บทที่4 ตอน "จุดที่ต้องจาก(2)" 1
รุ่งเช้าของวันใหม่..
นุสบาแทบไม่มีแรง เดินไปยังห้องขังที่มีสามีอยู่ในนั้น ร่างบอบบางใจจะขาดตายเสียตรงหน้าโต๊ะทำงานของพนักงานสอบสวนที่เล่าเหตุการณ์ให้เธอฟังและเข้าใจในการปฏิบัติการเป็นขั้นตอนขบวนการของเจ้าหน้าที่ หูอื้อตาพร่ามัวฟังเสียงของนายตำรวจเอ่ยบอกจำนวนเงินที่ต้องเอามาประกันตัวสามีนั้นทำไมมันช่างเยอะขนาดนี้แล้วเธอจะไปหามาจากที่ไหนกัน
“อึกก..ห้าแสนบาทเราจะไปหามาจากที่ไหน” นุสบาเปรยเสียงสั่นระริกถามตัวเองเบาๆเท้าบางเดินตามหลังนายตำรวจเพื่อเข้าเยี่ยมสามีก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในเธอต้องกลั้นเสียงสะอึกโดยการยกมือขึ้นปิดเรียวปากแล้วใช้มือข้างเดียวกันเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มแล้วรีบเดินเข้าไปหยุดยืนมองสามีที่อยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมกางเกงยีนเสื้อยืดสีเทาที่ใส่เมื่อวานนี่ เขานั่งซุกหัวเข่าแผ่นหลังหนาพิงลูกกรงหันหลังให้เธออยู่ในห้องขัง
“พิ..พี่เดช” นุสบาถึงจะเจ็บทรมานเมื่อเห็นสามีอยู่ในสภาพและในที่แบบนี้ เธอปรับสีหน้าให้เป็นปกติให้มากที่สุด ถึงอยากจะร้องไห้มากแค่ไหนก็ต้องฝืนทนยิ้มด้วยหัวใจร้าวรานเดินเข้าไปยืนเกาะกรงเหล็กมองสามีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแค่เอื้อม
“นุช!! มาที่นี่ทำไม?” เสียงใสสั่นเครือแบบนี้ เขาจำได้เสมอและโหยหามาตลอดคืน ร่างโตดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองตามเสียงที่เรียกเขาจากทางด้านหลัง
“พี่เดชเป็นอย่างไรบ้างคะหิวไหม นุชทำอาหารเช้ามาให้พี่เดชด้วยนะ” เธอปรับเสียงถามให้เป็นปรกติแต่ใช่จะทำได้ ร่างบางแทบทรุดเมื่อได้เห็นใบหน้าอิดโรยของสามี
“กลับไปรอพี่ที่บ้านอย่ามาที่นี่อีก..ไปสิ!” เปล่งเสียงห้วนไม่อยากให้เมียมาเห็นเขาในสภาพนี้ มือหนาทั้งสองข้างกำกรงเหล็กไว้แน่นอยากจะพังไอ้เหล็กบ้านี่แล้วออกไปรั้งร่างน้อยเข้ากอดปลอบขวัญเสียเหลือเกิน
“พี่เดชขา..นุชเป็นห่วงพี่นะ” ยังยืนนิ่งใบหน้าอาบน้ำตาก้มลงมองเท้าของตัวเอง..เธอแอบหลับตากักกลั้นน้ำตาที่มันคอยแต่จะไหล ไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอร้องไห้
“พี่บอกให้กลับไปไง เดี๋ยวตอนบ่ายพี่จะออกจากที่นี่..”
“ทำไมพี่เดชต้องไล่นุชด้วยคะ นุชเป็นห่วงพี่เดชนะ..”
“ถ้ารักพี่อย่าเข้ามาที่นี่อีก..ไปสิ!” ดวงตาแดงก่ำเขาไม่ได้โกรธเมียแต่เป็นเพราะชายหนุ่มกำลังจะร้องไห้ยามได้เห็นน้ำตาของเธอที่เอ่อล้นเบ้าตา ใจจะขาดเสียให้ได้เมื่อไม่สามารถที่จะช่วยเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มนวลนั้นได้
“ฮืออ..นุชไม่อยากไปไหนอยากอยู่ที่นี่กับพี่” ร่างน้อยทรุงนั่งลงไปกองกับพื้นไม่อยากจะเดินไปจากตรงนี้อยากจะนั่งเฝ้าสามีอยู่แบบนี้จนกว่าเขาจะออกมาแล้วกลับบ้านพร้อมกัน
“เด็กดื้อรั้น!..ไม่รักพี่แล้วใช่ไหมถึงพูดไม่ฟังกันเลย” ดวงหน้าสีแทนเคร่งเครียดเจ็บร้าวทรมานแค่ไหนเมื่อเห็นน้ำตาและเสียงร้องให้ของเมีย เขาเมินหน้าหนีไม่อยากเห็นร่างน้อยที่นั่งสะอึกสะอื้นตรงพื้นหันหลังเดินหนีเข้าไปหลบอยู่อีกมุมไม่ยอมให้สาวเจ้าเห็นหน้าไม่อยากให้เธอเห็นน้ำตาของตัวเอง
“พิ..พี่เดช” ดวงหน้าหวานอาบไปด้วยน้ำตาแหงนมองสามีที่เดินหายเข้าไปหลบอยู่อีกมุมของห้อง เธอได้ยินเสียงของเขาก็ร้องไห้เช่นกัน
“โธ่เอ๊ย!!..ทำไมต้องเป็นแบบนี้” คนตัวโตคับแค้นใจโมโหเกรี้ยวกราดตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาชกกำปั้นไปบนฝาผนังห้องเพราะหัวใจของเขามันร้าวไปทั้งดวงเมื่อเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอยังดังก้องอยู่ในหูแม้จะรับรู้ว่าหญิงสาวได้เดินออกไปจากตรงที่เธอยืนอยู่นานแล้วก็ตามแต่เสียงครวญครางทรมานของเมียก็ยังติดอยู่ที่หูได้ยินตลอดเวลา…
จากหนึ่งวันเป็นวันที่สองที่อัครเดชไม่มีวี่แววที่จะได้ออกจากห้องขัง นุสบานั่งทำงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์สีหน้าของเธอหม่นหมองอมทุกข์จิตใจว้าวุ่นคิดหาทางจะช่วยอัครเดชอย่างไรดี ไม่มีหนทาง ไม่รู้จักใคร นุสบาไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำการทำงาน หูอื้อตาพร่ามัวมองอะไรก็ไม่เห็นคล้ายจะเป็นลมแม้แต่เสียงประกาศเรียกหาชื่อของเธอ เจ้าหล่อนก็ไม่ได้ยินจนเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ข้างกายหันไปสะกิด
“นุช!” เพื่อนร่วมงานหันมองนุสบาดวงตาเบิกกว้าง เธอตกใจในสิ่งที่เห็น
“ค่ะ” นุสบาขานรับเพื่อน ใบหน้าหวานซีดเซียวตรงร่องจมูกเปะเปื้อนไปด้วยน้ำสีแดงผสมน้ำมูกไหลรินมาจากปลายจมูกเจ้าหล่อนหันมองเพื่อนฝืนยิ้มให้พร้อมทั้งยกมือขึ้นเช็ดเลือดออกจากจมูกโดยไม่รู้ตัว
“นุช..ละ..เลือดไหล!” เพื่อนร่วมงานยกมือขึ้นชี้ให้เจ้าหล่อนรู้ตัว
“คะ” นุสบายังงุนงงเงยหน้าดวงตาพร่ามัวมองหน้าเพื่อนเห็นเลือนลางในท่าทีของเพื่อนแปลกๆ มือก็ยังเช็ดเลือดที่เธอคิดว่าเป็นน้ำมูกออกจากร่องจมูก
“นุช..จมูกนุชเลือดออก!” เพื่อนสาวร่วมงานเปรยเสียงสั่น
“ละ..เลือด!” ใบหน้าขาวซีดอยู่แล้วกลับซีดขาวยิ่งกว่ากระดาษเมื่อก้มมองดูมือที่เปื้อนเลือดที่เจ้าหล่อนคิดว่าเป็นน้ำมูก
“เป็นอะไร?” เพื่อนสาวร่วมทำงานจะลุกเข้าไปหาและช่วย
“เดี๋ยวนุช..มะ..”
“ตึงง!” นุสบาที่มีอาการไม่สู่ดี ดวงตาพร่ามัววิงเวียนศีรษะอยู่แล้วไหนจะความเครียดวิตกกังวลผสมกับความเหน็ดเหนื่อยอดหลับมาสองคืนที่ไม่สามารถที่ข่มตาหลับลงได้เมื่อไม่มีสามีนอนอยู่ข้างกาย ร่างบอบบางผ่ายผอมรีบลุกขึ้นยืนจึงทำให้เธอที่ไร้กำลังเสียงเปรยบอกเพื่อนร่วมงานขาดหายไม่จบประโยคร่างบอบบางล้มฟุบลงไปนอนกองอยู่กับพื้นหมดสติไปอย่างไม่รู้ตัว
“ว้ายย!!..ช่วยด้วยค่ะ นุสบาเป็นลม มีคนเป็นลม” เพื่อนร่วมงานรีบดีดตัวออกจากเก้าอี้เข้าไปพยุงร่างของนุสบาที่นอนแน่นิ่ง
“นุชเป็นอะไร?” พัชราภาหัวหน้าพยาบาลเดินตรวจงานมาเห็นเข้าพอดี หญิงสาวตกใจไม่น้อยที่เห็นนุสบาเป็นแบบนั้น
“คุณภา..ช่วยนุสบาด้วยค่ะ เธอเป็นอะไรก็ไม่รู้อยู่ดีๆเลือดก็ไหลออกจมูกแล้วเธอลุกขึ้นก็เป็นลมหมดสตินี่แหละค่ะ” เพื่อนร่วมงานเงยหน้ามองพัชราภาแล้วก้มมองร่างของนุสบาทำไมหญิงสาวถึงหน้าซีดจัง
ร่างผ่ายผอมถูกหามขึ้นนอนบนรถเข็นมุ่งหน้าไปยังห้องฉุกเฉินตามคำสั่งของนายแพทย์อินทัช…
