ตอน "จุดที่จ้องจาก(2)" 2
“พิ..พี่เดช” เสียงแหบแห้งขาดน้ำหล่อเลี้ยงลำคอให้ชุ่มชื้นเปรยสั่นเครือติดขัดเป็นคำแรกที่เอื้อนเอ่ยหาและต้องการเห็นหน้ามากที่สุดในยามที่เจ้าหล่อนฟื้นขึ้น ‘คือสามี’ นุสบาพยายามกะพริบเปลือกตาที่หนักอึ่งปรับให้เข้ากับแสงสว่าง
“นุช!..เป็นยังไงบ้าง?” พัชราภายืนเฝ้าคนไข้อยู่ข้างเตียง เธอกำลังปรับสำรวจกระปุกน้ำเกลือแล้วหันไปมองร่างน้อยที่นอนหมดแต่เมื่อเช้าวาน
“พิ..พี่ภา..นุชเป็นอะไรคะ ทำไมนุชมานอนอยู่ที่นี่คะ?” นุสบายังมึนงงเอียงศีรษะที่ปวดร้าวมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่
“เมื่อเช้าวานนุชเป็นลมไง จำไม่ได้เหรอจ๊ะ..”
“เป็นลมเมื่อวาน” นุสบาขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วจะก้าวลงจากเตียง เธอต้องกลับบ้านไปทำอาหารเช้าให้สามีป่านนี้พี่เดชของเธอคงจะหิวและรอเธอเป็นแน่
“นุชอย่าขยับตัว นอนเฉยๆอย่าดิ้นเดี๋ยวจะกระทบกระเทือนถึงลูก” พัชราภารีบเดินเข้าไปช่วยคนป่วย เธอรั้งแขนคนป่วยไว้แล้วดันให้ร่างของนุสบานอนลงพร้อมทั้งปรับเตียงคนไข้ให้แล้วซ้อนหมอนรองหลังให้คนป่วยได้พิง
“ละ..ลูก..พี่ภา..ลูกของนุชเป็นอะไร?” น้ำตาคลอหัวใจแทบขาดเมื่อได้ยินคำว่าลูก ดวงหน้าขาวซีดพยายามจะไม่ร้องไห้ให้เพื่อนร่วมงานเห็นดวงตาที่กักกลั้นน้ำตาไว้นั้นแดงช้ำเงยมองหน้าพัชราภาแล้วก้มมองท้องของตัวเองไหนจะตรงข้อมือบางที่มีเข็มน้ำเกลืออีก
“นอนนิ่งๆ เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจนุชอีกที” พัชราภาไม่อยากจะเป็นคนบอกเกี่ยวกับเด็กในท้อง เธอได้แต่ห้ามเตือนบอกให้คุณแม่ที่อาจจะต้องเสียลูกในท้องไปถ้าเธอไม่คิดที่จะทำตามคำสั่งของแพทย์…
สี่วันต่อมา..ที่โรงพัก..
“นายอัครเดช หงส์วิภา” นายคุมขังเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องขังแล้วเอ่ยชื่อของชายหนุ่ม
“ผมเองครับ” อัครเดชที่นั่งอยู่อีกมุมของห้องขัง เขารีบดีดตัวลุกขึ้นเดินไปยืนเกาะกรงเหล็กดวงหน้าสีเข้มมีความหวังอยากเห็นหน้าเมียหลังจากที่เขาไล่น้องน้อยวันนั้นเจ้าหล่อนก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมเยือนกันอีกเลยแววตาอันคล้ำเพราะอดนอนก็สอดส่องมองออกไปข้างนอกในใจคิดว่าเมียเขาต้องมาเยี่ยมเขาแน่วันนี้
“มีญาติมาประกันตัวคุณแล้ว..ออกมาได้” นายคุมกล่าวเสร็จก็ไขกุญแจห้องขัง
“มีญาติมาประกันตัว” อัครเดชยังยืนงุนงงหูฝาดไปหรือเปล่า ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าหน้าที่คุมขังไม่กล้าที่จะเดินออกจากห้องขัง
“ตามเจ้าหน้าที่ออกไปเซ็นเอกสารด้วย” นายคุมท่านหนึ่งสะกิดให้อัครเดชรู้สึกตัว
“ผมอยากทราบครับใครมาประกันตัวผมครับ แล้วคนที่มาประกันตัวผมเขาอยู่ไหนครับ” ยังนั่งงงมองเอกสารมือที่จับปากกาก็สั่นไม่กล้าที่จะเซ็นรับอะไรอีกแล้ว เพราะเขากลัว ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่เข้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้ก็เพราะเซ็นเอกสารโดยที่ไม่ได้อ่านและตรวจดูให้แน่ใจก่อนถึงต้องได้เข้ามานอนกินข้าวแดงในห้องขังแบบนี้
“ผมไม่ทราบครับ เขาบอกว่าเป็นญาติคุณ เซ็นตรงนี้นะครับ” เจ้าหน้าที่เงยจากเอกสารที่เขาเตรียมไว้มองหน้าชายหนุ่มแล้วชี้ให้อัครเดชเซ็น
“ครับ” สองจิตสองใจที่จะเซ็น เขายังสงสัยอยู่ว่าใครมาประกันตัวแต่ด้วยหัวใจที่อยากออกจากที่นี่ไปหาเมียรักหนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ถูกกักขังมันทรมานหัวใจสุดๆมือหนาสั่นเทาจรดปลายปากกาลงนามของตัวเอง
