บท
ตั้งค่า

๒ หมายหัว (๑)

หมายหัว

ไร่รุ่งอรุณ & ฟาร์มสายรุ้งมีเนื้อที่ทั้งหมด 2000 ไร่โดยแยกเป็นสวนองุ่น สวนส้ม สวนสตรอว์เบอร์รี่ สวนลิ้นจี่และพื้นที่สำหรับปลูกข้าว โดยแยกสัดส่วนตามความเหมาะสม ผลไม้ขึ้นชื่อของไร่จะผลัดเปลี่ยนตามฤดูกาล หากช่วงหน้าหนาวคนก็จะชอบมาเที่ยวที่ไร่เก็บสตรอว์เบอร์รี่สดๆ จากสวน ช่วงที่ส้มออกผลก็เปิดให้นั่งรถรางชมสวน หรือองุ่นออกผลเต็มต้นนักท่องเที่ยวก็สามารถเข้ามาตัดได้ถึงต้น

และไร่พืชผักที่ปลูกก็เอาไปขายตลาดหรือไม่ก็ทำการวิจัยเพื่อเพาะพันธุ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นผักที่ปลอดสารพิษแต่ขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด

ฟาร์มสายรุ้งจะเน้นที่สัตว์เนื้อส่งออก กลุ่มสัตว์เนื้อที่เลี้ยงก็มีวัวและหมู ทำกำไรให้ฟาร์มได้มากพอๆกับสวนผลไม้ เมื่อไม่นานมานี้ทางฟาร์มก็ได้นำม้ามาเลี้ยง มีทั้งม้าสำหรับขี่ชมสวนหรือคนที่ต้องการหัดขี่ม้าและม้าสำหรับแข่งใช้งบประมาณไปหลายล้านบาทเพื่อซื้อตัวเจ้าแห่งความเร็วจากต่างประเทศ

รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่แล่นไปตามทางดินลูกรังซึ่งมีต้นสักทอดยาวให้ร่มเงาตลอดเส้นทางไปหน้าไร่ ร่างบางที่ซ้อนหลังพยายามจับตะกร้าไม่ให้ตกแล้วยังต้องจับหมวกตนเองไม่ให้ปลิวตกรถแล้วในใจก็ก่นด่าคนขับตลอดทาง จนลืมไปเสียสนิทว่าตนเองอยู่ในชุดและใบหน้าที่ไม่พร้อมไปเจอใคร กว่าจะนึกได้รถก็แล่นมาถึงหน้าไร่ซึ่งเป็นจุดวางขายผลไม้และอาหารแปรรูปเสียแล้ว

“เดี๋ยวก่อนสิ! ฉันไม่ไปได้ไหม ฉันไม่พร้อมจะไป ฉันไม่พร้อมจะเจอใคร” บุลลาเอ่ยขณะที่ร่างสูงกำลังจะเลี้ยวเข้าถนนใหญ่เพื่อตรงไปยังสำนักงานเกษตรอำเภอ

เขาเอี้ยวหน้ามามองคนซ้อนเล็กน้อย สายตาเต็มไปด้วยความรำคาญอย่างปิดไม่มิด

“ไม่พร้อมก็ต้องไป” เมื่อไม่มีรถยนต์แล่นผ่านจึงค่อยๆ ขับมอเตอร์ไซค์ออกจากไร่ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ถนนโล่งขนาดนี้ราวกับเขาเป็นเจ้าของพื้นลาดยางจนต้องยิ้มมุมปาก เหลือบมองกระจกหลังที่เห็นคนซ้อนหน้ามุ่ยจับทั้งหมวกอีกมือก็ยึดตะกร้าเอาไว้ไม่ให้ตก

พณณกร วิจิตรประภาหรือที่คนในไร่รู้จักในนามหมอเอิร์ธ สัตวแพทย์หนุ่มผู้เคร่งขรึมแต่จริงใจทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทั้งยังชอบดื่มสุรายาดองกับคนงานเป็นประจำแทบทุกคืน บางครั้งก็มาทำงานด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะยังไม่สร่างเมา เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของไร่จึงได้มาประจำที่ไร่แห่งนี้โดยไม่มีใครรู้เลยว่า

เขาคือเจ้าของไร่อีกคน!

ระหว่างทางบุลลาแทบจะสบถคำหยาบออกมาหลายครั้งเพราะการขับรถที่เร็วจนตนแทบจะปลิวไปตามลม ฉวัดเฉวียนไปมาจนแทบอ้วกใส่แผ่นหลังหนา ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดเมื่อมาถึงสำนักงานอันเป็นปลายทางของการเข้าอำเภอครั้งนี้

ร่างบางก้าวลงจากรถ ไม่สนตะกร้าว่าจะหกหรือไม่ พร้อมเดินไปที่ต้นไม้โก่งคออาเจียนอย่างไม่อายใคร วินาทีนี้ขอแค่เอาอาการคลื่นไส้ออกให้หมดเป็นพอแล้ว

พณณกรมองแล้วแสยะยิ้มมุมปากอย่างสะใจที่เห็นคนถือดีหมดสภาพ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ป้อมหน้าประตูเห็นก็เป็นห่วง จึงเอาขวดน้ำเปล่ายื่นให้หญิงสาวจนรีบคว้าเอามาล้างปาก

“ผมฝากผู้หญิงคนนี้หน่อยนะลุง ต้องเข้าไปคุยกับท่านเกษตรอำเภอ”

ยามที่ค่อนข้างมีอายุรับคำแล้วหันไปมองบุลลาที่นั่งลงกับพื้น หอบหายใจในขณะที่ดวงตาเลื่อนลอย ไม่น่าเชื่อว่าระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร สัตวแพทย์หนุ่มจะใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีก็ถึงยังจุดหมาย เขาแทบจะลอยมาด้วยซ้ำ

..ว่าแต่ตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม

หล่อนจับตามร่างกายแล้วพบว่ายังมีเลือดเนื้อไม่ได้กลายเป็นอากาศก็ถอนหายใจโล่งอก หันมามองคุณลุงที่เดินไปเอาพัดที่แจกฟรีตามร้านค้ามายื่นให้ ก็ยกมือขอบคุณก่อนรับมาถือเอาไว้ ตอนนี้ไม่มีแรงจะทำอะไรทั้งนั้น สมองยังคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่

..สาบานได้เลยว่า ต่อจากนี้จะไม่ไปไหนกับผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด!

คิดแล้วก็มองเข้าไปในสำนักงาน ส่งผ่านสายตาที่เหมือนมีเปลวเพลิงเข้าไปราวต้องการเผาไหม้ตัวต้นเหตุที่ทำให้อดีตพริตตี้คนสวยหมดสภาพได้ขนาดนี้

ไม่รู้ว่ารอนานเท่าไหร่กว่าจะเห็นร่างสูงปรากฏกายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมยกมือไหว้คนที่คาดว่าเป็นหัวหน้าระดับสูง

บอกลากันเสร็จใบหน้าคมจึงหันมาสบดวงตากลมหวานที่เหมือนมีไฟอยู่ในนั้นและมันกำลังบอกว่าต้องการเผาเขาให้ตายทั้งเป็น

“กลับได้แล้ว”

ร่างบางเดินเข้ามาด้วยแววตามาดหมายแล้วเตะเข้าที่หน้าแข้งของสัตวแพทย์เต็มแรง จนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยงจับขาของตนเองเพราะรู้สึกเจ็บ เงยหน้ามองคนทำด้วยความรู้สึกโมโห

“โอ๊ย! ยายบ้าทำอะไรของเธอ” เขากระโดดไปมาก่อนจะยืนตรงไม่วายลูบหน้าแข้งตนเองหวังคลายความเจ็บ

ในขณะที่ใบหน้าหวานยกยิ้มมุมปาก เห็นอีกฝ่ายเจ็บก็รู้สึกว่าความโกรธได้รับการปลดปล่อยบ้างแล้ว

“เตะนายไง ฉันรู้นะว่าที่นายขับรถเร็วเพราะต้องการแกล้งฉันใช่ไหม” ขึ้นเสียงแล้วเดินเข้ามาจ้องหน้าเขา ไม่สนว่าคนที่เดินผ่านไปมาจะหันมอง เพราะตอนนี้อารมณ์โกรธอยู่เหนือความอายทุกอย่างแล้ว คนอย่างบุลลาไม่เคยยอมใคร ร้ายมาก็ต้องโดนกลับเป็นสองเท่า “ไอ้คนเลว นิสัยไม่ดี ที่บ้านไม่สั่งไม่สอนเหรอว่าห้ามแกล้งผู้หญิงที่สวยและน่าทะนุถนอมอย่างฉัน!” ชี้หน้าด่าอย่างเหลืออด

จนคนฟังขบกรามแน่น เขาคว้ามือเธอแล้วกระชากร่างที่แรงน้อยกว่าเข้ามาปะทะแผงอก จนสัมผัสได้ถึงหน้าอกแน่นซึ่งผ่านการออกกกำลังกายมาอย่างหนักของคนตัวโต

“อย่ามาลามไปถึงบ้านของฉัน ถ้าจะด่าก็ด่าแค่ฉัน แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเธอพูดอะไรให้ระคายหูฉันอีกคำเดียว ฉันไม่ปล่อยไว้แน่” กดเสียงต่ำให้ดูดุดัน

จนบุลลาเริ่มกลัว ทว่าก็ไม่แสดงออกให้เขาได้ใจว่าหนูอย่างเธอจะกลัวราชสีห์อย่างเขา หล่อนเชิดหน้าขึ้นมองเข้าไปในแววตาคมต้องการท้าทายอำนาจมืด

“ไอ้ชั่ว ไอ้บ้า ไอ้หมอปากหมา ไอ้..อื้อ!”

ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา พณณกรไม่สนใจสายตาของใครเขาก้มลงไปกัดปากของบุลลาอย่างรวดเร็วจนไม่คิดว่าสัตวแพทย์หนุ่มจะกล้าทำการอุกอาจอยู่หน้าสำนักงานเกษตรอำเภอเช่นนี้

ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเหมือนตัวจะชาไปทั่วร่าง

เขากัดปากเธอ!

ใช่มันคือการกัดปากไม่ใช่จุมพิตแต่อย่างใด เขาใช้ฟันขบที่ริมฝีปากบนและล่างพร้อมทั้งจับข้อมือของคนตัวเล็กเอาไว้แน่นก่อนจะผลักเธอออกเมื่อเห็นว่าเสียงเงียบไปแล้ว

ไม่ใช่แค่เสียงที่เงียบเพราะตอนนี้หล่อนรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่างด้วยซ้ำ

“นี่แค่บทเรียน ถ้าเธอยังกล้าต่อว่าฉันด้วยคำหยาบคายแบบนั้นอีก เธอเจอดีกว่านี้แน่” ว่าจบก็เดินไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์

ปล่อยหล่อนให้ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงสตาร์ตมอเตอร์ไซค์

“จะกลับไหมไร่น่ะ ถ้าจะกลับก็รีบขึ้นมา” ตะโกนถามไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์เมื่อครู่สักนิด

จนบุลลาที่เจ็บใจจนน้ำตาคลอต้องกำหมัดแน่น อยากตรงไปชกหน้าไอ้คนป่าเถื่อนแต่ก็ไม่อาจทำได้ ไม่อยากกลับด้วยสักนิดแต่เพราะไม่มีเงินติดตัวสักบาทจึงไม่มีทางเลือกอื่น

จำต้องเดินไปซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์แล้วหันมองทางอื่นที่ไม่ใช่แผ่นหลังหนา

พนักงานรักษาความปลอดภัยมองตามรถของพณณกรไปพลางส่ายหน้าอย่างระอา ไม่คิดว่าหนุ่มสาวสมัยนี้จะใจกล้าถึงขนาดมากอดจูบกันหน้าสำนักงาน ดีที่ไม่มีใครยกกล้องขึ้นถ่ายรูปหรืออัดคลิปวิดีโอเอาไว้ไม่อย่างนั้นคงฉาวกว่านี้แน่ เพราะแค่นี้ก็คงมีคนเอาไปพูดปากต่อปากแล้ว

ระหว่างทางกลับไร่ ชายหนุ่มผ่อนความเร็วลงเพราะสงสารคนที่นั่งตาแดงบังคับไม่ให้น้ำตาไหลทั้งที่เจ็บใจเสียเหลือเกิน

มือเล็กยกขึ้นมาถูปากจนบวมช้ำ นึกรังเกียจชายหนุ่มที่กัดปากต่อหน้าผู้คน ไม่ให้เกียรติเธอเลยสักนิด ป่านนี้คนอื่นจะมองว่าหล่อนเป็นผู้หญิงอย่างไรเล่า

คิดก็พาลตื้อในอก อยากเร่งเวลาให้ไปถึงไร่รุ่งอรุณโดยเร็วที่สุดแต่เหมือนสัตวแพทย์หนุ่มจะแกล้งขับรถช้า กินลมชมวิวข้างทางจนอดทุบแผ่นหลังกว้างไม่ได้

“โอ๊ย มันเจ็บนะเว้ย” รถส่ายไปมาเพราะคนขับเสียหลักจังหวะหนึ่ง ดีที่ขับเลียบทางตรงเลนของมอเตอร์ไซค์จึงไม่เป็นอันตราย

ดวงตากลมโตวาวโรจน์เม้มริมฝีปากแน่น

“รีบขับสิ! ขามาแทบจะบิน ทำไมขากลับคลานเหมือนเต่าแบบนี้ ขับไปเร็วๆ เลยนะไอ้บ้า!” อดไม่ไหวต้องตะโกนด่าระบายอารมณ์อัดแน่นและเชื่อว่าตอนนี้เขาคงไม่สามารถตอบโต้ตนเองได้ ซึ่งก็จริงเพราะชายหนุ่มทำได้เพียงแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วเร่งความเร็วขึ้นตามใจผู้โดยสาร

“อยากให้ขับเร็วใช่ไหม ได้ เดี๋ยวจัดให้”

หลังจากนั้นบุลลาก็แทบไม่ได้ลืมตาอีกเลย เอาแต่คว้าเอวหนาเป็นเกราะไม่ให้ตัวเองปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานซบลงที่แผ่นหลังกว้างแล้วหลับตาแน่น สวดมนต์ภายในใจขอให้ถึงไร่โดยสวัสดิภาพ

ส่วนคนขับก็มีความสุขกับการแกล้งเสียเหลือเกิน เขายิ้มกว้างในรอบหลายปี

ไม่อยากยอมรับหรอกว่าที่จริงเธอก็เป็นผู้หญิงน่ารักตามแบบฉบับที่ชอบ ใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย รูปร่างไม่สูงจนเกินไป มีน้ำมีนวลไม่ผอมแห้ง ทั้งผิวที่ขาวนวลน่าสัมผัสจนครั้งแรกที่เห็นก็แอบชมในใจแต่พอเจอฤทธิ์อาละวาดของหญิงสาว เขาก็ล่าถอยทันที

ยิ่งดูจากการกระทำที่พยายามอ่อยชลธี เขาก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าเธอก็แค่ผู้หญิงหิวเงินเท่านั้น นิยมชมชอบคนรวย ไม่ได้มีค่าพอจะชายตามองด้วยซ้ำ ทว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ที่หน้าสำนักงานเกษตรอำเภอก็ทำให้พณณกรอยากชกตัวเองสักทีสองทีทั้งที่บอกว่าไม่ชอบแต่พอเห็นริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยวาจาไม่น่าฟัง กลับรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูด จนเผลอกัดปากจิ้มลิ้มเข้าให้

ไอ้เอิร์ธมึงเป็นหมาหรอวะ!

รถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาภายในไร่ตามถนนลูกรังก่อนเจอทางแยกระหว่างไร่รุ่งอรุณและฟาร์มสายรุ้ง เขาแสยะยิ้มนึกแผนการในใจแล้วเลี้ยวทางขวาซึ่งแน่นอนว่ามันคือทางไปฟาร์มที่บุลลาไม่เคยแม้แต่จะย่างก้าวเข้าใกล้

ร่างบางที่เอาแต่หลับตา ไม่รับรู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว กระทั่งรถจอดลง ดวงตากลมโตจึงลืมขึ้นมองไปโดยรอบ ก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์หันซ้ายหันขวาก่อนจะรู้ตัวว่า..

นี่มันไม่ใช่ไร่ของเธอ!

ดวงหน้าหวานหันไปมองคนร่างสูงซึ่งลงมายืนกอดอกมองหล่อนด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

“ฉันต้องการกลับไร่! นายพาฉันมาที่นี่ทำไม!” ตะโกนจนสุดเสียงด้วยความไม่พอใจ

“ก็กลับไปสิ ถ้าเธอเดินจากฟาร์มไปที่ไร่ก็คงสักสามกิโลได้ แต่ถ้าเดินลัดเลาะไปหน่อยก็สองกิโล”

สถานที่ซึ่งบุลลากำลังยืนอยู่คือหน้าคอกม้า มีคนงานกำลังจูงม้าออกจากคอกเพื่อทำการอาบน้ำและพาไปเดินเล่น

“นายต้องไปส่งฉัน นายเป็นคนพาฉันไปเองนะ”

“แต่ฉันไม่ได้อยากพาเธอไปสักหน่อย ไอ้ธีมันสั่ง” ปัดความรับผิดชอบทันทีแล้วมองดูว่าเธอจะตัดสินใจทำอย่างไรด้วยแววตาสนุก ทั้งที่ริมฝีปากเหยียดตรง

บุลลากำมือแน่นกระทืบเท้าอย่างขัดใจ วันนี้มันเป็นวันซวยของเธอหรืออย่างไร เจอชลธีก็แทบไม่ได้พูดคุย ที่เจ็บใจสุดคงไม่พ้นโดนหมากัดปากโดยไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยสักนิด

ดวงตากลมโตมีน้ำคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร

แต่พณณกรกลับรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งผู้หญิงตรงหน้า

“ที่จริงฉันไปส่งเธอก็ได้นะ” คนตัวโตคลายแขนที่กอดอกออกแล้วเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเข้าไปใกล้ร่างบางมากกว่าเดิม

ขณะที่หล่อนก็ก้าวถอยหลังไม่ไว้ใจว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกันแน่

“แต่ถ้าให้ไปส่งมันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนหน่อย”

ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด..

บุลลาคิดแล้วมองใบหน้าคมยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“อะไร”

..หนูติดกับนายพรานเสียแล้ว

มือหนายื่นไปคว้าเอวเล็กอย่างรวดเร็วดึงเข้าหาตนแล้วยื่นใบหน้าเข้าใกล้

เอวเล็กชะมัดเลย แค่แขนข้างเดียวก็โอบรอบแล้ว..

“จูบฉันสิ แล้วจะยอมไปส่ง” เสียงทุ้มกระซิบใกล้จนดังก้องในหู ดวงตาคมพราวระยับราวมีดาวนับล้านดวงอยู่ในนั้น

จนเธอตาพร่าไปหมด

ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้กว่าเดิม ไม่รอให้หล่อนได้ตอบรับหรือปฏิเสธเพราะเขาจะเป็นคนตัดสินใจเอาเอง

“ไม่นะ!” เบี่ยงหน้าหลบก่อนริมฝีปากของชายหนุ่มจะสัมผัสปากตนเอง ใจดวงน้อยเต้นรัว ถึงเธอจะไม่ชอบเขาแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าหล่อเหลาทำเอาใจสั่น หล่อนกระทืบเท้าคนตัวโตเสียแรง

จนสะดุ้งปล่อยร่างเล็กออกจากอ้อมกอด

“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีก ฉันไม่ได้ชอบนาย ฉันเกลียดนาย!” บุลลาตะโกนเสียงดังลั่นก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ตัดสินใจเดินกลับไร่ ไม่อยากพึ่งพาคนที่ดีแต่ฉวยโอกาส

พณณกรมองตามด้วยความคับแค้น

..สองรอบแล้ว เธอทำร้ายเขามาสองรอบแล้ว! ครั้งหน้าอย่าหวังเลยว่าจะยอมให้เดินจากไปแบบนี้

รู้จักไอ้เอิร์ธน้อยไปแล้ว

มองแผ่นหลังบางเดินออกไปจนสุดสายตาก่อนลูกน้องที่เห็นเหตุการณ์จะผิวปากแซว

“ไม่เบาเลยนะนาย ไหนบอกไม่กินเด็กในไร่ไง” เดินเข้ามาหาคนเป็นเจ้านาย ทำแววตาล้อเลียนเพราะอีกฝ่ายเคยลั่นวาจาไว้ ไม่เอาคนงานในไร่แม้จะสวยหยาดฟ้ามาดินแค่ไหนก็ตาม

แต่จากที่เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ไม่น่าจะทำได้อย่างที่พูดเอาไว้

“เสือกอะไรกับกู จะเอาไม่เอาก็เรื่องของกู” ผลักคนงานออกแล้วเดินไปดูม้าตัวโปรด หวังขี่มันเพื่อคลายอารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้น ปล่อยให้สองหนุ่มที่ล้อเลียนต้องมองตากันอย่างรู้ทัน

“กูวางสองร้อยคนนี้เสร็จนายแน่” หนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านแต่ผิวเข้มพูดขึ้นในขณะที่คนตัวเท่ากันทว่าไว้เคราครึ้มก็ยกยิ้มมุมปาก

“กูว่าไม่ นายไม่เอาคนในไร่หรอก”

“ได้ แล้วมาดูกันว่านายจะกลืนน้ำลายตัวเองหรือเปล่า” นักพนันชั่วคราวแปะมือกันราวเป็นคำสัญญา มองตามร่างสูงที่เดินไปหาลูกรัก

งานนี้นายที่สาวทั้งไร่หมายปองไม่น่ารอด ดูจากแววตาฟันธงได้เลยว่าหลงเสน่ห์แม่ดอกบัวผิวนวลแล้วเป็นแน่

พณณกรเดินหัวเสียมาหา ‘อดัม’ ม้าพันธุ์ฟรีเชี่ยน (Friesian) จากประเทศฮอลแลนด์ซึ่งเป็นลูกรักในขณะนี้ มันเป็นม้าเพศผู้ รูปร่างองอาจดูสง่างาม ค่อนข้างเชื่อง ลำตัวสีดำเลื่อมมีขนที่แผงคอสีเดียวกับผิวยาวสวยเป็นเส้น เขาลูบหัวมันพลางนึกถึงประโยคเมื่อสักครู่ของบุลลา

‘ฉันไม่ได้ชอบนาย ฉันเกลียดนาย’

หึ ต้องรวยแบบไอ้ธีใช่ไหมเธอถึงจะชอบ

คิดแล้วก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความดูแคลน

..ไม่น่ารู้สึกเลยว่าผู้หญิงคนนั้นน่าเอ็นดู ก็แค่อยากเกาะคนรวยเท่านั้นแหละ

คิดว่าเกลียดเป็นคนเดียวหรือไง ฉันก็เกลียดเธอเหมือนกันนั้นแหละ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel