บทที่ 5
“นี่หล่อนชวนฉันไปเลือกชุดไปงานแต่งของ...”
มลุลีกลืนน้ำลาย พูดชื่อของฝ่ายชายไม่ออกไปเสียอย่างนั้น เพื่อนรักของเธอพยักหน้า แล้วยิ้มหวานส่งให้เธอ แม้สายตาจะยังดูไม่สดใสและมีอะไรซ่อนไว้ แต่วรินดาก็ยิ้มแย้มได้ ชวนเธอพูดจาหยอกเล่นได้ ไม่พูดวนเวียนแต่เรื่องตามภพ หรือว่าชวนเธอไปดื่ม เหมือนทุกครั้ง
สองสาวนัดเจอะเจอกันที่ร้านของมลุลี ที่เป็นร้านขายเครื่องประดับในห้างหรูแห่งหนึ่ง ตอนนี้พวกเธอกำลังนั่งคุยกันตรงบริเวณด้านในของร้าน ที่กันไว้เป็นมุมเล็กๆ สำหรับพักผ่อนและทำบัญชี
“ใช่ ฉันจะชวนแกไปงานของพี่ภพ แกว่าฉันจะเลือกสีอะไรดีล่ะยัยลี จริงๆ แล้วงานเค้าก็มีธีมอะนะ แต่ว่าฉันไม่ชอบสีฟ้า ฉันชอบสีแดง แกว่าจะเป็นอะไรไหมถ้าฉันเลือกใส่สีแดงไป แทนสีที่เขากำหนดธีมไว้”
“นึกว่าแกจะอยากใส่สีดำ” หลุดปากพูดไปแล้วก็แทบจะตะครุบปากตัวเองไว้ แต่ดูเหมือนวรินดาจะไม่ได้ยิน หรือได้ยินก็ทำเป็นไม่สนใจ หล่อนยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ก้มหน้าก้มตากับสมาร์ทโฟน ที่กำลังเลือกเปิดดูแบบเสื้อผ้าที่เธอสนใจ แล้วเอามันยื่นส่งให้กับมลุลีช่วยเลือกดู
“ดูชุดนี้สิ สวยนะ มันดูโป๊ไปหน่อยไหมอะ”
“ยัยเชียร์ ถามตรงๆ นะหล่อนทำใจได้แล้วจริงๆ น่ะเหรอ” วรินดายิ้มให้กับเพื่อน แต่ตาของเธอกำลังซ่อนแววบางอย่างอยู่ไว้อย่างมิดเม้น
“ก็...ตามนั้นแหละ ฉันก็จะเป็นน้องสาวที่ดีของพี่ภพอย่างไรล่ะ”
“เฮ้อ...ฉันก็โล่งใจ รู้ไหมว่าฉันเกือบจะชวนหล่อนไปหาหมอจิตเภทนะยัยเชียร์ แล้วนี่เลิกไปดื่มแล้วนะ เลิกขาดแล้วใช่ไหม หมู่นี้ไม่มีโทรศัพท์มาชวนฉันเลย ไม่ใช่แอบไปกับคนอื่นนา” วรินดายักไหล่ แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ก็...ไม่ได้ไป”
เธอไม่ได้โกหก หลังจากคืนนั้นแล้ว...เธอก็ไปอีกสองสามหนซึ่งแต่ล่ะหนนั้น วรินดาจะตื่นขึ้นมาบนเตียงของใครสักคน แล้วเธอก็จะเดินจากฝ่ายชายมา แค่เซ็กส์ แล้วก็ผ่าน ไม่ให้ข้อมูลอะไรที่จะติดต่อถึงเธอได้
อย่างน้อย...เซ็กส์ก็ทำให้เธอรู้สึกดี...ที่ได้เป็นที่ต้องการ
และประสบการณ์ มันกำลังทำให้เธอกล้า...ที่จะทำอะไรบางอย่าง
“ดีแล้วๆ ฉันว่าจะชวนเธอไปบวชด้วยกัน ไปไหมยัยเชียร์ จิตใจจะได้สงบ”
“งานฉันเยอะแยะ จะไปยังไงล่ะ นี่คุณพ่อก็กำลังจะเปิดช้อปที่ห้างใหม่ใกล้ๆ นี่ ฉันจะต้องไปช่วยคุมน่ะ ว่าจะมาคุยกับเธอ อยากได้ไข่มุกของเธอไปที่ช้อปด้วย”
