๓ โรงเก็บหญ้ากับคนเมา (๑)
๓
โรงเก็บหญ้ากับคนเมา
พณณกรจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ริมถนนแล้วเดินมายังลานกลางสนามหญ้าด้วยใบหน้านิ่งขรึมและดวงตาวาวโรจน์ราวมีเปลวเพลิงอยู่ในนั้น
ผู้หญิงที่ยังสาวและไร้คู่ต่างเมียงมองมาที่หนุ่มสัตวแพทย์อย่างเอียงอาย ไม่กล้าเข้าไปทักกลัวเจอฤทธิ์พ่อเจ้าประคุณเข้าให้
“อ้าวนาย ทำไมคราวนี้มาเร็วครับผม” ลูกน้องคนสนิทอย่าง‘โอ้’ เอ่ยถามด้วยแววตากรุ่มกริ่มในขณะที่เพื่อนสนิทอีกคนก็เสริมทัพทันที
“ปกติถ้าตะวันไม่ตกดินมีเหรอที่นายจะปรากฏตัว หรือว่า..มาหาใครครับ” กล่าวพลางมองไปโดยรอบหวังให้คนเป็นเจ้านายโดยตรงออกอาการเขินบ้างแต่ดูเหมือนว่า ‘อาร์ต’ จะต้องผิดหวังเพราะนอกจากจะไม่อายแล้วกลับมีความคุกรุ่นอยู่ในแววตานั้นแทน
“มาเอาตีนประเคนหน้าพวกมึงนี่ไง”
สองหนุ่มดูโอ้หลบแทบไม่ทันเมื่อเท้าของนายพุ่งเข้าหาพร้อมใบหน้าบูดบึ้งมองปราดเดียวก็รู้ว่าอารมณ์เสีย
ร่างสูงหายใจฮึดฮัดมองทุกสิ่งขวางหูขวางตาไปเสียหมด ไม่รู้ทำไมถึงได้ติดใจกับผู้หญิงคนนั้นนักหนาทั้งที่จริงหากเขาต้องการใครสักคนก็แค่ชายตามองคนเหล่านั้นก็แทบจะวิ่งเข้ามาหาโดยไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำ แล้วทำไมบุลลาถึงเอาแต่วิ่งหนี
หึ..ถ้ารู้ตัวจริงว่าเขาก็มีเงินไม่ต่างจากชลธีคงวิ่งเข้าใส่ไม่คิดชีวิต แต่ฝันไปเถอะว่าคนอย่างไอ้เอิร์ธจะเอาเธอมาเป็นแม่ของลูก ไม่มีทาง ไม่มีวัน!
บุลลาเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุขเพราะได้ไปเดินเที่ยวกับชายที่หมายปองเอาไว้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่ารักของชลธีไม่ว่าจะเป็นการพูดจา การให้เกียรติผู้หญิงอีกทั้งยังมีน้ำใจซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ให้อีกด้วย
..แสนดีขนาดนี้จะไม่ให้หลงอย่างไรไหวเล่า
ช่างเทียบกันไม่ได้กับผู้ชายอีกคนที่ทั้งเถื่อน ถ่อย ห่าม คิดถึงก็พาลทำเอาอารมณ์เสียทุกที
บ้านเดี่ยวชั้นเดียวเงียบสงัดแม้จะเป็นเวลาบ่ายสี่จนคนมาใหม่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่ามารดาและหลานสาวหายไปไหน กระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นโน๊ตวางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นกลางบ้านจึงเดินไปหยิบมาอ่านก็ได้ความว่า ทั้งสองคนไปที่งานเลี้ยงเพื่อช่วยทำอาหารสำหรับคนงานกว่าเจ็ดสิบชีวิต
หล่อนวางกระดาษลงที่เดิม ฮัมเพลงอย่างมีความสุข เข้าห้องนอนของตนแล้วนำชุดที่ซื้อมาใหม่คลี่ออกดู จนอดคิดถึงคนที่ซื้อให้ไม่ได้
ระหว่างที่เดินเลือกซื้อของขวัญจับสลากให้คนงาน บุลลาเหลือบเห็นชุดเดรสเปิดไหล่สีขาวยาวเพียงเข่าลายลูกไม้จึงยืนมองจนคนที่มาด้วยเอ่ยทัก
“คุณบัวชอบหรือครับ”
“ค่ะ สวยดี”
ละสายตาจากชุดที่สนใจอย่างเสียดาย เห็นราคาที่แขวนไว้บนชุดก็ไม่อาจสู้ ราคาเป็นพันขนาดนั้นถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเดินไปหยิบแล้วยื่นบัตรโดยไม่ระคายขนหน้าแข้งสักนิด ทว่าตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นเพราะฐานะทางการเงินที่นอกจากจะไร้เงินเก็บแล้วยังมีหนี้อีกด้วย
“ซื้อสิครับ” เขาบอกเสียงทุ้มทั้งใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนใจดี
“ไม่เอาหรอกค่ะ มันแพง”
ส่ายศีรษะไปมาจนชลธีอมยิ้มรู้สึกว่าคนตัวเล็กเหมือนตุ๊กตาสปริงประดับหน้ารถ
“มาครับ เดี๋ยวผมพาเข้าไปดู” ร่างสูงจับมือเล็กแล้วพาเข้ามายังร้านชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้าในตัวจังหวัด
ใช่แล้ว..เขาพาเธอขับรถมาถึงตัวจังหวัดทั้งที่ห่างจากอำเภอที่อยู่เกือบห้าสิบกิโลเมตรราวต้องการยืดระยะเวลาให้ใกล้กันมากขึ้น
“คุณธีคะไม่เอาค่ะ” ขืนตัวพองามทั้งที่หัวใจพองโตแอบมองมือหนาที่จับมือของหล่อนไว้แล้วยิ้มมุมปาก
“ผมซื้อชุดนี้ครับ” เขาปล่อยมือออกจากเธอแล้วชี้ชุดที่ต้องการให้พนักงานภายในร้านรู้
บุลลาตาโตมองใบหน้าคมที่หันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ผมซื้อให้ครับถือว่าเป็นการต้อนรับสู่ไร่รุ่งอรุณ”
แค่รอยยิ้มครั้งเดียวกระแทกเข้าไปในใจจนแทบล้มทั้งยืน แค่เธอชายตามองเขายังซื้อให้ขนาดนี้ถ้าอ้อนสักหน่อยคงซื้อห้างให้เป็นแน่ แค่คิดหัวใจก็พองโตกลัวว่าจะลอยออกนอกโลกแล้ว
พ่อบุญทุ่มแบบนี้สิที่หล่อนชอบ..
“เกรงใจค่ะ มันแพงนะคะคุณธี แล้วบัวก็แค่คนงานเท่านั้น..” แสร้งหลุบตามองพื้นอย่างเจียมตัวทั้งที่ความคิดช่างแตกต่างจากสิ่งที่แสดงออก รู้อย่างนี้คงมองตัวที่แพงกว่านี้
“แค่นี้เอง คุณบัวไม่ต้องเกรงใจ ผมบอกแล้วไงว่าเป็นการต้อนรับพนักงานใหม่”
..แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ชลธีจะซื้อให้..
บุลลาคิดแล้วก็อมยิ้มอย่างมีความสุขที่ตนเองเหนือกว่าคนอื่น เข้าอีหรอบนี้เจ้าของไร่หนุ่มหล่อคงหลงรักเธอแล้ว
เฮ้อ เกิดเป็นคนสวยก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย มีแต่คนมารุมรัก
“บัวขอบคุณนะคะ” พนมมือไหว้ลงที่หน้าอกหนาก่อนจะยิ้มหวานการค้าให้ หวังอ่อยเขาเต็มที่
แต่ชลธีก็ทำเพียงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกคราจนใจหล่อนเริ่มแกว่ง
..ปกติหากใกล้ชิดขนาดนี้ต้องดึงเข้าไปกอดไม่ใช่หรือ
ไม่เป็นไรหรอก คนเยอะคุณธีอาจจะอาย เดี๋ยวรอคืนนี้ก่อน..จะได้รู้กันว่าหนุ่มเจ้าของไร่จะร้อนแรงแค่ไหนหากอยู่ในที่ลับตาคน
ร่างบางถอนหายใจแล้วนั่งลงบนเตียง คิดหนักหากเกิดว่าชลธีจะทำอะไรเธอขึ้นมาจริง ถึงแม้ว่าจะมีแฟนแต่ก็มุ่งทำงานจนไม่เคยได้ทำกิจกรรมที่คนรักพึงจะกระทำทั้งการไปเที่ยว กินข้าวหรือแม้แต่เซ็กซ์ แน่นอนว่าไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้ล่วงล้ำเข้ามาภายในกายสาวเลยสักครั้ง
..เธอยังเวอร์จิ้น
“มันจะเจ็บไหม” พึมพำแล้วนึกกลัวเพราะจำได้ว่าเพื่อนที่ทำงานเป็น พริตตี้เล่าให้ฟังครั้งแรกจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้น
บุลลาจำได้ฝังใจนึกกลัวจนไม่กล้าให้ใครล่วงเกินมากกว่ากอดจูบ ภายนอกอาจจะดูเป็นคนกล้าแสดงออกนั่นก็เพราะงานที่ทำจึงต้องสลัดความอายทิ้ง
สังคมที่อยู่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงและนินทาลับหลังแทบหามิตรแท้ไม่เจอ เพราะฉะนั้นหล่อนจึงเลือกจะคบเพียงผิวเผิน ส่วนมากก็อยู่คนเดียว บางครั้งก็ไปหาแฟนหนุ่มที่ไม่ค่อยได้เจอกันหรือหากนัดพบก็ชอบยืมเงินอยู่เรื่อย ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมีเงินใช้มือเติบจึงให้ยืมโดยไม่เคยทวงสักครั้ง
วาดฝันอนาคตร่วมกันจนฝ่ายชายพาไปกู้เงินหวังสร้างร้านอาหาร..แล้วมันก็เชิดเงินหนีไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น!
หล่อนกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อคิดถึงเรื่องที่สร้างรอยแผลใหญ่จนต้องซมซานกลับบ้านเหมือนนกปีกหัก มันคือบทเรียนราคาแพงที่คอยย้ำเตือนไม่ให้พลาดอีกครั้ง ผู้ชายรวยเท่านั้นที่คู่ควร จะไม่ชายตามองพวกที่ดีแต่หล่อทว่ากรอบราวใบไม้แห้งเด็ดขาด!
“พี่มะลิ พี่มะลิอยู่ไหม!”
เสียงเรียกหน้าบ้านทำให้ร่างบางจำต้องออกจากห้องนอนเดินออกไปเปิดรั้วเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กยืนส่งยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอ
“มะลิไปงานเลี้ยงแล้ว” เธอจำเด็กชายคนนี้ได้ว่าเป็นลูกของป้านง คนงานในไร่ที่อยู่เพียงประถมศึกษาปีที่สี่
“ว้า อุตส่าห์จะไปด้วย ไปกับแม่ก็ได้” เกาศีรษะแล้วถอนหายใจแสนเสียดายที่พี่สาวคนสนิทไปที่งานก่อนตนโดยไม่ชวนสักคำ
แต่เมื่อเด็กน้อยจะเดินจากไป มือบางก็คว้าไหล่เอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิโป้ง พี่มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย” หล่อนย่อตัวลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับโป้งหรือเด็กชายปวีร์ ถิ่นฐานไกล แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
ทำเอาคนมองเริ่มรับรู้ถึงลางบางอย่าง ขืนตัวออกก็ไม่อาจพ้นเพราะแรงจับที่มากกว่าจะต้านได้
บุลลามองไปโดยรอบเพื่อสังเกตคนที่เดินผ่านก่อนจะกระซิบแผ่วเบาข้างหูของคนตัวเล็กกว่า ทั้งยังปกปิดชื่อของฝ่ายชายกลัวมีคนได้ยินแล้วพูดกันอย่างสนุกปาก ใช้คำย่อก็พอจะรู้แหละ
“เย็นนี้ช่วยไปบอกนายหน่อยได้ไหมว่าให้ไปหาพี่ที่โรงเก็บหญ้าตอนสามทุ่ม” ความกลัวถูกสลัดออกไปพยายามคิดถึงแบงค์สีเทาเป็นปึกและกลิ่นเงินที่ลอยวนเวียนจนทิ้งความอายไว้ด้านหลังเดินหน้าลุยให้ได้มาซึ่งผู้ชายที่เป็นดั่งบ่อเงินบ่อทอง
ปวีร์เอียงหน้าพลางคิดถึงนายที่พี่สาวคนสวยบอก นายที่เขารู้จักอย่างดีก็คือหมอเอิร์ธเพราะชอบไปคลุกคลีอยู่กับม้าเป็นประจำจนได้ตำแหน่งผู้ช่วยอาบน้ำม้า
..แต่ว่าจะใช่นายคนนี้หรือเปล่านะ
คิดแล้วก็เกาศีรษะสับสนกับตนเอง
“นายที่หล่อๆ เหรอ” บุลลายิ้มกว้างพยักหน้าขึ้นลง
“ใช่ ที่หล่อนั่นแหละ แต่ว่าโป้งห้ามบอกใครนะ เรื่องนี้ถือเป็นความลับของเราสองคน ถ้าโป้งพานายมาแล้วก็รีบล็อกประตูข้างนอกเข้าใจไหม”
เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น
..ถ้าล็อกจากข้างนอกก็ออกมาไม่ได้สิ
“นี่เป็นรางวัลก่อนเริ่มงาน ถ้าทำสำเร็จพี่จะให้อีกใบ” แบงค์สีแดงถูกยื่นมาตรงหน้า
ทำเอาพ่อหนุ่มตัวน้อยตาวาวรีบคว้าเอาไว้ พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ลืมความคิดเมื่อสักครู่ทันที หากมีเงินเขาก็สามารถซื้อตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่ชอบเอาไปเล่นกับเพื่อนได้
งานแค่นี้เองสบายมาก..
“ตกลงครับ เดี๋ยวโป้งจะบอกนายให้นะ สามทุ่มครึ่งที่โรงเก็บหญ้า”
หล่อนยิ้มแล้วพยักหน้า ปล่อยให้เด็กน้อยวิ่งกลับบ้านก่อนยืนขึ้นเต็มความสูง ยกยิ้มมุมปาก วาดหวังว่าคืนนี้จะต้องเป็นค่ำคืนแห่งความสุขระหว่างกันและกัน
ต่อให้ครั้งแรกมันจะเจ็บเจียนตายแต่หากทำให้หล่อนได้เป็นคุณนายของไร่ก็ยอมทน!
บุลลาปรากฏตัวในงานเลี้ยงด้วยชุดที่ชลธีซื้อให้ หล่อนดัดผมเป็นลอนก่อนจะรวมมาไว้ข้างเดียวประดับด้วยมุกเม็ดเล็กสองถึงสามชิ้น ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มพองามไม่ให้หนาเกินไป ทำเอาชายหนุ่มทั้งหลายตกตะลึงราวเห็นนางฟ้า บางคนก็เดินเข้ามาต้อนรับให้ไปนั่งโต๊ะหน้าเวที แต่ดวงตากลมโตจ้องไปยังเจ้าของไร่
พณณกรหยิบแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มพลางมองหน้าเพื่อนที่มีความสุขก็นึกขัดใจก่อนสายตาคมจะหันไปพบร่างบางที่อยู่ในชุดสีขาวเปลือยไหล่ หัวใจของเขาหยุดเต้นชั่วขณะ ยิ่งเห็นว่าหล่อนเดินตรงมาทางนี้ก็ทำตัวไม่ถูก
“คุณธีคะ”
ก่อนจะเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรงเพราะเธอไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
“คุณบัว เชิญนั่งสิครับ” เก้าอี้ข้างซ้ายยังว่างชลธีจึงลุกผายมือเชิญให้นั่ง
โดยมีคนนั่งข้างขวามองด้วยสายตาวาวโรจน์แล้วเบือนหนีไปทางอื่น ไม่อยากมองให้ระคายสายตา
บุลลายิ้มหวานให้คนที่หมายปอง ก่อนชะงักเมื่อเห็นคนที่ไม่เจอนานนับสัปดาห์ เพียงแค่เห็นเสี้ยวหน้า หัวใจดวงน้อยก็ออกมาเริงระบำ พลันรู้สึกร้อนทั่วใบหน้า คิดถึงความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างที่ร่างสูงขี่ม้าไปส่งที่ไร่
หูอื้ออึงไปชั่วขณะเมื่อคุณหมอผิวเข้มหันมาสบตาก่อนทุกอย่างจะเงียบเหมือนโลกนี้มีเพียงเขาและเธอสองคน แล้วความรู้สึกนั้นก็ถูกตัดเพราะชลธีนั่งคั่นกลาง ทั้งยังหันมายิ้มให้คนงานสาวสวยซึ่งเป็นขวัญใจของหนุ่มทั้งไร่
“คุณบัวสวยมากเลยครับ” คำชมไม่เกินจริงจากที่เป็น
ทว่าก็ทำให้พณณกรเค้นยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเขินอายเกินจริงของฝ่ายหญิง
“ต้องขอบคุณคุณธีนะคะที่ซื้อชุดนี้ให้บัว” ทั้งโต๊ะที่มีเก้าอี้กว่าสิบตัวกลับไม่มีใครกล้ามานั่งร่วมกับคนเป็นนายแต่บุลลาคือผู้กล้าที่ทำเอาคนงานหญิงในไร่มองอย่างเขม่น
สัตวแพทย์หนุ่มเหลือบมองอีกรอบ กำแก้วที่ถือไว้แน่นเพราะเห็นสายตาหวานที่สองคนส่งให้กัน
..แค่ไปในเมืองไม่กี่ชั่วโมง มันทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาขนาดนี้เลยหรือ เป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงเข้าหาผู้ชายอย่างไม่อาย หรืออำนาจเงินมันเข้าตาหลงลืมความเหมาะสม
“ผมว่าเข้ากับคุณบัวมากเลย หนุ่มทั้งงานคงชอบ จริงไหมไอ้เอิร์ธ” หันมาถามความเห็นของคนนั่งข้าง จนคนถูกถามทำหน้าไม่ถูก ชำเลืองมองใบหน้าหวานก่อนจะเลื่อนสายตาลงต่ำกว่านั้น
ทำเอาร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาคมกล้า
..ทำไมแค่เขามองก็ทำให้รู้สึกราวโดนเผาไหม้ได้ขนาดนี้ ไม่เอาน่าบัวถึงจะหล่อแต่ก็จนอยากไปกินข้าวคลุกกับน้ำปลาหรือไง
เตือนตนเองแล้วซ่อนความเขินอายเอาไว้ ทว่าแก้มนวลก็ไม่อาจปิดบังได้เพราะขึ้นสีแดงระเรื่อ ดีที่มีแสงไฟจากงานช่วยเอาไว้ สองหนุ่มจึงมองไม่เห็นอาการนั้น
“ก็งั้นๆ แหละ ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย” ยกเบียร์ขึ้นดื่มพลางหันไปมองหน้าเวทีซึ่งมีคนงานขึ้นไปร้องเพลงอย่างสนุกสนาน จนไม่เห็นใบหน้าหวานที่งอง้ำก่อนจะฉีกยิ้มเมื่อชลธีหันมามองแล้วเอ่ยขึ้นราวต้องการปลอบ
“อย่าไปเชื่อไอ้เอิร์ธเลยครับ หมอนี่สายตาไม่ค่อยดี ผมว่าคุณบัวสวยมาก สวยที่สุดในงานเลย”
ได้รับคำชมแบบนั้นก็ทำเอาหัวใจพองโตเหมือนกันแต่ก็ไม่มากเท่าสายตาคมของหมอเถื่อนจ้องมอง
การสังสรรค์เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการโดยมีชลธีขึ้นไปกล่าวเปิดงานและเมื่อดูเวลาร่างบางก็แอบออกจากงานมองหาเด็กน้อยที่ได้รับคำสั่ง จึงเดินเข้าไปหา
ซึ่งมีสายตาคมของสัตวแพทย์หนุ่มมองไม่ห่างก่อนละสายตา นึกเตือนตนเองว่าไม่ควรสนใจผู้หญิงแบบนั้น
“อย่าลืมที่บอกนะ เดี๋ยวพี่จะไปรอที่โรงเก็บหญ้า” กระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน “แล้วเรื่องนี้ห้ามบอกใคร ถ้ามีคนรู้พี่จะไม่ให้เงินเข้าใจใช่ไหม”
ปวีร์กลัวไม่ได้เงินจึงพยักหน้าอย่างแข็งขันก็พลอยเบาใจ มองซ้ายขวาเห็นคนงานสนุกกับการสังสรรค์จึงเดินเลี่ยงไปยังรถมอเตอร์ไซค์พยายามไม่ให้เป็นจุดสนใจ แล้วขับเพื่อไปโรงเก็บหญ้า
..เอาละบัว สลัดความกลัวทิ้งซะถ้าอยากเป็นคุณนายของไร่นี้ เธอจะต้องจับคุณธีให้อยู่หมัดโดยใช้เรื่องนี้เป็นตัวช่วยเร่งปฏิกิริยาของหนุ่มผู้อ่อนโยน
ขี่รถไปสักพักก็ต้องห่อไหล่เพราะบรรยากาศที่หนาวเย็นอีกทั้งความมืดปกคลุมไปทั่วถนน ไม่มีหลอดไฟสักดวง อาศัยไฟจากรถมอเตอร์ไซค์ ปากก็สวดมนต์ไม่ให้มีผีสาง เร่งความเร็วขึ้นแม้จะต้องกัดฟันทนความหนาวก็ตาม
จะต้องไปถึงให้เร็วที่สุด!
จนกระทั่งบุลลาจอดรถข้างโรงเก็บหญ้าเอาไม้ที่ขัดประตูออกก่อนจะเปิดเข้าไปภายใน เธอมาสำรวจสถานที่แห่งนี้แล้วจึงรู้ว่าสวิตซ์ไฟอยู่ทางด้านซ้ายของประตู มือเล็กจึงเอื้อมไปเปิดจนสว่างทั้งห้อง เห็นหญ้าฟางอัดก้อนที่เรียงเป็นชั้นสูงเหนือหัว โดยรอบก็มีเศษฟางแห้งกระจายเต็มพื้น มองขึ้นไปบนเพดานก็มีแต่หยากไย่เต็มไปหมด
..ครั้งแรกของเธอทำไมต้องเป็นห้องโกโรโกโสแบบนี้ด้วย
คิดแล้วก็เจ็บใจจนต้องกระทืบเท้าระบายอารมณ์ ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ได้คุณธีมาเป็นสามีก็พอแล้ว ต่อจากนี้เธออยากไปเที่ยวไหนหรือต้องการนอนห้องที่แพงเท่าไหร่ก็ย่อมได้
..ท่องไว้บุลลา ทนไว้ก่อนปลายทางย่อมต้องดีกว่านี้เสมอ
เมื่อจินตนาการถึงห้องพักสุดหรูก็พอจะทำให้ยิ้มออก หญิงสาวจึงจัดการชุดที่ใส่ด้วยการดึงไหล่ให้เปิดมากขึ้น ตอนทำงานเป็นพริตตี้เพื่อนต่างชมว่าหล่อนมีผิวที่ขาวผ่องและไหล่กลมกลึงน่าลูบไล้ น่าสัมผัสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงเลือกใส่เสื้อเปิดไหล่เผยให้เห็นความงามของช่วงบน ผู้ชายเห็นก็หลงใหลทั้งนั้น
ระหว่างที่จัดการตนเองเสียงประตูก็เปิดออกร่างบางจึงรีบวิ่งไปปิดไฟแกะผมที่มัดอย่างสวยงามออกยีให้ฟูกระเซอะกระเซิงพลางกรีดร้องเสียงดังลั่น
จนคนที่เข้ามาใหม่ชะงักฝีเท้า
“กรี๊ด ช่วยด้วยค่ะคุณธี ไม่รู้ใครจับบัวมาไว้ในโรงเก็บหญ้า” หล่อนตรงเข้ากอดร่างสูงพลางซุกใบหน้าบนแผงอกหนาแสร้งบีบน้ำตา หวังให้เขาสงสารทั้งยังน้ำเสียงสั่นเหมือนจะสะอื้นที่ปรุงแต่งขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ
หากเป็นนักแสดงคงได้รางวัลตุ๊กตาทองหรือไม่ก็สุพรรณหงส์เป็นแน่
“ฉันว่าเธอเอาตัวเองมาขังไว้มากกว่ามั้ง”
เสียงและคำพูดราวดูถูกนั่น..ไม่ใช่คุณชลธี!
ในจังหวะที่หล่อนจะผละออกแต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ให้ความร่วมมือเพราะเขายังคงรัดไว้แน่นราวงูเหลือมกำลังจะเขมือบเหยื่อ กลิ่นเหล้าที่ติดตามร่างกายซึ่งเผลอสูดดมเข้าไปก็ทำให้เริ่มรู้สึกถึงภัยที่คืบคลานเข้ามา
“ปล่อยนะ!” จำได้ว่าเจ้าของไร่ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์ จึงพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดร้อนที่พร้อมจะแผดเผาเธอให้ร้อนตามไปด้วย
“เมื่อกี้เธอเป็นคนเข้ามากอดฉันเองนะ” ไฟสว่างขึ้นเพราะมือหนาเอื้อมไปเปิดพร้อมกับผลักร่างบางออกห่างกายราวรังเกียจ
สองสายตาสบกันและเป็นหล่อนที่อ้าปากค้าง ไม่คาดมาก่อนว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนเดียวกับที่นึกเกลียดตั้งแต่วันแรกที่เห็น
ไอ้หมอปากมอม!
เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเธอบอกเด็กชายเอาไว้ว่าให้ตามนายมาที่นี่ เดี๋ยวก่อน..ถ้าคนตัวโตเข้ามาภายในโรงเก็บหญ้าเพราะฉะนั้นประตูก็จะ
กึก!
ดวงตากลมโตมองผ่านร่างหนาไปยังประตูที่ถูกล็อกพร้อมร่างเล็กซึ่งวิ่งออกจากที่ตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต
บุลลาถลันตัวไปทุบประตูสังกะสีที่แม้จะดูเก่าแต่ยังคงใช้งานได้และแข็งแรงกว่าที่เห็นเสียอีกเพราะไม่ว่าจะทุบแรงเท่าไหร่มันก็ไม่มีทีท่าจะพังเลย
กระทั่งมือหนามาจับมือเล็กเอาไว้เสียก่อน
“ถ้ามันพังจะทำยังไง” ดูเหมือนพณณกรจะไม่เดือดร้อนกับการถูกขังไว้ในนี้สักนิดเพราะนอกจากจะหยุดการทุบประตูที่ทำให้มือเล็กแดงเถือกแล้วยังคว้าเอวบางกระชากมาใกล้ตัวจนห่างกันไม่มาก
“พังก็ช่าง! ฉันไม่มีทางถูกขังไว้กับนายแน่” ยืนยันเจตนารมณ์พร้อมใบหน้ามุ่งมั่นหวังจะหันไปทุบประตูอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนคนที่กอดจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่เพราะเขาช้อนร่างบางอุ้มท่าเจ้าหญิงก่อนจะวางเธอลงอย่างแรงบนฟางหญ้าอัดซึ่งถูกตั้งไว้ห่างจากกองอื่น
“อ๋อ อยากถูกขังไว้กับไอ้ธีมากกว่าฉันใช่ไหม” ถามกลับเสียงเข้ม
แต่หล่อนไม่ได้สังเกตน้ำเสียงนั่นจึงตอบกลับทันที
“ใช่ ฉันอยากถูกขังไว้กับเขามากกว่าไอ้คนนิสัยไม่ดีชอบฉวยโอกาสแบบนาย” ทั้งที่อุตส่าห์คิดแผนการไว้อย่างดีแท้ๆ หากชลธีตามมาเธอก็จะโผเข้ากอดเขาบอกว่าถูกจับตัวมาที่นี่ หากเจ้าของไร่ถามถึงประโยคที่ปวีร์บอกก็จะทำหน้าเหลอหลาพลางบีบเสียงเล็กเสียงน้อยโกหกเขาไปว่าเธอไม่ได้บอก คงเป็นพวกที่จับตัวมามันอาจใช้เด็กเป็นเครื่องมือ
แค่นี้แผนก็สมบูรณ์แบบ บรรยากาศในโรงเก็บหญ้า ความหนาวจากฤดูกาล เธอจะเข้าไปใกล้เขา โอบกอดเขาเอาไว้แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติ บัวดอกงามที่ไม่เคยมีใครได้เชยชมก็พร้อมจะพลีกายให้คุณธีเพียงผู้เดียว
แต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่า เพราะผู้ชายหนวดครึ้มหน้าเหี้ยมคนนี้!
“เสียใจด้วยนะที่คืนนี้เธอต้องอยู่กับฉัน..ทั้งคืน!” พณณกรกัดกรามแน่นเดินมาดักหน้าหล่อนเอาไว้พร้อมย้ำให้รู้ว่าอย่างไรก็ไปไหนไม่รอด “อีกอย่าง ฉันยังไม่ได้ฉวยโอกาสเธอเลย”