บทที่3 ตอน "จุดที่ต้องจาก" 1
สองอาทิตย์ต่อมา..
กรี๊งงง!!..กรี๊งงง!!..
“ใครมากดกริ่งดังเรียกแต่เช้าคะพี่เดช?” คนร่างบางนั่งพับเพียบหวีผมจัดทรงแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตั้งพื้น เธอเงยหน้ามองสามีผ่านบานกระจกแล้วเหลือบมองใบหน้าของตัวเอง..นุสบายกมือขึ้นลูบพวงแก้มที่ดูอย่างไรก็ไร้สีเลือดแล้วผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนทุกวันนี้ก็ไม่เคยที่จะเข้าไปรับยาและตรวจดูอาการที่เป็นอยู่เลย วันนี้ก็เช่นกันครบกำหนดตรวจสุขภาพและรับยา
นุสบาได้แต่นั่งเหม่อลอยดวงตากลมโตจ้องมองร่างกายและผิวพรรณของตัวเอง..เจ้าหล่อนไม่อยากเอาเงินที่มีอยู่ในธนาคารที่เหลือน้อยนิดออกมาใช้จ่ายเป็นค่ารักษาโรคบ้าบอของตัวเอง
“นั่นสิครับ” คนตัวโตยืนเปลือยกายท่อนบนกำลังใส่กางเกงยีนอยู่ข้างตู้ เขาหันมามองเมียแล้วเดินไปที่หน้าต่างดวงตาสีเข้มก็เพ่งมองหน้าบ้าน แปลกใจอย่างมากที่เห็นไปรษณีย์ยืนอยู่หน้าบ้าน
“ใครเหรอคะ?” ร่างบางหันมองสามีแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวใหญ่ออกมาถือไว้แล้วเดินเข้าไปหาคนตัวสูง เธอช่วยชายหนุ่มใส่เสื้อติดกระดุมให้
“เดี๋ยวพี่ลงไปดูเองนะครับ” คนตัวโตยืนก้มมองเสี้ยวหน้าของเมียที่สาระวนติดกระดุมเสื้อให้ กลิ่นสาบสาวและความหวานใสของคนตัวบางทำให้คนเจ้าเล่ห์หน้าหื่นยกมือขึ้นนิ้วชี้เรียวใหญ่แตะลงบนปลายคางมนดันให้ใบหน้านวลผ่องแหงนขึ้นมอง ใบหน้าคมคายโน้มเข้าหาเอ่ยเสียงกระซิบชิดเรียวปากบาง
“พิ..พี่เดช..อยะ..อย่าค่ะ” มือเรียวบางสั่นจับรั้งปกคอเสื้อเชิ้ตของสามีไว้แน่นช่วยเป็นที่ยึดพร้อมทั้งเขย่งปลายเท้าน้อยทำตัวให้สูงจะได้รองรับสัมผัสอันเร่าร้อนของสามี ร่างแน่งน้อยสั่นไหวแค่จุมพิตลงทัณฑ์เล็กน้อยก็ยืนแทบไม่ติดพื้นร่างน้อยระทวยถ้าไม่มีวงแขนแกร่งโอบไว้มีหวังได้ทรุดนอนกองกับพื้นแน่ ถ้าไม่ดันหน้าเขาออกห่าง ‘มีหวังได้ขาดใจตายเพราะจุมพิตมีประสมการณ์ของเขาแน่’…
หลังจากเซ็นรับเอกสารจากบุรุษไปรษณีย์เรียบร้อยแล้ว..อัครเดชก็เดินเข้าบ้านไปยืนที่โต๊ะทำงานในห้องรับแขก..เขามองซองสีน้ำตาลด้วยความแปลกใจมือเรียวใหญ่สั่นเทาเมื่อฉีกจดหมายอ่านข้อความไปได้นิดเดียวก็แทบล้มทั้งยืนร่างโตทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานเมื่ออ่านเอกสารจากหมายศาล
“หนึ่งล้านบาท!..เฮ้ยเป็นไปได้ไง!!” ใบหน้าเคร่งเครียดมองตัวเลขในจดหมาย นี่เขากลายเป็นคนมีหนี้สินตั้งแต่เมื่อไรทำไมมันเยอะมากมายขนาดนี้
“ใครมาเหรอคะพี่เดช?” หญิงสาวหอบเหนื่อยยืนสะพายกระเป๋าใบกระทัดรัด เจ้าตัวรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นเกาะราวบันไดขั้นสุดท้ายไว้เมื่อความมึนวิงเวียนปวดตุบๆ ที่กลางกระหม่อมมันร้าวอีกแล้วยาแก้ปวดที่ซื้อมากินเองก็กินแล้วนี่ทำไมมันยังหนักอึ้งแบบนี้
“ใครไม่รู้ครับมาถามหาคนในหมู่บ้านเราน่ะ” อัครเดชผงกหัวขึ้นจากเอกสารเหลือบตามองเมียที่ยืนอยู่บันได เขารีบพับซองเอกสารเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานส่วนจดหมายนั้นได้ซุกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์
