ตอน "สุขได้ก็ทุกข์ได้" 3
บ่ายสามที่สระบุรี..
“พี่เดชคะ?!!..พื้นที่หวงห้ามนะคะพานุชเข้ามาทำไม” นุสบายังนั่งคร่อมซ้อนท้ายอยู่ด้านหลังของสามีแขนสลวยยังโอบกอดรอบเอวสอบ ใบหน้าหวานที่หลบซ้อนอยู่ในหมวกกันน็อกหันมองสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าเขียวขจีบรรยากาศช่างบริสุทธ์ดีเหลือเกิน นึกสงสัยว่าอัครเดชพาเธอมาที่นี่ทำไม
“ลงสิครับ”เอียงหน้ามองหญิงสาวบอกให้เมียลงจากรถแล้วบึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปจอดตรงต้นไม้ใหญ่ถอดหมวกวางไว้บนถังน้ำมันแล้วเปิดเบาะรถไม่ลืมที่จะหยิบเอากระเป๋าใส่อาหารสะพายแววตาเข้มก็ชำเลืองงมองเมียด้วยความรัก ชายหนุ่มก้าวเดินมาหาเมียที่ยังยืนอยู่ที่เดิมนึกขำในท่าทีของหญิงสาว
“เข้ามาแบบไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้ ถ้าเจ้าของเขาเห็นมีหวังโดนข้อหาว่าเรามาบุกรุกที่ทางของเขาเอานะคะ” ร่างน้อยยืนนิ่งให้สามีถอดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะให้ หันซ้ายแลขวาดวงหน้าหวาดระแวงกลัวเจ้าของที่มาเห็น
“ไปตรงโน้นนะครับ พี่จะพาไปดูอะไรรับรองนุชต้องชอบแน่ครับ” อัครเดชยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับหญิงสาว เขาจับเส้นผมยาวเงาดำขำที่ถักเปียเบี่ยงข้างจัดทรงให้เข้าที่เข้าทางแล้วถอดหมวกแก็บของตัวเองสวมใส่ให้เจ้าหล่อน
“พี่เดชขากลับเถอะค่ะ..นุชกลัว” เงยหน้ามองแผ่นหลังชายหนุ่มพร้อมทั้งดึงมือของตัวเองออกจากมือใหญ่..นุสบาได้แต่เดินตามหลังของสามีดวงตากลมโตก็สำรวจสิ่งแวดล้อมข้างทาง รอยเท้าบางเหยียบลงบนรอยเท้าใหญ่ทุกก้าวที่เดินออกหน้า
“จะถึงแล้วที่รัก ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ?” คนตัวโตหันมายิ้มเล็กน้อยให้กับคนตัวน้อยกระซิบเสียงแผ่วเบาเท้าหนาก็เดินย่ำลงบนพื้นดินปูทางให้เมียเดินเพราะทางที่เดินนั้นมีแต่ก่อหญ้าและก้อนหินก้อนทราย
“เสียงน้ำไหล” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองสามี เธอหยุดชะงักฟังเสียงที่ดังซ่าๆอยู่ด้านหน้า
“เดินต่อนะครับ ใกล้ถึงละ”กระชับเรียวมือบางประสานสอดนิ้วเข้าหากันพาเธอเดินมาหยุดตรงน้ำตกเล็กๆ
“อากาศเย็นสบายจังพี่เดช” ปล่อยมือจากมือสามีแล้วก้าวเดินไปยังริมน้ำนุสบายืนกอดอกใบหน้าหวานมองสายน้ำใสสอาดไหลเป็นสาย
“ชอบไหมครับ” ร่างใหญ่เดินเข้าไปยืนแนบชิดอยู่ด้านหลังของเจ้าหล่อนเกยคางหนาลงบนกลางกระหม่อมบางเขายกแขนขึ้นข้างหนึ่งโอบช่วงหัวไหล่บางส่วนอีกข้างก็ชี้ให้หญิงสาวดูความสมบูรณ์ของพื้นที่
“ชอบค่ะ อากาศน่าอยู่มากเลยนี่ถ้ามีบ้านพักหลังเล็กตรงนี้รับรองนุชคงนอนไม่ตื่นแน่ค่ะ” คนตัวน้อยเอียงหน้าแหงนมองปลายคางชายหนุ่ม แผ่นหลังบางซบกระแซะแนบชิดหน้าอกแกร่ง
“ที่รักฟังนะครับ..ที่ดินตรงนี้มันจะเป็นของเราพี่จะซื้อไว้สร้างบ้านเป็นเรือนหอและเป็นของขวัญต้อนรับลูกของเราที่จะเกิดมา” ก้มหน้าลงจูบลำคอระหงด้านข้างแผ่วเบาแล้วกระซิบเสียงเข้ม
“พี่เดช เราไม่มีเงินนะคะ ที่ดินสวยขนาดนี้คงแพงน่าดู เราจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อล่ะคะ..”
“ที่ดินตรงนี้มันเป็นของเรานะนุช พี่มีความรู้สึกแบบนั้น บอกพี่สิครับพื้นที่ตรงไหนที่นุชต้องการให้เป็นอะไรบ้าง” อัครเดชรั้งร่างของเมียให้หันมาหา เขาจับมือน้อยทั้งสองข้างยกขึ้นแตะเรียวปากหยักลงบนผิวนุ่มนิ่มดวงตาสีเข้มมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตดำขำคู่นั้น..อัครเดชพาเมียเดินสำรวจที่ทางเอ่ยถามและบอกตลอดว่าเขาจะสร้างอะไรต่อมิอะไรตรงนั้นตรงนี้ พอรู้สึกว่าคนตัวน้อยเหนื่อยเขาจึงพาเจ้าหล่อนเดินมานั่งเล่นบนสะพานไม้กลางน้ำ
ครืนน!!..เปรี้ยงงง!!..
เสียงฟ้าครวญครางน่ากลัวดังก้องติดๆ กันจนทำให้ร่างน้อยที่นั่งหย่อนขาบนสะพานไม้ เธอแหงนใบหน้าอันเต็มไปด้วยความสุขมองท้องฟ้ายกมือพร้อมทั้งแบรองรับเม็ดฝนที่หยดลงมาใส่เรียวมือสวย
“ว้ายย..พี่เดชฟ้าร้องน่ากลัวจัง” นุสบายกมือขึ้นปิดหูปิดตาพร้อมทั้งส่งเสียงหวีดร้องแข่งกับเสียงฟ้าฝ่าฟ้าแล่บอยู่ด้านหน้าแต่ไกล ดวงหน้าหวานหวาดกลัวหันมองหน้าสามีที่ไม่มีทีท่าจะเกรงกลัวอะไรเลย
“สงสัยฝนจะตกแน่เลย” อัครเดชยกแขนโอบกอดหัวไหล่บางไว้ปลอมขวัญ
“นุชกลัว เรากลับบ้านกันเถอะ” ขยับร่างอันสั่นกลัวเข้าหาอ้อมกอดของสามี
“พี่อยู่ตรงนี้ไม่ต้องกลัวนะครับ” เขารู้ว่าหญิงสาวกลัวเสียงฟ้าคำรามแบบนี้เลยก้มหน้าเข้าเรียวปากหยักจูบลงบนผิวหน้าผากมนปลอบขวัญน้องน้อยแล้วผลักออกดวงหน้าคมคายแหงนเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำมืดครื้มอึมครึม ร่างหนาขยับลุกพยุงร่างน้อยให้ยืนตามแล้วพากันก้าวเดินแต่ก็ต้องหยุดหันหลังมองเสียงที่ดังอยู่อีกฝั่ง
“พ่อหนุ่ม!” ชายชราหลังค่อมเล็กน้อยคนดูแลที่ดินแห่งนี้เดินออกมาจากดงป่า เขาแบกจอบเดินข้ามสะพานมาหาสองหนุ่มสาว
“สวัสดีครับคุณตา” อัครเดชปล่อยมือเมียแล้วเดินข้ามสะพานไม้ไปช่วยตาแก่ถือของเดินเข้ามาหาเมียที่ยังยืนอยู่ที่เดิมตรงขอบตลิ่ง
“พ่อหนุ่มเจอกันอีกแล้วนะ” ตาบัวเแบกจอบเดินตามหลังชายหนุ่มร่างกายของเขาหนาใหญ่กว่าชายชรามากนักที่พากันข้ามสะพาน
“คุณตาไปไหนมาครับ?..”