“เก็บเอกสารนี้ไว้แล้วตามเจ้าหน้าที่ออกไปรับของที่เป็นของคุณด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่ทำการเซ็นลายลักอักษรตรีประทับตราแล้วยื่นเอกสารส่วนที่เป็นของเขาให้ แล้วชี้แนะให้อัครเดชเดินตามเจ้าหน้าที่อีกคนไปอีกห้อง
“ครับ..ขอบคุณครับ” อัครเดชยกมือไหว้นายตำรวจแล้วเดินไปเอาของที่เป็นส่วนของเขาที่ฝากไว้เมื่อครั้นเข้ามาอยู่ในนี้
อัครเดชเดินออกจากโรงพักเป็นอิสระแล้วมือของเขายังถือเอกสารแววตาสีนิลจับจ้องอ่านชื่อบุคลที่เป็นคนเสียเงินหลายแสนมาประกันตัวเขาออกจากห้องขัง ‘นายอินทัช เดชากรณ์’
“อินทัช เดชากรณ์..ใครวะ?!!” ความสงสัยถึงจะมากล้นแต่มันไม่เท่ากับความคิดถึงถวิลโหยหาเมียรักป่านนี้เจ้าหล่อนจะเป็นอย่างไรบ้างนะ เขาหัวใจพองโตอีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะได้เห็นและกอดน้องน้อย..อัครเดชวิ่งข้ามถนนไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิดแม้หนทางจากโรงพักถึงตลาดสดเป็นระยะทางไกลสองกิโลเมตร์ก็ตาม เขาหยุดวิ่งไปตามฟุตปาทเท้าใหญ่เดินลัดเลาะเข้าไปตามซอยเล็กของตลาดสดใบหน้าสีเข้มหันซ้ายแลขวามองหารถแล้วยกมือขึ้นกวักเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนตัวโตกระโดดขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขาสั่งเด็กหนุ่มเจ้าของรถให้ไปส่งยังจุดหมายปลายทางที่หัวใจเรียกร้องมาตลอดทั้งอาทิตย์ที่เขาอยู่ห่างเธอ ความรักความโหยหาสองหัวใจที่มีให้กันต่างฝ่ายต่างส่งใจหากันไม่ต่างกันเลยแม้นุสบาที่มีหัวใจรอคอยสามีตลอดทั้งวันเธอเฝ้ารอคอยเขาตลอดทุกลมหายใจเข้าออก...
“ขะ..ขอบคุณ..คุณหมอมากนะคะ” มือเรียวสั่นระริกปิดเครื่องมือสื่อสารด้วยหัวใจที่เจ็บลึก ร่างบางหอบเหนื่อยเท้าน้อยก็เอาแต่เดินวนเวียนรอบห้องนั่งเล่นแล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู เธอเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงจะยืนจึงทรุดนั่งลงบนขั้นบันไดดวงตาเจิ่งนองเต็มไปด้วยน้ำตาก็เอาแต่สอดส่องมองรั้วหน้าบ้านรอสามีกลับมา หล่อนนั่งเหม่อลอยด้วยหัวใจเจ็บร้าวยามนึกถึงสิ่งที่เธอจะสูญเสียและได้ขอร้องพร้อมทั้งรับขอเสนอของคุณหมออินทัช
“มะ..แม่ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้..ถ้าเราสองคนยังมีโอกาสแม่จะพาหนูกลับมาหาพ่อนะคะ” เสียงสั่นเครือเปรยออกมาด้วยความจุกทรวงอกมันปวดร้าวหัวใจ ใบหน้านวลก้มมองมือของตัวเองที่เอาแต่สัมผัสสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในท้องแบนราบด้วยความรักใคร่หวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
“คุณหมอต้องช่วยลูกของฉันนะคะ” เมื่อเห็นคุณหมออินทัชเดินเข้ามาในห้อง นุสบาก็รีบเอ่ยขอร้องหมอทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้หมอบอกอาการป่วยของตัวเอง
“ผมเป็นหมอ ผมก็พร้อมที่จะรักษาคนไข้ให้หาย แต่ถ้าคนไข้ไม่ร่วมมือด้วยผมก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้” หมอหนุ่มเปล่งเสียงเข้มแกมตำหนิคนป่วย
“คุณหมอจะให้ฉันทำอย่างไร ฉันยอมทำตามขอแค่ให้ช่วยชีวิตลูกในท้องของฉันด้วย” ปากคอสั่นยามพูดขอร้องหมอหนุ่มตรงหน้า
“ผมไม่อยากจะพูดให้คุณกลัวแต่คุณรู้ไหมอาการป่วยของคุณน่ะ ผมตรวจเอ็กซเรย์ดูแล้วก้อนเนื้อใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้คุณนุชมีปัญหาอะไร ทำไมไม่มารักษาและรับยาไปทานตามที่หมอบอก” เสียงของหมออินทัชดูเคร่งเครียดกับอาการป่วยของนุสบา
“ฉะ..ฉัน..” ร่างบางสั่นไหวเพราะเธอสะอื้น เจ้าหล่อนร้องให้ในใจไม่กล้าเปล่งเสียงร้องออกมา ดวงหน้าอาบไปด้วยน้ำตาไหลหยดลงสู่มือน้อยที่กำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกได้ว่าเปียกชื้นไปตามง่ามนิ้ว
“คุณรู้ตัวไหมอาการป่วยของคุณตอนนี้แย่ลงเรื่อยๆ ถ้าคุณไม่รักษาหรือทำตามหมอแนะนำคุณและเด็กในท้องอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทั้งสองคน” หมออินทัชพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจและไม่กลัวว่าคนไข้จะเสียขวัญเลย เขายืนอยู่ปลายเตียงคนไข้มือก็ยังถือแฟ้มเอ็กซเรย์ แววตาของเขาตัดพ้อจับจ้องมองร่างบางที่เอาแต่นั่งน้ำตาไหลรินอยากจะเดินเข้าไปหาแล้วรั้งร่างบอบบางเข้ามาสู่อ้อมกอดปลอบขวัญเธอ
“ค่ะ..คุณหมอ..คุณหมอต้องช่วยลูกของฉันนะ ช่วยลูกฉันด้วย” ดวงตากลมโตพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา เธอเงยหน้ามองหมอได้แต่เอ่ยย้ำคำเดิมๆเหมือนคนคนขาดสติ
“ผมพร้อมที่จะช่วยคุณ ถ้าคุณพร้อมที่จะรักษาตัวเองและลูกของคุณ” หมออินทัชหัวเสียเปล่งเสียงเข้มดุดันโกรธเคือง หญิงสาว
“คนเงินเดือนน้อยนิดอย่างฉันไม่มีเงินพอที่จะรักษาตัวเองให้หายหรอกค่ะ” นุสบาก้มหน้าสายศีรษะไปมาดวงตาแดงช้ำเพราะเอาแต่ร้องไห้มองมือที่กุมหน้าท้อง นึกสมเพชตัวเองทำไมชะตาชีวิตของเธอต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้
“ผมช่วยคุณได้ ถ้าคุณนุชไม่คิดอะไร” คุณหมอหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วทรุดตัวนั่งลงบนของเตียง มือเรียวใหญ่ยื่นไปแตะปลายคางมนดันให้เงยขึ้น
“ฉันคงไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้คุณหมอได้หรอก” เรียวปากบางสั่นระริกเปรยเสียงแผ่วเบา
“ยัยนัสยังรอคุณนุชอยู่ ถ้าคุณนุชตกลงทุกอย่างผมจะจัดการให้ ไม่ว่าจะเรื่องสามีของคุณ” เพราะหัวใจไม่รักดีแอบรักเมียชาวบ้านเลยยื่นขอเสนอให้คนป่วยใกล้ตายจนมุม
“คุณหมอทราบ!” เงยหน้าอันปวดร้าวเจ็บลึกในขั้วหัวใจ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคุณหมอหนุ่มตรงหน้าคิดกับเธอแบบไหน ดวงตาสีดำขำถูกหยาดน้ำตาบดบังสั่นไหวระริกพยายามกะพริมมองหมออินทัช
“ผมรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตัวคุณ” ใจเรียกร้องอยากแตะต้องร่างกายของเจ้าหล่อน และปลอบโยนเลยตัดสินใจยื่นมือเรียวใหญ่เกลี่ยน้ำตาอุ่นร้อนออกจากพวงแก้มขาวไร้สีเลือด เช็ดแล้วเช็ดอีกอยู่อย่างนั้น
“ฉะ..ฉันไม่มีทางอื่นเลยใช่ไหม?” นุสบารีบก้มหน้าหลบสายตาของหมอเธอไม่อยากมองและไม่อยากให้หมอมารักและไม่อยากให้เขาผิดหวังเพราะในห่วงหัวใจของเธอไม่มีที่ว่างให้กับใครอีกแล้ว ทุกสี่ห้องหัวใจเต็มไปด้วยสามีของเธอคนเดียว
“ผมจะช่วยคุณทุกเรื่อง ถ้าคุณนุชพร้อมที่จะทำตามข้อเสนอของผม” คุณหมออินทัชหักห้ามใจตัวเองไม่ได้คนเจ้าเล่ห์แผนสูงหลอกล่อหวังสักวันคงได้ครอบครองหัวใจของเธอมาบ้างแค่น้อยนิดก็ยังดี
“ฮือออ” ร่างบางสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นไม่อยากจะมองหน้าหมอ หล่อนอับจนได้แต่ก้มหน้าใช้เรียวมือทั้งสองข้างปกปิดใบหน้าอันรันทดอดสูอับจนขนาดนี้เลยหรือ..เธอพยักใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาตอบรับเขาไปด้วยหัวใจแตกละเอียด…