“วันนี้พี่เดชไม่ต้องไปรับนุชนะคะ” ร่างบางฝืนทนเดินเข้าไปหยุดนั่งยองๆมองเจ้าเหมียวที่ขดตัวนอนอยู่ในตะกร้าผ้าเรียวมือสวยลูบขนปุยของเจ้าเหมียว
เมี้ยวว..เมี้ยวว” เจ้าเหมียวร้องออดอ้อนเมื่อรู้สึกตัวและได้กลิ่นน้ำนมที่เจ้านายเทลงในชาม
“ทำไมครับ?” ดวงตาสีเข้มมองเมียตัวน้อยนี่เขาไม่เคยสังเกตดูร่างบอบบางนี่สักนิดทำไมเจ้าหล่อนดูแปลกๆร่างบางลดหุ่นหรือไงทำไมเมียรักผอมจัง ‘นึกสงสัยแต่ก็ไม่อยากถามเพราะรู้ว่าเจ้าหล่อนไม่อยากอ้วน’
“นุชจะทำโอแทนพี่ภาอยู่จนถึงเช้าพรุ่งนี้คะ” ร่างน้อยฝืนยิ้มให้สามีทั้งปวดร้าวไปทั้งหัว หล่อนลุกขึ้นแล้วก้าวเดินอย่างช้าๆเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน
“งั้นพี่จะไปรับนุชตอนเช้ากลับบ้านพร้อมกันนะครับ” มือใหญ่รีบรั้งร่างน้อยเข้ามาหาแล้วอุ้มเมียเข้ามานั่งทับบนหน้าตัก วงแขนแกร่งกอดกระชับเอวคอดกิ่ว ดวงหน้าคมคายเคร่งขรึมมีริ้วรอยความกังวลรีบซุกหน้าแนบลงบนทรวงอกอิ่ม
“พี่เดชไม่ต้องไปรับนุชก็ได้ค่ะ เสียเวลานอนพักผ่อนรอนุชที่บ้านดีกว่าค่ะ” ร่างบางนั่งเบี่ยง เธอขยับตัวและเอียงหน้าหวานมองสามีแขนข้างหนึ่งโอบต้นคอหนาส่วนอีกข้างก็จับคอเสื้อเชิ้ตของเขาให้อยู่ทรง
“ไม่มีนุชนอนด้วยพี่นอนไม่หลับหรอกครับ..”
“พี่เดช!!” เปล่งเสียงเขียวแล้วดันหน้าของสามีออกจากทรวงอกพร้อมทั้งส่งแววตาหวงแหนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มค้นหาเอาความจริงจากเขา
“นุช!!..อย่ามองหน้าพี่แบบนั้นสิครับ” คนหน้าหล่อยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างภูมิใจที่เมียหึงหวง
“พี่เดชพูดเหมือนจะไม่กลับบ้านนี่คะ จะไปไหนคะ?” ใบหน้าหวานงอง้ำ
“พี่จะอยู่ทำงานที่บริษัท จะเคลียร์งานเก่าให้เสร็จนะครับ ไม่คิดจะไปไหนเลย มีเมียสวยหวานแบบนี้จะให้พี่ไปหาใครอีกละครับ” กระซิบเสียงหยอกล้อ ดวงหน้าคมคายยิ่งซุกไซ้ดมกลิ่นหอมอ่อนจากทรวงอกอิ่ม
“งานเยอะหรือคะ?” ดวงหน้าหวานร้อนวูบวาบเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยเกี้ยวพาไหนจะลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่เป่าลดผิวเสื้อผ่านเข้าหาเนื้อนุ่ม หล่อนเขินอายรีบซบลงบนศีรษะของสามีเปรยเสียงกระซิบถามด้วยความห่วงใยไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องหักโหมทำงานหนักรู้ว่าสามีเหนื่อยเพื่อเธอและครอบครัว แขนสลวยทั้งสองข้างโอบกอดคล้องคอหนาไว้ด้วยความรักที่มันล้นทรวงอยากทำงานแบ่งเบาภาระ
“นิดหน่อยครับ” กระซิบบอกทั้งที่มันไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด..คนไร้งานอย่างเขาได้แต่เก็บความทุกข์ไว้ในอกไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยเล่าให้เมียรักฟัง
“นุชขอโทษนะคะ” เรียวปากบางจูบลงบนกลางกระหม่อมของสามี ปลายจมูกจรดกดจูบสูดดมความหอมของเส้นผมหนานุ่ม
“พี่รักนุชรักมากเหลือเกิน..รักจนไม่คิดรักใครอีกแล้ว” กระซิบเสียงเข้มยืนยันความรักที่เขามีให้หญิงสาวเพียงคนเดียวชิดทรวงอกอิ่ม..อัครเดชไม่ต้องการให้เมียมารับรู้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง เขาจะไม่ยอมให้เมียต้องมีกังวลเรื่องนี้แน่
“พี่เดชขา..นุชก็รักพี่เดชค่ะ ถ้าวันไหนนุชหมดรักพี่เดชก็แสดงว่าหัวใจของนุชมันหยุดเต้นและตายจากโลกนี้ไปแล้วค่ะ” ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าตา เสียงเปรยของเธอฟังดูติดขัดหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเอ่ยถึงความตาย กระซิบเสียงอยู่ในใจบอกตัวเองว่าเธอไม่อยากตาย
“ทำไมพูดถึงความตายบ่อยจังครับช่วงนี้ พี่ฟังแล้วหดหู่ใจนะ” ผงกหัวออกจากอกอิ่ม มือเรียวใหญ่ทั้งสองข้างสอดเข้าโอบอุ้มดวงหน้าหวานให้มองตากัน
“คนเราเกิดมาก็ต้องตายค่ะไม่ว่านุชหรือพี่เดชหรือใครก็ต้องตาย..ถ้าวันหนึ่งพี่เดชตื่นขึ้นมาไม่เห็นนุชพี่เดชอย่าเสียใจอย่ารอนุชนะคะ” เรียวปากบางสั่นระริกพูดไม่หมดประโยคก็ต้องหยุดคำพูดที่มันทรมานหัวใจเก็บไว้ในห่วงลึกของหัวใจที่มันปวดร้าว..นุสบาฝืนยิ้มทั้งที่เรียวปากสั่นระริกต้องใช้ฟันด้านบนกัดริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตามองหน้าสามี
“ชู่วว..ไม่พูดนะครับพี่ไม่อยากให้นุชคิดเรื่องหดหู่แบบนี้เดี๋ยวจะไปกระทบถึงลูกในท้องนะคนดี” มือใหญ่ทั้งสองข้างยังโอบพวงแก้มหวานรั้งให้เข้ามาชิดกันปลายจมูกชนกัน เขาเช็ดน้ำตาให้เมียด้วยเรียวปากสีน้ำตาลบนดวงตากลมโต
“วันเสาร์พี่เดชพานุชไปไหว้ยายนะคะ ถือโอกาสเยี่ยมหลวงตาที่วัดด้วยค่ะ” กระซิบเสียงสั่นเครือชิดเรียวปากของสามีที่เอาแต่พรมจุมพิตไปตามดวงหน้า
“เอาสิครับ ไปกราบหลวงตาขอพรให้นุชกับลูกแข็งแรงก็ดีเหมือนกันนะครับ” กลั้นใจผลักเรียวปากออกจากการจูบมาราธอนเพราะรับรู้ได้ว่าเมียตัวหอมกำลังขาดอากาศหายใจ
“ค..คะ” ดวงหน้าหวานเปล่งปลั่งแดงระเรื่อเหมือนลูกตำลึงสุก พยายามเปิดเปลือกตามองหน้าสามีทรวงอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงเพราะเจ้าหล่อนต้องสูดเอาอากาศบริสุทธิ์หายใจเข้าปอด
“พี่อยากทำงานมีเงินเยอะจะได้พานุชออกไปจากห้องเช้าซอมซ่อนี่เสียที” ดวงตาสีเข้มจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตดำขำคู่นั้น สื่อให้เจ้าหล่อนรับรู้ว่าเขารักและหวงแหนเธอมากยิ่งกว่าชีวิตของเขา
“จะข้างถนนหรือที่ไหนถ้าที่นั่นมีพี่เดช นุชอยู่ได้ค่ะ” คนตัวบางตอบด้วยหัวใจเต็มล้นแห่งความรักที่เธอมีให้กับสามี ไม่ว่าจะอยู่ทุกข์ขนาดไหนถ้ามีเขาเคียงข้างเธอก็พร้อมที่จะก้าวเดินตามรอยเท้าของเขาตราบจนชีวิตของเธอจะดับแสง
“พี่ไม่อยากให้นุชทำงานเลย” ดวงตาสีเข้มหลับตาลงไม่อยากสบสายตาของเมีย เขาซุกใบหน้าอันเจ็บร้าวตรงขั้วหัวใจเข้าหาทรวงอกอวบอีกครั้งมันทรมานเหลือเกินที่ต้องมาเป็นหนีสิ้นแบบนี้ นี่เขาไม่สามารถที่จะทำตามคำพูดของตัวเองได้
“นุชอยากช่วยพี่เดชทำงานหาเงินเราจะได้ออกไปจากตรงนี้เร็วๆ ไงคะ” ปลายคางมนซบลงบนศีรษะของสามี เรียวปากบางกระซิบชิดบนเส้นผมดกดำนั้นด้วยความรักห่วงหาเขาทุกลมหายใจ ไม่อยากสร้างความกังวลใจให้กับชายหนุ่มจึงต้องทนหน่วงไปทั้งกระหม่อม เธอก็พร้อมยอมยิ้มให้คนที่เธอรัก…
