บท
ตั้งค่า

ความรู้สึกนี้คืออะไร

"แม่ทัพฉิน" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงทรงพลัง "ด้วยความดีความชอบที่ท่านและตระกูลฉินได้ปกป้องชายแดนมาอย่างยาวนาน รวมถึงต้นตระกูลฉินก็เป็นเครือญาติของราชวงศ์ของเราด้วย เจิ้นขอพระราชทานรางวัลและตำแหน่งกั๋วกงให้แก่ท่าน เพื่อเป็นการตอบแทนความจงรักภักดีและความกล้าหาญของท่าน ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้"

แม่ทัพฉินไป๋เฟิงคุกเข่าลง "ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมและตระกูลฉินจะจงรักภักดีต่อฝ่าบาทและแผ่นดินตราบจนสิ้นลมหายใจ"

ฮ่องเต้ทรงพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัย "เราเชื่อมั่นในตัวท่าน แม่ทัพฉิน"

ข่าวการพระราชทานรางวัลและตำแหน่งให้แก่ตระกูลฉินแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง สร้างความยินดีให้กับประชาชนและขุนนางผู้จงรักภักดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้อยู่

เสนาบดีหลิน หรือ หลินฮุ่ย บิดาของหลินซูซิน กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธและอิจฉาริษยา

"ตระกูลฉิน!" เขาคำรามเสียงดัง "พวกมันคิดจะเทียบชั้นข้าหรือ ฝันไปเถอะ!"

หลินฮุ่ยทุบโต๊ะทำงานอย่างแรง ทำให้ข้าวของบนโต๊ะกระจัดกระจาย เขาไม่สามารถยอมรับได้ที่ตระกูลฉินของภรรยาเก่าจะมีอำนาจทัดเทียมกับเขา เขาเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง ผู้ควบคุมเศรษฐกิจของแคว้น เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครสามารถมาเทียบชั้นเขาได้

ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวลือเรื่องที่เขาเป็นคนมากรักก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปทั่ว การที่หลินซูซิน ลูกสาวของเขากลับมาถึงเมืองหลวงแต่กลับปฏิเสธที่จะไม่กลับบ้านยิ่งทำให้ข่าวลือมีมูลขึ้นมา

หลินฮุ่ยรู้ดีว่าข่าวลือเหล่านี้กำลังทำลายชื่อเสียงของเขาและตำแหน่งเสนาบดีของเขา เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้

"หลินซูซิน!" เขาพูดชื่อลูกสาวของเขาด้วยความเกลียดชัง "เจ้ามันตัวปัญหา และเจ้ากำลังจะทำลายตำแหน่งของข้า"

หลินฮุ่ยเดินไปมาในห้องทำงานอย่างกระวนกระวายใจ เขาคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี

ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก

"ใช่แล้ว!" เขาพูดกับตัวเอง "ข้าต้องพาหลินซูซินกลับมา นั่นเป็นทางเดียวที่จะหยุดข่าวลือเหล่านี้ได้"

หลินฮุ่ยรีบเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทของเขามา

"ไปตามหาหลินซูซิน บอกนางว่าข้าต้องการพบนาง" เขาออกคำสั่ง

"ขอรับ นายท่าน" บ่าวรับใช้รับคำสั่งและรีบออกไป

หลินฮุ่ยทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาหวังว่าหลินซูซินจะยอมกลับมา ถ้าไม่เช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

หลายวันผ่านไป หวังหมิงหลงยังคงรอคอยข่าวคราวของหญิงสาวผู้นั้น องค์รักษ์ที่เขาส่งออกไปตามหาต่างกลับมามือเปล่าทุกครั้ง ไม่มีใครพบเห็นหรือได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนางเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่านางได้หายตัวไปจากโลกนี้อย่างไรอย่างนั้น

องค์ชายห้าจากที่เคยเป็นที่รู้จักในนาม 'องค์ชายเจ้าสำราญ' บัดนี้กลับไม่ค่อยปรากฏกายในงานสังสรรค์หรือแม้แต่หอคณิกาที่เคยเป็นสถานที่โปรดปราน

สาวงามนางหนึ่งเยื้องย่างเข้ามาใกล้ หวังจะเชื้อเชิญองค์ชายห้าให้ร่วมวงสนทนา นางได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความหลงใหลในสตรีของเขามานักต่อนัก ว่ากันว่ามีสาวงามนอนใต้ร่างของเขานับไม่ถ้วน หากผู้ใดทำให้เขาพึงพอใจ ก็จะได้รางวัลมากมายมหาศาล นางจึงหมายมั่นว่าจะได้เป็นหนึ่งในหญิงสาวผู้โชคดีเหล่านั้น

แต่วันนี้ องค์ชายกลับดูแตกต่างไปจากที่เคยได้ยินมา ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้ม ราวกับมีเมฆหมอกปกคลุมดวงตาคมกริบ นางชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย

"องค์ชาย ท่านไม่สบายพระทัยหรือเพคะ" นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวานละมุน หวังว่าจะเรียกความสนใจจากเขาได้

หวังหมิงหลงส่ายหน้าเบาๆ "เปล่าหรอก ข้าแค่เหนื่อยนิดหน่อย" คำตอบของเขาเรียบเฉย ไร้ซึ่งความกระตือรือร้นใดๆ