วรินดาทำทีเป็นคุยเรื่องงาน เพื่อดึงให้ไกลจากเรื่องของตนเองไปเสีย มลุลีถึงกับยิ้มแป้น เมื่อเพื่อนรักถามจะซื้องานเครื่องประดับของเธอ ไปลงขายด้วย ที่ครอบครัวของวรินดาเองก็ทำเครื่องประดับจิวเวลรี่เช่นกัน แต่เน้นเพชรเป็นส่วนใหญ่ การได้ไปแจมกับร้านระดับตำนานที่อยู่มานานแบบนั้น มันก็ถือว่าเป็นการเปิดตลาดใหม่ในสังคมระดับสูงขึ้น และเพิ่มมูลค่าให้กับของของเธอด้วย
“ฉันว่าชุดสีแดงก็ไม่น่าเกลียดหรอก” มลุลีพูดเอาใจเพื่อนวรินดาหัวเราะชอบใจ พลางมองเพื่อนด้วยสายตาวับวาวอย่างรู้ทัน
“แหม...ไม่น่าเกลียดนี่เพราะฉันช่วยซื้อมุกของฟาร์มหล่อนหรือเปล่า ยัยลี”
“เปล่าเสียหน่อย...ก็เธอใส่ชุดแดงสวยกว่าชุดสีฟ้าจริงๆ เอาแบบนี้ไหมล่ะ ฉันจะใส่เป็นเพื่อนด้วย เดี๋ยววันนี้อารมณ์ดี ฉันแถมซื้อให้เธอเลยก็ได้นะยัยเชียร์ แต่ว่าห้ามเกินสองหมื่นล่ะ”
วรินดาหัวเราะชอบใจ พร้อมกับบอกเสียงหวาน
“ฉันไม่ซื้อเกินห้าพันหรอกน่า”
แม้ใจจะคิดว่าแปลกนักที่คุณหนูวรินดาจะช้อปแบรนด์ที่ราคาไม่ถึงห้าหลัก แต่ก็ดีเป็นการเบากระเป๋าของเธอ มลุลีเลยไม่ได้ค้านอะไร สองสาวพากันเกี่ยวก้อยไปเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ในห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น เพื่อเลือกเสื้อผ้าไปในงานมงคลของตามภพผู้ที่วรินดารักและเทิดทูน
คืนนั้นเธอเอาชุดมาทาบลอง และยิ้มให้กับหญิงสาวที่สะท้อนมาจากกระจก
“เธอจะต้องทำได้ยัยเชียร์...เธอจะต้องทำได้...”
............
“วันนี้เจ้าสาวของผมสวยมากที่สุดเลย”
ชายหนุ่มเอ่ยกระซิบ พร้อมกับแอบขโมยหอมแก้มเจ้าสาวคนสวยของเขา มุกดาวอยู่ในชุดงานเลี้ยงขอบคุณแขก ที่เธอตัดเย็บด้วยตนเอง เธอสวมมงกุฎดอกไม้ที่เพื่อนของเธอทำให้ มันทำมาจากดอกกุหลาบสีแดงแซมด้วยดอกเดซี่สีขาว ใบหน้าแต่งอ่อนๆ เน้นที่ริมฝีปากทาสีแดงอิฐ มันขับเน้นให้ใบหน้าของเธอสวยใสอ่อนกว่าอายุจริง แก้มของเธอแดงเรื่อด้วยความเหนื่อย และตื่นเต้น เธอสวมชุดตัดมาจากผ้าฝ้ายสีขาวแบบเป็นเสื้อสายผูกยาวประมาณครึ่งน่อง ผ่าข้างขึ้นสูง ประดับด้วยพู่ไหมพรมสีแดงตรงชายกระโปรง เครื่องประดับชิ้นเดียวของเจ้าสาวคือแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้าย เธอสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวเพื่อให้เดินได้สบาย และเพื่อให้เหมาะกับงานเลี้ยงเฉพาะคนสนิท ที่จัดขึ้นที่รีสอร์ทของเธอซึ่งสามวันนี้ไม่รับแขก สถานที่จัดไว้ให้เจ้าของรีสอร์ทได้ฉลองงานมงคลสมรสของตนเอง
เธอยิ้มตาหวานส่งให้เขา ตามภพมองเจ้าสาวของเขาอย่างภาคภูมิใจ บางคนบางเสียงพูดให้เข้าหูว่าหล่อนไม่สวย ไม่เหมาะสมกับเขาเลย ทั้งฐานะและหน้าตา แต่ตามภพกลับเห็นว่า มุกดาวเป็นคนที่สวยมาก เธอมีรอยยิ้มที่จริงใจ เธอเป็นคนที่เอื้อเฟื้อและกล้าหาญ ฉลาด ผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกนอกนั้นหาได้มากมาย แต่ผู้หญิงที่สวยใจแบบนี้ เขาจะหาที่ไหนได้อีกนะ
“ภพก็หล่อมากๆ ค่ะ”
เธอหัวเราะ แล้วโน้มตัวเขาลงมาหอมแก้มเบาๆ เธอมองสามีของเธอด้วยสายตาที่รักใคร่ภาคภูมิ ชุดของเขาเป็นแบบเรียบๆ เหมือนเธอ คือเสื้อเชิ้ต กับกางเกงห้าส่วนที่เธอตัดให้เขาเองเป็นผ้าฝ้ายสีเดียวกับเธอ กางเกงของเขามีความพิเศษตรงชายนั้นมีผ้าลายปักประดับอยู่ เธอทำด้วยตนเองอย่างตั้งใจ และดีใจที่เขาเลือกชุดที่เธอออกแบบตัดเย็บนี่ในงานเลี้ยง
เธอถูกเพื่อนสนิทจูงไปที่โต๊ะเพื่อพูดคุยและสังสรรค์กัน ชายหนุ่มยืนมองเจ้าสาวของเขาอย่างรักใคร่และเอ็นดูเต็มเปี่ยม จริงอยู่มารดาและบิดาของเขาบอกให้จัดงานเลี้ยงที่โรงแรมใหญ่ในกรุงเทพฯ เพื่อให้สมหน้าตาฐานะ แต่ตามภพเลือกที่จะทำตามสิ่งที่มุกดาวอยากให้เกิด ในงานแต่งงานของเขาและเธอ คือรายล้อมไปด้วยคนที่รักเขาและเธอก็เพียงพอ ไม่มีแขกกิตติมาศักดิ์ ไม่มีงานให้มากพิธี เฉพาะงานพิธีนั้นก็สิ้นเปลืองและใหญ่โตพอสมหน้าตาฐานะของเขาและเธอแล้ว
งานของเขาและเธอจัดขึ้นสองวัน วันแรกสำหรับงานอย่างเป็นพิธีการ ให้สมหน้าตาฐานะ ส่วนงานวันนี้เป็นงานส่วนตัวเพื่อคนพิเศษที่รักพวกเขา
แขกผู้ใหญ่ในวันนี้จึงมีไม่มากนัก มีแต่แขกรุ่นๆ และเพื่อนสนิทจริงๆ แขกไม่ถึงห้าสิบคนด้วยซ้ำ งานเต็มไปด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง ทุกคนแต่งตัวในธีมที่เจ้าสาวกำหนดอย่างพร้อมเพรียงคือสีฟ้าและขาว มุกดาวจัดรีสอร์ทของเธอไว้อย่างสวยงามให้เพื่อนๆ และญาติๆ ได้สนุกสนานกับการถ่ายภาพ สังสรรค์ และฉลองกันไปกับงานของที่แสนจะมีความสุขของพวกเธอ
รถสปอร์ตคันหรูสีแดงสดแล่นเข้ามาจอดในบริเวณรีสอร์ท พนักงานโบกให้รถจอดและขอดูการ์ดเชิญ เพราะตอนนี้รีสอร์ทปิดเป็นการเฉพาะ มีป้ายบอกลูกค้าและขึ้นบอกกล่าวไว้ที่เพจของรีสอร์ทเรียบร้อย แต่ก็ยังมีแขกขาจรบางคนไม่ทราบและหลงมา ทำให้ต้องจัดพนักงานไว้โดยเฉพาะเพื่อบอกกล่าวกับแขก