่นตามสบายเลยนะคะ” สิ่งเดียวที่คิดออกคือรีบกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง น่าจะเป็นสถานที่ปลอดภัยมากที่สุด
“เดี๋ยว...”
ทว่าเธอกลับไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้ เขาดึงแขนเรียวเพื่อให้ร่างกายแบบบางเข้ามาใกล้ แล้วประทับจุมพิตลงบนหน้าผากมน จนคนที่ถูกแต๊ะอั๋งเบิกตากว้าง เงยหน้ามองคนตัวสูงพลางเรียกชื่อเขาเสียงดัง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนี้กับตน
“ไบรซ์!”
“ฝันดีครับ” คำพูดหวานข้างหู ทำให้เธอขนลุกชันพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวจนตัวเองยังไม่ชอบ ความรู้สึกห้ามยากเหลือเกิน
เมื่อเขายอมปล่อยหล่อนเป็นอิสระ พลอยดาวก็รีบก้าวเท้าเดินออกไปจากที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่วายได้ยินเสียงทุ้มตะโกนไล่หลัง
“อ้อ ผมชอบเวลาที่คุณเรียกชื่อของผมนะ ถ้างั้นผมขอเรียกชื่อคุณได้ไหม...พลอย!” แค่ชื่อของตัวเองที่เขาเรียก กลับทำให้หม่อมหลวงคนสวยถึงกับเสียศูนย์ หล่อนเผลอก้าวสะดุดก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอน
เพื่อระงับสติอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้เผลอไผลไปกับความเจ้าเล่ห์ของผู้ชายที่ชื่อไบรซ์!
หรือบางทีต้องตัดไฟแต่ต้นลม...ไม่เข้าเจอกับชายหนุ่มอีก
ตลอดทั้งช่วงเช้ามีกิจกรรมมากมายให้เล่นสนุกบนเกาะ แต่ดูเหมือนดาราดังจะไม่มีความสุขสักนิด เขาเอาแต่เดินรอบเกาะแล้วเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนหาสิ่งของที่หายไป จวบจนช่วงบ่ายที่หาไม่เจอจึงตัดสินใจเข้าไปทักเจย์เดน ยอมเปิดปากพูดชื่อของสาวเอเชียที่เคยปฏิเสธว่าไม่สนใจ
“นายเห็นพลอยหรือเปล่า” เจ้าของเกาะกำลังมีความสุขในการกิน แต่เมื่อได้ฟังคำถามของเพื่อนสนิทก็หันมามองดวงหน้าคม แล้วค่อยส่ายศีรษะ
“ไม่นะ”
“แล้ว...นายพอรู้ไหมว่าเธออยู่ไหน” ยอมเสียหน้าแล้วถามเผื่ออีกฝ่ายจะมีข้อมูลของสาวเอเชียหน้าหวาน
“พลอยกลับไปเมื่อเช้า เขาบอกว่ามีธุระต้องจัดการเลยให้ไปส่งก่อนกำหนด นายมีอะไรหรือเปล่า” ทั้งที่เธอมาได้วันเดียวและนอนที่นี่เพียงคืนเดียว แต่หญิงสาวกลับออกจากเกาะในวันต่อมาตั้งแต่รุ่งสาง เขารู้ทันทีว่าคงไม่ใช่เพราะมีธุระหรอก
แต่พลอยดาวต้องการหนีหน้าตนมากกว่า!
“นายพอจะรู้ไหมว่าเขาไปธุระที่ไหน”
“ไม่รู้”
“ถามเมนี่ให้หน่อย” เมื่อเพื่อนสนิทไม่รู้อะไรสักอย่าง คนเดียวที่ฝากความหวังไว้ได้น่าจะเป็นเมนิษา เพราะรู้มาว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน
“นายจะรู้ไปทำไม” หรี่ตามองอย่างจับผิดแต่มุมปากกลับยกยิ้มราวกำลังเย้าแหย่ เจย์เดนสนิทกับไบรซ์มานานจนรู้ไส้รู้พุง แต่ที่ถามเพราะอยากให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยปากเอง ซึ่งดาราหนุ่มก็ไม่อยากดึงเชิง รู้ว่าอย่างไรเพื่อนก็รู้ดีอยู่แล้วถึงความต้องการของตน
“ฉันสนใจเขา” จบประโยคนั้นเจ้าของเกาะก็หัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย แล้ววางมือบนไหล่กว้าง ค่อยตบเบา ๆ เหมือนต้องการให้กำลังใจอีกฝ่าย
“หึหึ ได้ เดี๋ยวฉันถามเมนี่ให้เอง” เจย์เดนเดินออกไป พอดีกับที่วิลลี่เดินเข้ามาหลังฟังบทสนทนาทั้งหมด ในมือถือแก้วไวน์เอาไว้จิบ อยู่บนเกาะได้ดื่มแอลกอฮอล์ตลอดเวลาจนเหมือนคนเมาทุกขณะ ใบหน้าแดงก่ำจนคนมองถึงกับส่ายศีรษะ
“แค่วันเดียวสาวก็หนีแล้ว...นายจะทำยังไงดีล่ะไบรซ์”
“หนึ่งเดือน ฉันขอเวลาแค่หนึ่งเดือน...ฉันจะต้องทำสำเร็จแน่” เขามั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเธอจะหนีไปไหนก็ต้องตามจนเจอ
อีกอย่างก็เห็นแววตาหวั่นไหวของพลอยดาว เขามั่นใจว่าหล่อนจะต้องตกหลุมพรางอย่างแน่นอน
“พูลวิลลากับแลมโบกินีรอนายอยู่นะ แต่ถ้าไม่สำเร็จ...ฉันขอเพนต์เฮาส์ของนายที่นิวยอร์กสักห้องแล้วกัน” มือหนากำเข้าหากันทันทีเมื่อคิดถึงห้องที่ต้องเสียหากแพ้พนัน ราคาไม่ถูกสักนิด แต่เมื่อวิลลี่กล้าขอเขาก็กล้าให้อยู่แล้ว
“ดีล”
เพราะเชื่อว่าตนจะชนะพนันครั้งนี้แน่นอน!
หม่อมหลวงพลอยดาวกลับมาที่ไมอามีเพื่อช่วยงานร้านอาหารไทยของคุณอาทวี เธอมีความสุขยามได้อยู่ในครัว เหมือนมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่มีใครมายุ่มย่าม อีกทั้งยังได้รังสรรค์เมนูใหม่ ๆ ให้ลูกค้าได้ชิม
แต่วันนี้คงมาเช้าเกินไปร้านจึงยังไม่เปิด เธอเข้าไปหลังร้านแต่ก็ถูกไล่มาหาอาที่หน้าร้าน
“คุณอาคะ มีอะไรให้พลอยช่วยหรือเปล่า” หญิงสาวถามด้วยภาษาไทยเสียงสดใส แต่ถูกตอบกลับเป็นภาษาสากลที่ใช้กันทั่วโลก
“มีคนอยากให้พลอยช่วยสอนทำอาหารไทย”
“ใครคะ” หล่อนถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะเผยอปากกว้างเมื่อชายผู้นั้นหันหน้ามายิ้มให้ตน พร้อมยกมือขึ้นเหนือศีรษะเล็กน้อย
“ผมเอง”
“ไบรซ์!” เหมือนเห็นผีกลางวันแสก ๆ หล่อนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองสักนิด
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ!