บทที่ 4
เมื่อตามภพมาถึงบ้านของวรินดา ที่ปลูกอยู่แยกต่างหากจากบ้านใหญ่ของบิดามารดา เพียงแค่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน เด็กรับใช้พาเขามาที่บ้านของเธอ และบอกกับเขาด้วยหน้าตาตื่นๆ ว่าคุณหนูไม่ยอมออกจากห้องเลย ได้ยินแต่เสียงร้องไห้ และบอกให้ว่าให้คอยดูคุณตามภพ ว่ามาหรือยัง ถ้ามาแล้วก็ให้เร่งพาเข้ามาหาเธอเลย
ตามภพเคาะประตู เสียงร้องไห้แว่วดังทำให้เขาเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต เด็กรับใช้รีบเดินเลี่ยงจากไปทันทีเมื่อเขาเปิดประตูห้อง หล่อนปิดประตูให้เขาด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ทันได้สังเกตุ
เพราะมัวตกใจกับภาพตรงหน้า วรินดากำลังนอนซมอยู่บนเตียงห่อตัวไว้ด้วยผ้าห่ม ข้างเตียงมีขวดยา และเม็ดยาหล่นเกลื่อน ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ไปทรุดนั่งข้างๆ เธอ วรินดาโผผวาเข้ากอดเขาทันที ตามภพรับเธอไว้ในอ้อมแขน แล้วลูบหลังไหล่ปลอบโยนเธอ
“เชียร์ นี่เชียร์เป็นอะไรไป ตอนโทรไปก็มัวแต่ร้องไห้ พี่...ใจคอไม่ดีเลย แล้วนี่ยาอะไร เชียร์ทำอะไร” เขาถามเธอรัวเร็ว วรินดามองเขาแล้วน้ำตาคลอ มันหยาดไหลและหยดแหมะลงมา ตามภพเช็ดน้ำตาให้เธอ เธอยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา ความตกใจกับสภาพหน้าตาอันนองน้ำตาของเธอ มันทำให้เขาไม่รู้สึกว่าภายใต้ผ้าห่มนั้น วรินดาไม่ได้สวมเสื้อผ้าใดๆ เลย
“เชียร์...พี่ภพ เชียร์” เธอกัดริมฝีปาก การมาของเขามันทำให้เธอรู้ว่าเขาแคร์เธอ เธอซบหน้ากับอกเขา แล้วเอ่ยกระซิบเสียงหวานพร่า
“เชียร์เสียใจ...เชียร์ทนไม่ไหวจริงๆ ตอนแรกเชียร์คิดว่าเชียร์ทนได้...แต่ว่า...”
เธอสะอื้น ตามภพถอนหายใจเฮือก เขาประคองใบหน้าของเธอให้มองสบตาเขา วรินดาจงใจปล่อยผ้าห่มให้ตกลงต่ำ มันหล่นลงมาเกาะอย่างหมิ่นเหม่กับบริเวณทรวงอกของเธอ
“เชียร์เป็นอะไร มีอะไรบอกพี่”
“เชียร์...บอกได้ใช่ไหมคะ”
เธอขยับตัว ทำให้ผ้าห่มตอนนี้ร่วงลงแทบจะเปิดทรวงของเธอออกมาทั้งเต้า ตามภพกะพริบตา เขามองต่ำลงมาโดยบังเอิญ ชายหนุ่กระแอม แล้วดึงผ้าห่มของเธอขึ้นให้ถึงไหล่ พร้อมกับเอ่ยเสียงขรึมๆ
“พี่ออกไปก่อนจะดีไหมเชียร์ พี่ขอโทษที ไม่ทันมองว่าเชียร์เอ่อ...ไม่เรียบร้อย มัวแต่เป็นห่วง”
“อย่าไปนะคะ” เธอโผเข้ากอดเขาอีกรอบ แล้วเอ่ยเสียงดัง ฟังชัด
“เชียร์รักพี่ภพค่ะ รักมาก พี่ภพอย่าแต่งงานเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นเชียร์ตายแน่ๆ”
“อะไรนะเชียร!” ตามภพจับบ่าของเธอแล้วดันตัวเธอออก เขามีสีหน้าซีดเผือด วรินดาน้ำตาไหลพราก มองเขาอย่างขอความเห็นใจ
“เชียร์รักพี่ภพ รัก รัก รัก พี่ภพอย่าแต่งงานกับคุณมุกดาวเลย เชียร์ เชียร์อยู่ไม่ได้”
ตามภพถึงกับนิ่ง เพราะความตกใจจนแทบช็อก วรินดาเห็นอาการนิ่งของเขาเป็นเหมือนกับว่าเขากำลังคิด...อย่างเดียวกับเธอ เธอกอดเขา แต่ตามภพกลับลุกขึ้นยืน แล้วสั่นหน้า พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ
“เชียร์...พี่...พี่ขอโทษจริงๆ พี่รักเชียร์แบบน้องสาว พี่รักเชียร์ได้แค่นั้น”
“พี่ภพ...”
“ถ้าเชียร์คิดกับพี่แบบนั้น เชียร์ตัดใจจากพี่...หรือคิดเป็นแบบอื่นกับพี่ไม่ได้ พี่ก็คง...คงจะมาเจอหน้าเชียร์อีกไม่ได้ พี่ขอโทษจริงๆ พี่ขอโทษนะครับ”
“พี่ภพ พี่ภพ!”
เธอได้แต่กรีดร้องตามหลังเขา ตามภพเดินก้าวเร็วๆ ออกมาจากห้องเธอ ไม่สนใจว่าเธอจะร้องกรี๊ดดังขนาดไหน และจะตะโกนอะไรบ้าง
วรินดาร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ หลังจากที่ได้ยินเสียงรถของเขาเคลื่อนออกไปจากบ้านเธอ และเมื่อเธอพยายามติดต่อเขาแต่ติดต่อไม่ได้สักช่องทาง
..............
คืนนี้เธอเลือกที่จะไม่ชวนมลุลีออกมาด้วย เพราะเธอเบื่อที่จะฟังเพื่อนรักเทศนาเธอ เกี่ยวกับเรื่องของตามภพ บอกให้เธอเลิกง้อ...เลิกสนใจเขา...แถมยังอบรมศีลธรรมเธออีกยาวเหยียด ถ้ามันเลิกได้ง่ายๆ แบบนั้นคงจะดี
เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า ถูกรินเติมไม่ให้พร่อง เธอเป็นนักดื่มในระดับหนึ่ง แต่เมื่อซัดไปมากมายแบบนั้น ในที่สุดเธอก็ซบลงกับโต๊ะ หัวเราะหึ หึ ใจวนเวียนคิดแต่สีหน้าของตามภพ ที่เขามองเธออย่างตื่นตะลึงเมื่อเธอสารภาพรักกับเขา ขอร้องให้เขาอย่าแต่งงาน
สายตาของเขามองเธอเหมือนมองตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ เขาดูขยะแขยงเสียด้วยซ้ำ
นี่เธอน่าเกลียดมากหรือ?
คิดแล้วก็ดื่มเข้าไปอีกแก้ว เธอคลึงแก้วเคล้าในมือเล่น เงยหงายพิงกับเบาะนุ่มหนาของเก้าอี้นวมตัวนุ่มของคลับ พลางหัวเราะราวกับจะประชดตัวเอง
“ขอโทษนะครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างตัวเธอ วรินดาพยายามหรี่ตามองว่าเป็นใคร แต่เพราะความมึนเมา ทำให้เธอมองเขาพร่าเบลอไปหมด
“คะ?” เธอเอียงคอ พยายามเพ่งมองชายหนุ่ม เขาหัวเราะ แล้วถือแก้วในมือชูให้เธอ
“ดื่มด้วยกันสักแก้วไหมครับ ผมมองคุณอยู่นานแล้ว ไม่มีเพื่อนมาด้วยหรือครับ?”
“ไม่มีค่ะ” วรินดาตอบ แล้วยกแก้วของตัวเองชนแก้วกับเขา พลางยกดื่มเกือบหมดแก้ว เธอหัวเราะเหมือนจะประชด
“ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเลย ไม่มีสักคน”
“แต่คืนนี้คุณมีผมนะครับ คนสวย” ประโยคนั้นเหมือนจะทำให้วรินดาอารมณ์ดีขึ้น เธอหัวเราะ เธอเริ่มชนแก้วกับเขา อีกแก้ว และอีกแก้ว
รู้ตัวอีกทีเธอก็ซวนซบอยู่ในอ้อมอกอันอุ่นร้อน ใบหน้าของเขาซุกไซ้มาตามลำคอของเธอ เสื้อของเธอถูกเขาปลดเปลื้อง วรินดาสะดุ้งเมื่อหลังแตะที่นอน เธอพยายามมองเพ่งใบหน้าของคนที่กำลังกกกอดเธอให้ชัด
แล้วจะทำไม?