“ตาไปตรวจดูที่ดินที่ท้ายไร่มาน่ะ..”
“แล้วนั่นได้อะไรมาครับ ผมช่วยถือให้นะ” อัครเดชถามตาบัวที่เป็นคนดูแลที่ดินแห่งนี้ เขาสอบถามชายชราได้ความว่าเจ้าของต้องการที่จะขายที่ดินตรงนี่เพื่อย้ายไปอยู่ต่างประเทศ
“ได้หน่อไม้และผักในป่ามา” คนแก่เอ่ยตอบพร้อมทั้งหันไปมองนุสบาที่ยืนอยู่ข้างหลังอัครเดช
“แล้วนี่ตาจะไปไหนต่อครับ?” อัครเดชอยากจะพูดคุยกับคนแก่ เขาไม่อยากจะกลับบ้านตอนนี้
“กลับบ้านน่ะสิ..ป่านนี้ยายหอมคงจะรอแกงหน่อไม้ที่ตาหาอยู่แน่เลย แล้วนี่พ่อหนุ่มพาเมียมาดูที่เหรอ” ชายชราวัยเจ็ดสิบมองหน้านุสบาแล้วหันไปมองหน้าอัครเดชแล้วยิ้มให้จนเห็นฟันสีดำที่เกิดจากการเคี้ยวหมาก
“นุชนี่คุณตาคนดูแลที่ดินที่แห่งนี้นะครับ” อัครเดชมองหน้าชายชรายิ้มแหยๆให้ เขาอายตาแก่ที่มาที่นี่เกือบทุกอาทิตย์โดยการหันไปกระซิบบอกคนตัวน้อย
“สวัสดีคะคุณตา” นุสบายิ้มอย่างเป็นมิตรให้คนแก่แล้วรีบยกมือขึ้นทักสวัสดีชายชราทำตามสามีบอก
“ไหว้พระเถอะนังหนู ผัวเราน่ะมาดูที่ดินผืนนี่เกือบจะทุกวัน” ตาบัวรับไหว้หญิงสาวแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าเมื่อรู้สึกว่ามีหยดน้ำตกลงมากระทบผิวหน้าหยาบกร้าน
ครืนนน!!..
เสียงฟ้าร้องคำรามมาพร้อมเม็ดฝนหลายเม็ดที่ตกลงมาปรอยๆ กระทบใบไม้และดินเสียงดังเปาะแปะๆ
“พี่เดชฝนตกแล้วทำไงดีคะ” ร่างน้อยแนบตัวเข้าหาลำแขนของสามี มืออีกข้างกำกระชับแน่นที่เสื้อกันลมของสามีที่เสียสละให้เธอใส่
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ฝนมันคงไม่ตกจริงหรอกที่รัก” แขนใหญ่พาดลงบนไหล่บางรั้งกระชับวงแขนกอดเมียแล้วกระซิบเสียงเอ่ยปลอบใจ
“แต่ตาว่าฝนตั้งเค้าท้องฟ้ามืดมาแบบนี้..ตาว่าฝนตกยันเช้าแน่พ่อหนุ่ม ถ้าไม่รังเกียจกระท่อมน้อยของตาไปพักบ้านตาก่อนก็ได้นะ ฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับกัน” ชายชราเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านหน้าพร้อมทั้งยกมือหยาบกร้านชี้นิ้วให้อัครเดชดูความมืดของท้องฟ้า
“ขอบคุณมากครับ งั้นผมช่วยถือของนะครับ” อัครเดชหันมายิ้มยักคิ้วให้เมียแล้วหันไปมองชายชราตรงหน้า เขาอยากคุยสอบถามราคาที่ดินกับชายแก่อยู่แล้วจึงไม่คิดปฏิเสธคำชวน
“ไปนังหนู ฝนดำมืดมาโน้นแล้ว ขืนช้ากว่านี้เปียกไม่ต้องอาบน้ำกันแน่วันนี้” ตาบัวผู้ใจดีเดินมุ่งหน้านำทางสองผัวเมียหนุ่มสาวตรงไปยังท้ายป่าติดตีนเขาที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกมากนัก…
