บทที่ 6
“นี่ค่ะ”
มือเรียวยื่นส่งการ์ดสีฟ้าให้กับพนักงาน เขามองหน้าเธอและเพื่อนรัก แล้วเปิดประตูให้พลางโค้งทำความเคารพอย่างนอบน้อม ก่อนจะชี้มือบอกทางที่จัดงานไว้ให้กับสองสาว ที่โดนแอบมองจากบรรดาพนักงาน เนื่องจากชุดของพวกเธอนั้นผิดธีมอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าโดดเด่นกว่าแขกคนอื่นอย่างจงใจ
“เอ่อ...มากันไกลเหมือนกันนะ ยัยเชียร์”
มลุลีหันไปมองรอบๆ เธอค่อนข้างจะเก้อเขินเล็กน้อย เพราะรู้ตัวอยู่ว่าเป็นเป้าสายตา ก็เพราะแต่งตัวสีไม่เหมือนคนอื่นนี่แหละ เธอยอมเป็นเป้าสายตาเพราะวรินดางานนี้ เธอแอบเหลือบมองวรินดา หญิงสาวยังคงมีสีหน้ารื่นเริงเป็นปรกติ แถมดูจะเกินกว่าปรกตินิดๆ เสียด้วยซ้ำ
“อืม...ก็งานนี้รับเฉพาะคนพิเศษจริงๆ ของพี่ภพไงล่ะ ฉันเป็นน้องสาวคนพิเศษ ก็เลยต้องมางานนี้ เราไปไม่ทันงานเมื่อวานก็เลยต้องมาวันนี้อย่างไรล่ะ อยู่ไหนนะเจ้าบ่าวเจ้าสาว ฉันเจอล่ะยัยลี นั่นอย่างไรล่ะพี่ภพ”
วรินดาเดินแกมวิ่ง ตรงไปหาเป้าหมายของเธอ มลุลีที่เดินตามหลังเพื่อน หยุดเดินโดยอัตโนมัติ พร้อมกับมองเจ้าบ่าวและเพื่อนของเธอด้วยสายตาที่ลุ้นระทึก
มือของเธอกำเข้าหากันด้วยความเกร็ง แล้วเริ่มท่องบทสวดมนต์ไปด้วยอย่างลืมตัว...
“พี่ภพคะ ยินดีด้วยนะคะ รีสอร์ทหายากจริงๆ เชียร์เกือบหลงแนะ ตอนแรกว่าจะโทรมาถามพี่ภพแล้ว แต่ว่า...”
เธอยิ้มกว้างให้กับตามภพ ที่กำลังมองเธออยู่ด้วยความตื่นตะลึง เขาคงไม่คิดสินะว่าเธอจะมา ตามภพกลืนน้ำลาย เขายุติการติดต่อกับเธอตั้งแต่วันนั้น เขาบล็อกไลน์และสื่อทางโซเชียลกับเธอ คิดว่าจะให้เวลาทั้งตนเองและวรินดาเพื่อ...ทำความเข้าใจกับตัวเองให้มากที่สุด
คำสารภาพวันนั้นของวรินดา ฉีกทึ้งความรู้สึกดีๆ ของเขาไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อเธอพร่ำขอให้เขายกเลิกงานแต่งงานกับมุกดาว
“น้องเชียร์...”
“คะ” เธอกะพริบตาปริบๆ สีหน้ารื่นเริง และสดใส จนตามภพถึงกับตาพร่าไปความงดงามของน้องสาวนอกเลือดของเขา
“เอ่อ...นี่...”
“เอ...พี่ภพไม่ได้อ่านไลน์ของเชียร์หรือคะ”
เธอถามทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาบล็อกไลน์เธอ...ก็เธอไม่ใช่คนโง่ วรินดาแสร้งถอนใจ แล้วเดินเข้าไปใกล้เขา คล้องแขนกับแขนของเขา ตามภพฝืนตัวเล็กน้อยกับอาการสนิทสนมนั้น มันเหมือนมีดเข้ากรีดบาดหัวใจถึงใจหนึ่งเขาจะรับไม่ได้ ที่เธอรู้สึกกับเขาแบบนั้น แต่อีกใจเขาก็นึกสงสารเธอนัก เธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งของเขาที่เขาผูกพันรักและห่วงใยมาหลายปีจนตัดเธอไม่ขาด
“พี่...”
“เชียร์เข้าใจค่ะ พี่ภพขา เชียร์ขอโทษจริงๆ วันนั้น...เชียร์สารภาพไป มันคือความรู้สึกจริงๆ ของเชียร์กับผู้ชายที่เชียร์...เคยรัก” เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพยายามฝืนยิ้มให้เขา น้ำตาของเธอคลอตา จนตามภพอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้
ทันทีที่เขาแตะต้องผิวของเธอ น้ำตาของวรินดาก็ยิ่งไหลอาบ เขาดึงเธอเข้ามากอด แล้วถอนใจเฮือก...เขาอดไม่ได้หรอก เมื่อน้องรักมาร้องไห้ต่อหน้าแบบนี้
“น้องเชียร์...พี่...พี่...”
“เชียร์เข้าใจค่ะ พี่ภพ หัวใจไม่มีใครบังคับใครได้ เชียร์มาวันนี้ เชียร์มายินดีกับพี่กับเจ้าสาวด้วยจริงๆ นะคะ ไม่ได้มีเหตุผลอื่น ขอให้พี่ภพอภัยให้เชียร์ด้วย พี่ภพคะเชียร์ยังเป็นน้องสาวของพี่ภพได้เนาะ”
“ได้สิ ได้สิเชียร์”
เขาลูบผมให้เธอ วรินดาผละจากอกเขา ยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา แล้วจับจูงมือเขา พาเขาเดินตรงไปหาเจ้าสาว...ที่ตามภพคิดว่าเหมาะสมกับเขาแล้ว
“ขอเชียร์ไปยินดีกับพี่สาวคนใหม่ด้วยนะคะ พี่ภพ เชียร์จะรักเค้าเหมือนที่เชียร์รักพี่ภพนะคะพี่ชาย”
“จ้ะ”
ตามภพยิ้มออกมาได้ในที่สุด หัวใจที่หนักหน่วงของเขาเบาหวิวขึ้นมาเลยทันที เมื่อได้ยินคำนั้นจากวรินดา มลุลีถึงกับยกมือทาบอกเมื่อเห็นทั้งสามคนกำลังโอบกอด ยิ้มแย้ม และแสดงความยินดีต่อกัน
“พุทโธ นะโม เฮ้อ...ฉันโล่งใจจริงๆ ที่เห็นว่ายัยเชียร์คิดได้”
“ยัยลี มัวแต่ทำอะไรอยู่ มานี่สิ มาถ่ายรูปให้ฉันหน่อย” เสียงเพื่อนรักตะโกนเรียก พร้อมกับโบกไม้โบกมือให้เธอ ทำให้มลุลีรีบเดินแกมวิ่งไปหาวรินดาทันที
........................................................................................................................................................................
“เอ่อ...คุณลูกค้าครับ...เราจะปิดแล้วนะครับ”
เสียงจากบริกร ทำให้ชายผู้ที่กำลังนั่งจิบเหล้าอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์ตามลำพัง เงยหน้าขึ้นมองเขาพลางพยักหน้านิดหนึ่ง เขาวางเงินและทิปไว้ตรงนั้น ก่อนจะเดินกรายออกมาจากสถานบันเทิงแห่งนั้น ตาคมกริบไม่วายกวาดมองไปรอบๆ อีกครั้ง...
คืนนี้ไร้เงาของ...เธอ...
รัฐฐะถอนใจ เขาเปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง เปิดเพลงโปรดฟัง...เขาหวังว่าเขาจะได้เจอเธออีกครั้งสินะ หลังจากคืนนั้นแล้ว...
ถ้าเขาพบเจอเธอในสถานการณ์แบบเดิมอีกหน
ผู้หญิงที่เขา...แอบมองมาเนิ่นนาน...เธอเปรียบเสมือนถ้วยรางวัลสำหรับเขาเลยก็ว่าได้
ทว่า...เขาได้เพียงแค่ลูบคลำและใช้เวลาแค่คืนเดียวกับถ้วยรางวัลนั้น
เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นเพียงแค่นั้น
เขาอยากได้อะไรแล้ว...
เขาก็ต้องได้...
วรินดา...