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว
เป็นใครก็ช่าง...
อีกเสียงดังสนับสนุน
“อา...สวยเหลือเกินทูนหัว ของดีแท้ๆ”
เสียงนั้นพึมพำกระเส่า เมื่อกอบกุมทรวงสาวเต่งตึงแล้วดูดดื่มมัน วรินดาครางออกมาเมื่อความรู้สึกบางอย่างกำลังเร่าร้อนไหลรวมไปอยู่ตรงกลางตัวของเธอ มันเต้นตุบ ฉ่ำชื้น ใบหน้าของเขายังคงคลุกเคล้ากับความอวบนุ่มหอมกรุ่น แม้จะมีกลิ่นของแอลกอฮอล์ชั้นดีบ้าง แต่เธอก็ไม่น่ารังเกียจเพราะมันปนกับกลิ่นน้ำหอมอันทรงเสน่ห์ยี่ห้อดัง จนกลายเป็นกลิ่นที่ปลุกเร้าอารมณ์เพศเสียด้วยซ้ำ
ใบหน้าของเขาซุกไซ้ลงไปต่ำ ผิวของเธอขาวละเอียดหอมกรุ่น เขาถอดดึงอาภรณ์ส่วนล่างออกจนเปิดเปลือย อุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นความงดงามปิดแนบแน่น หรือว่าคืนนี้เขาอาจจะเจอโชคดีที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้ สาวที่หิ้วออกมาจากคลับหรู...ทว่ากลับเป็นผู้หญิงสาวบริสุทธิ์
“อ๊า...อย่า
วรินดาอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ขาของเธอก็ถูกแยกออก เขาซุกหน้าลงกับส่วนนั้น แลบลิ้นเลียกลีบสาวปิดแน่น ความเสียวซ่านพุ่งปราดสู่สมอง มือของเธอจิกเรือนผมดกหนานั้น ร้องครางออกมาเสียงรัญจวน เมื่อถูกจู่โจมกับส่วนสาว...ที่เธอไม่เคยมอบกายให้ใครมาก่อน เพราะหวังจะมอบให้ชายที่รัก ทว่าเขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอเลย
น้ำตาของเธอถึงกับไหลออกมา เมื่อร่างงามเกร็งกระตุก จากการที่ไต่บันไดไปจนถึงสวรรค์ชั้นฟ้า เขากระซิบพร่าข้างหูเธอ พึมพำชื่นชมเธอ แล้วก็เริ่มรุกรุนสอดแทรกเธอ มันเป็นไปได้อย่างลำบาก เพราะเธอยังไม่เคยมาก่อน
หากมันก็ชำแรกเข้าไปจนได้ในที่สุด
วรินดาทุบอกเขาเบาๆ เขากระซิบกระเส่าปลอบข้างหู อย่างน้อยเขาก็เป็นคู่นอนที่เห็นใจผู้หญิง ไม่ได้เอาแต่ใจตนเองนัก และยิ่งรู้ว่าเขาได้เธอเป็นคนแรก ครั้งแรก จึงถนอมและอ่อนโยนไม่ได้ตัดตวงเอาแต่ฝ่ายเดียว เขาค่อยขยับร่างกายเบาๆ ช้าๆ ปลอบโยนเธอด้วยจุมพิต วรินดาหายเกร็งแล้ว จังหวะของเขาและเธอจึงหลอมเป็นจังหวะเดียวกัน
พุ่งทะยานสู่สรวงบนดิน
แล้วค่อยล่องลอยลงมา แตะพื้นโลกอย่างเหนื่อยอ่อน
วรินดาปรือตาหลับใหลลง น้ำตาของเธอยังคงซึมอาบ...บอกไม่ถูกว่าเสียดายตัวเอง หรือรู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่ยังต้องการเธอ และชื่นชมเธอ
............