สาวงามนางนั้นรู้สึกผิดหวังอย่างปิดไม่มิด แต่นางก็ยังคงรักษามารยาท "เช่นนั้น หม่อมฉันขออนุญาตไปก่อนนะเพคะ" นางโค้งคำนับอย่างงดงาม ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างเงียบๆ

หวังหมิงหลงถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่รู้สึกสนุกกับงานเลี้ยงเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาชอบที่จะมาสังสรรค์และพบปะผู้คน แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเบื่อหน่ายและอยากจะกลับไปอยู่คนเดียวเสียมากกว่า

แม้กระทั่งที่หอคณิกา ซึ่งเคยเป็นสถานที่โปรดปรานของเขา เขาก็ไม่สามารถหาความสุขได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะมีสาวงามมากมายมาปรนเปรอ แต่เขาก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือเร้าใจอีกต่อไป

"ข้าเป็นอะไรไป" เขาถามตัวเองในใจ

เขาเคยชินกับการได้ทุกอย่างที่ต้องการมาโดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ เงินทอง หรือแม้แต่สตรี แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป หญิงสาวที่เขาตกหลุมรักกลับเป็นดั่งเงาที่เขาไม่อาจสัมผัสได้

"หลี่เฉิน" เขาเรียกบ่าวคนสนิทของเขาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "ยังไม่มีข่าวคราวอะไรอีกหรือ"

หลี่เฉินก้มหน้าลง "ขออภัย พระองค์ ยังไม่มีใครพบเบาะแสของคุณหนูคนนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ"

หวังหมิงหลงถอนหายใจยาว เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงช้าๆ พยายามข่มความรู้สึกว้าวุ่นในใจ

ทันใดนั้นเอง หวังเยว่ซิน องค์หญิงเก้าก็เสด็จเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับข้ารับใช้ นางแย้มยิ้มสดใสเมื่อเห็นพี่ชาย

"น้องเก้า" หวังหมิงหลงเอ่ยทักน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

"เสด็จพี่" องค์หญิงเก้าถวายคำนับ ก่อนจะโบกมืออย่างเป็นกันเอง "น้องมาเยี่ยมพี่ต่างหาก เห็นว่าพี่มีปัญหากับเสด็จแม่"

"ขอบใจที่เป็นห่วงนะ น้องเก้า" หวังหมิงหลงยิ้มเจื่อนๆ

"พี่อย่ามาปิดบังน้องเลย" องค์หญิงเก้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "น้องรู้ว่าพี่กำลังมีเรื่องไม่สบายใจ หรือว่าพี่กำลังคิดถึงใครอยู่"

หวังหมิงหลงถอนหายใจ "น้องเก้า..." เขาไม่คิดว่าน้องสาวจะมองออก

องค์หญิงเก้าเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ พี่ชาย "พี่ห้า บอกน้องมาเถอะ น้องอาจจะช่วยพี่ได้"

หวังหมิงหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องหญิงสาวที่เขาพบเจอที่หอคณิกาให้น้องสาวฟัง เขาเล่าถึงการพบกันครั้งแรก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทันทีที่ได้เห็นนาง และความพยายามในการตามหานางที่ไร้ผล

หวังเยว่ซินฟังเรื่องราวของพี่ชายด้วยความตั้งใจ พลันสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน นำพากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกเหมยกุ้ยมาแตะจมูกของหวังหมิงหลง

"น้องเก้า เจ้าใช้เครื่องหอมกลิ่นดอกเหมยกุ้ยหรือ" เขาถามอย่างสงสัย กลิ่นหอมนี้ช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน

หวังเยว่ซินยิ้มกว้าง "ใช่แล้ว พี่ห้า น้องเพิ่งซื้อมาจากร้านเมื่อวานนี้เอง กลิ่นหอมถูกใจน้องมาก ร้านเพิ่งเปิดใหม่ในเมือง เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก ผิวขาวผ่อง ดวงตากลมโตราวกับกวางน้อย และผมยาวสลวยดุจแพรไหม น้องว่าหากพี่ห้าพบเจอนาง พี่น่าจะต้องชอบนางแน่ๆ เลย นางยังแนะนำเครื่องหอมกลิ่นดอกเหมยกุ้ยให้น้อง บอกว่าเป็นกลิ่นที่นางชอบมากที่สุด"

หวังหมิงหลงรู้สึกใจเต้นแรง เขาจำได้ว่าหญิงสาวคนนั้นมีกลิ่นดอกเหมยกุ้ยเช่นกัน คำบรรยายของน้องสาวก็ตรงกับหญิงสาวที่เขาเฝ้าตามหา

"น้องเก้า ขอบใจเจ้ามาก" เขาพูดอย่างตื่นเต้น ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "พี่จะลองไปดู"

เขาไม่รอช้า รีบตรงไปเปลี่ยนเป็นชุดที่ดูดีที่สุด ก่อนจะออกจากวังไปทันทีโดยไม่ลืมที่จะบอกลาหวังเยว่ซิน น้องสาวร่วมสายเลือดของเขา

หวังเยว่ซินมองพี่ชายด้วยรอยยิ้ม นางดีใจที่ในที่สุดพี่ชายของนางก็จะได้พบกับหญิงสาวที่เขาเฝ้ารอคอย เผื่อว่าเขาจะเลิกเที่ยวเตร่ตามหอคณิกาเสียที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel