บท
ตั้งค่า

ตอน "จุดที่ต้องจาก" 3

เข้าสู่เดือนที่สาม..

เวลาทุกนาทีมีค่าหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างกันกับปัญหาของสองผัวเมียที่ต่างคนต่างคิดไม่ตก พวกเขาเลือกที่จะเก็บซ่อนเอาไว้ในห้วงหัวใจไม่ยอมเปิดปากเล่าสู่กันฟัง ต่างคนต่างปกปิดปัญหาและหาวิธีทางออกแก้ไขของใครของมันไม่แม้จะปริปากเล่าความทุกข์ที่มีอยู่สู่กันฟัง

อัครเดชที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์ เขาติดต่อและขอร้องเจ้านายหลายคนที่คิดว่าจะช่วยได้แต่แล้วทุกคนต่างก็พากันปฏิเสธ ไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเขาในเวลาคับขันแบบนี้

“ครับ ผมอัครเดชพูดครับ” สีหน้าเคร่งเมื่อคุยโทรศัพท์กับนายหน้าชายหนุ่มหวังจะพึ่งพาคนใหญ่คนโตที่เขารู้จักให้ช่วยแต่แล้วก็ต้องผิดหวัง

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะลองเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหนี้อีกทีครับ” หัวใจร้อนรน นี่เขาพึ่งพาใครไม่ได้เลยจริงๆ ใช่ไหม

“ขอบคุณนะครับที่แนะนำผม” แววตาสีเข้มก็แอบชำเลืองมองหน้าบ้านกลัวคนที่เขารักดังดวงใจจะมาได้ยินการสนทนาเรื่องที่เขาเก็บงำ

“ครับ..สวัสดีครับ” ชายหนุ่มเดินครุ่นคิดกลับไปกลับมาวนเวียนรอบห้องรับแขกมือสั่นเทาปิดเครื่องสื่อสารหลังจากหัวหน้าที่บริษัทปัดความรับผิดชอบทุกคนต่างหาเหตุและผลมาแก้ตัวกัน ใบหน้าเข้มแม้แต่ดวงตาแดงก่ำมองความร้อนแรงของแสงตะวันที่สาดส่องแสงสว่างให้ห้องทั้งห้องสว่างไสวแต่ทำไมมันไม่ยอมส่องหนทางให้กับเขาบ้างแค่ทางแคบเล็กก็ยังดี..อัครเดชมีใบหน้าเคร่งเครียดคิดไม่ตกลำแขนกำยำสีแทนทั้งสองข้างยกขึ้นเกาะขอบหน้าต่างด้านบนแล้วทุบลงไปบนขอบไม้ระบายความในใจอันอัดอั้น จะหาทางออกได้อย่างไร เสียงเคาะประตูดังอยู่หน้าห้องทำให้คนตัวใหญ่สะดุ้งใบหน้าสีเข้มเอียงมองประตูนึกในใจใครมาเคาะแบบนี้แต่เช้านะ หรือจะเป็นเมียของเขานะ แล้วทำไมเจ้าหล่อนไม่ยอมเปิดเข้ามาเองกุญแจก็มีนี่นา

ก็อกก!..ก็อกก!!..

เสียงเคาะดังขึ้นอีกหลายครั้ง ยิ่งทำให้เขายิ่งสงสัยจึงเดินไปเปิดประตูก็ต้องยิ่งตกใจและแปลกใจมากขึ้น

“สวัสดีครับ คุณตำรวจมีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งเอ่ยเสียงเข้มถามงุนงง

“คุณอัครเดช หงส์วิภาใช่ไหมครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบสามนายเอ่ยถามชายหนุ่ม

“ครับ ผมเองครับ” อัครเดชรับคำ

“ผมขอเชิญคุณอัครเดชไปโรงพักครับ” นายตำรวจยื่นหมายจับจากศาลให้ชายหนุ่มดูเพื่อความแน่ใจ

“ไปโรงพัก ผมทำผิดอะไรเหรอครับ?” อัครเดชมือสั่นเทาจับเอกสารอ่านนี่เขาโดนเจ้าหนี้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียงหายหรือ

“กรุณาไปตามหมายศาล อย่าขัดขืนเจ้าหน้าที่นะครับ” ตำรวจผ่ายมือเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มเดินตาม อัครเดชไม่มีหนทางแก้ไขและคิดที่จะขัดขื่นเจ้าหน้าที่ เขาเดินเหม่อลอยตามนายตำรวจด้วยหัวใจแหลกสลายไปถึงหน้าประตูรั้วก็ต้องหยุดชะงักแล้วหันไปมองเสียงใสสั่นแบบนี้เขาจำได้ ‘เมียสุดรักของเขานั่นเอง’

“พิ..พี่เดช” นุสบายืนตัวสั่นอยู่ริมรั้วหน้าประตูบ้านมือทั้งสองข้างถือถุงอาหารพะรุงพะรังที่เจ้าตัวออกไปจับจ่ายซื้อมาจากตลาดหน้าปากซอย

“นุช!” คนร่างโตเดินตามนายตำรวจคอตกก็ต้องเงยและหันไปมองเมียที่ยืนอยู่ข้างทาง..อัครเดชแทบขาดใจเมื่อเห็นหญิงสาวยืนตัวสั่นไหวคล้ายจะเป็นลมเขาหันมองนายตำรวจขออนุญาตจากนายตำรวจแล้วก้าวเดินเข้าไปหาเมีย

“พิ..พี่เดชจะไปไหน แล้วตำรวจมาทำอะไรที่นี่คะ” นุสบาปล่อยถุงอาหารมือเรียวสวยสั่นไหวรั้งมือใหญ่มากุมไว้ ดวงตากลมโตกลอกไปกลอกมามองหน้าสามีแล้วมองเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ด้านหลังคุมตัวของสามีเธอไว้คนละฝั่ง

“ฟังพี่นะครับคนดีไม่ต้องกลัวและตกใจ พี่จะกลับมา แค่จะไปโรงพักพูดคุยเรื่องปัญหางานนะครับ” คนตัวโตจับปลายคางมนที่เอาแต่จ้องมองไปยังด้านหลังของเขาให้หันมาเผชิญหน้ากัน

“ปะ..ปัญหางาน..แล้วทำไมต้องไปที่โรงพักด้วยล่ะคะ..พี่เดชให้นุชไปด้วยนะคะ” ปากคอสั่นถามสามีดวงตากลมโตที่จ้องมองหน้าสามีเจิ่งนองคลอไปด้วยน้ำตา

“ตอนเที่ยงพี่จะกลับมาทานข้าวด้วยนะครับ ทำอาหารอร่อยๆ ไว้รอพี่นะคนดี” อัครเดชเอ่ยปลอบใจเมียรักหัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้เมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าหล่อน

“ไม่ค่ะ!! นุชไปด้วย นุชจะไปกับพี่เดช” ดวงหน้าหวานส่ายปฎิเสธไปมา จะให้เธออยู่ที่นี่ได้อย่างไรโดยที่ไม่มีเขา

“ชู่วว..ไม่เอานะคนดี ที่โรงพักมันร้อนมันไม่เหมาะกับนุชและลูกของเราเลย อยู่บ้านรอพี่นะครับ” เอ่ยปลอมขวัญเมียทำทุกวิธีทางให้หญิงสาวเชื่อฟัง เขารั้งร่างบางเข้ามากอดแนวอกปลายคางเกยอยู่บนกระหม่อมบาง

“คุณอัครเดชครับ เลยเวลาแล้วนะครับ เชิญครับ” นายตำรวจที่ยืนประกบเดินเข้ามาสะกิด

“พี่ต้องไปแล้วครับคนดี พี่จะกลับมานะ” ผลักร่างบางให้ออกห่างเล็กน้อยก่อนที่จะแกะวงแขนเรียวสวยออกจากเอว ใบหน้าเคร่งขรึมโน้มเข้าหาเมียใช้เรียวปากหยักสัมผัสผิวหน้าผากนวลไล้ลงมาเช็ดน้ำตาบนพวงแก้มออกให้ด้วยชิมน้ำตาของเมียด้วยหัวใจร้าวราน

“ฮืออ..นุชไปด้วย..ฮืออ..พี่เดชกลับมา” นุสบาไม่ยอมปล่อยแขนที่กระชับโอบเอวสามี เธอยิ่งกอดแน่นร่างบางพยายามที่จะเข้าไปซบและแนบชิดร่างหนา

“มะ..ไม่ดื้อกับพี่นะคนดี” เสียงเขาสั่นเมื่อเห็นเมียไม่ยอมปล่อยมืออจากมือเขา อัครเดชปวดหนึบที่กลางใจเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้และคลาบน้ำตาของเมียมันช่างเหมือนน้ำกรดลดบนดวงใจให้เหวะหวะปวดแสบปวดร้อนเสียเหลือเกิน

“ฮืออ..พี่เดชอย่าไป..รอนุชด้วย” ร่างบอบบางฉุดรั้งยื้อร่างหนาไม่อยู่เพราะแรงน้อยนิด เธอวิ่งตามรถที่ขับแล่นห่างออกไป..นุสบาหอบเหนื่อยสะอึกสะอื้นทรุดนั่งเกลือกกลิ้งกองไปกับพื้นดินดวงใจแตกละเอียดเจ็บปวดไปทั้งทรวงอก ดวงหน้าหวานอาบด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสายดวงตากลมโตสั่นระริกมองท้ายรถกระบะที่สามีนั่งอยู่ เขาก็หันมามองเธออยู่เหมือนกันต่างคนต่างมองสื่อความหมายเดียวกันจนรถเจ้าหน้าที่วิ่งลับหายไปจนสุดสายตาของกันและกัน…

ครืนนน!..เปรี้ยงง!!!..

เสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ไหนจะบานหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ก็หลุดออกจากกันลมฟ้าลมฝนพัดกระทบหน้าต่างเสียงดังปังปัง

“กรี๊ดดด!!!..พี่เดชขานุชกลัว” นุสบาส่งเสียงกรีดร้องหวาดกลัวเก็บเสียงไว้ในทรวงอก เธอนั่งชันหัวเข่าแขนข้างหนึ่งงกอดลูกแมวตัวเดียวไว้แน่นเพื่อเป็นเพื่อน หญิงสาวซุกร่างสั่นกลัวติดข้างฝาด้านหัวที่นอนไม่กล้าขยับตัวลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างเพราะกลัวความมืดเรียวมือน้อยที่ว่างควานหาโคมไฟข้างที่นอนแล้วเปิดให้แสงไฟสว่างแต่ไฟฟ้าคงจะดับมันยิ่งเพิ่มพูนความหวาดกลัวมากขึ้นให้กับหญิงสาว

“ไหนพี่เดชบอกจะกลับมาทานข้าวเที่ยงไง..ฮืออ..นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะทำไมพี่เดชยังไม่กลับมา” ซบใบหน้าแนบหัวเขาหลับตาปิดหูไม่อยากได้ยินเสียงคำรามสั่นไหว เธอหวีดร้องส่งเสียงแข่งกับเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องดังสนั่นจนทำให้บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือน ไม่ต่างกันกับใครอีกคนที่ไม่สามารถที่จะออกไปจากตรงนี้ได้…

“นุช..พี่ขอโทษ” อัครเดชยืนดวงหน้าดูเหน็ดเหนื่อยเคร่งเครียดดึกดื่นจะตีสามแล้วแต่เขาไม่สามารถที่จะข่มตาให้หลับลงได้ ร่างโตเอาแต่ยืนเป็นหุ่นตัวแข็งมือเรียวใหญ่ทั้งสองข้างยังจับเกาะกรงเหล็กห้องขังไว้แน่น ดวงตาเข้มมีน้ำตาซึม มันเจ็บปวดไปทั้งขอบตามองผ่านความมืดออกไปด้านนอก มองเห็นลมพัดรุนแรงจนใบไม้ต้นไม้หักล้มขนาดนี่ ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงน้องน้อย เมียของเขาจะอยู่ได้อย่างไรเสียงของฟ้าผ่าฟ้าร้องดังสนั่นช่างเหมือนเสียงกรีดร้องของหญิงสาวเหลือเกิน คนตัวโตได้แต่เจ็บปวดทรมานหัวใจเป็นห่วงดวงใจของเขาป่านนี่เธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ......

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel