บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 มีใครยังไม่ยอมอีกไหม

ทุกคนโมโหมาก ไป่หลี่ฮวาชนกระจกจนแตก เย่เทียนหลงวิ่งหนีทันที

เขาวิ่งเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดอยู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นลงมาด้านล่าง เห็นหลินเฉินเสวี่ยกดวางสายแล้วสตาร์ทรถ

เขารีบเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง

หลินเฉินเสวี่ยเอ่ยเสียงเรียบ “ทำไมช้าจัง”

เย่เทียนหลงหัวเราะคิกคัก “ไอ้เด็กนั่นสำนึกผิด ซาบซึ้งที่ฉันสั่งสอนเขา จะให้ฉันอยู่กินข้าวด้วย แล้วก็จะให้บอดี้การ์ดคนสวยฉันด้วย ฉันปฏิเสธอยู่นานกว่าจะออกมาได้”

เย่เทียนหลงพูดจบ และรัดเข็มขัดเสร็จเรียบร้อย “ไปกันเถอะผู้จัดการหลิน”

หลินเฉินเสวี่ยส่งเสียงหึอย่างไม่แคร์ เธอไม่เชื่อคำพูดของเย่เทียนหลงหรอก เธอเหยียบคันเร่งพาเย่เทียนหลงออกจากตึกทันที

“ถ้าบอกว่าเขากระทืบนาย ฉันยังพอเชื่อนะ แต่บอกว่าเขาเลี้ยงข้าวนาย นายคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ”

เย่เทียนหลงถอนหายใจเบาๆ “แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันกระทืบพวกเขา เธอจะเชื่อไหม”

เขาหันไปมอง เห็นไป่หลี่ฮวาวิ่งออกมาจากตึก เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของผู้หญิงคนนั้น เย่เทียนหลงรู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องวุ่นวายอีกแล้ว

หลินเฉินเสวี่ยขี้เกียจตอบ อีกฝ่ายมีคนตั้งเยอะ ถ้าเย่เทียนหลงมีเรื่องกับพวกเขา คงไม่มีทางออกมาได้หรอก

ยิ่งไปกว่านั้นสวี่ตงหลายยังมีไป่หลี่ฮวา บอดี้การ์ดสาวที่จ้างมาในราคาแพง นั่นคือยอดฝีมืออันดับต้นๆ จากทีมหงส์ไฟเลยนะ

หลินเฉินเสวี่ยเคยเห็นกับตา ที่งานปาร์ตี้งานหนึ่ง ไป่หลี่ฮวาซัดผู้ชายห้าคนที่เข้ามาจีบเธอจนคว่ำ ถ้าสวี่ตงหลายไม่ห้าม เธอคงทำให้พวกเขาแขนขาหักไปแล้ว

เย่เทียนหลงจะเอาชนะคนแบบนี้ได้ยังไง

พอเห็นว่าหญิงสาวไม่ตอบตัวเอง เย่เทียนหลงยื่นหน้าไปหาด้วยความสงสัย “ผู้จัดการหลิน เหมือนไอ้หมอนั่นจะมีความสัมพันธ์กับเธอนะ”

“แต่เห็นเธอโกรธและเกลียดเขาขนาดนี้ มีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟังไหม”

“วันนี้ฉันทุ่มเทไปไม่น้อย อย่างน้อยก็ควรให้ฉันได้รู้ว่าเขาเป็นใคร”

“ไม่งั้นถ้าเขาให้คนมาจัดการฉัน คนตัวเล็กๆ อย่างฉันก็เสียเปรียบน่ะสิ”

“เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีใครคอยสนับสนุน ไม่มีเงิน มีแค่เธอเป็นที่พึ่ง”

หลินเฉินเสวี่ยปรายตามองเย่เทียนหลง เธอไม่อยากสนใจเขา แต่พอคิดถึงเบื้องหลังของสวี่ตงหลาย เธอทำได้แค่เตือนเย่เทียนหลง

แม้ไอ้หมอนี่น่ารังเกียจ แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเป็นอะไรเพราะตัวเองเหมือนกัน “เขาชื่อสวี่ตงหลาย เป็นลูกชายของผู้อำนวยการกรมการค้า แล้วก็เป็นประธานบริษัทการค้าตงหลายด้วย”

“เขาตามจีบฉันจนเสียสติ”

เย่เทียนหลงอุทานด้วยความตกใจ “มีความสัมพันธ์กันจริงๆ ด้วย”

“ระวังคำพูดหน่อย”

หลินเฉินเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “เรารู้จักกันที่งานปาร์ตี้ เขาตามจีบฉันสามเดือน ฉันไม่เคยตอบตกลงเขาเลย”

“ฉันยังบอกให้เขาเลิกเสียเวลา แต่เขาไม่ฟัง นอกจากจะส่งดอกไม้ บอกว่าจะเลี้ยงข้าวฉันทุกวันแล้ว ยังเอาแต่พูดว่าจะรักฉันไปชั่วชีวิต”

“ปรากฏว่าวันต่อมาฉันเห็นเขาไปเปิดห้องกับคนอื่น”

“ฉันไม่สนว่าเขาจะไปนอนกับใคร แต่รังเกียจคำพูดและการกระทำของเขา”

“ฉันเลยพูดประชดเขา เขาคิดว่าฉันหึง เลยเซ้าซี้ฉันยิ่งกว่าเดิม”

“วันนี้เขาโทรหาฉัน บอกว่าอยากเจอหน้าเพื่ออธิบาย ต่อไปจะไม่เซ้าซี้ฉันอีก”

ตอนรอสัญญาณไฟอยู่ตรงสี่แยก หลินเฉินเสวี่ยมองไปข้างหน้า “ฉันเลยพานายมาด้วย”

เธอระบายความรู้สึกออกมา สวี่ตงหลายตามติดไม่ปล่อย สะบัดยังไงก็ไม่หลุด เธอเสียใจจริงๆ ที่รู้จักคนแบบนี้

“จิ๊ๆ ไอ้หมอนี่นอกจากจะหน้าด้านแล้ว ยังไม่มีความรับผิดชอบสักนิด เป็นคนเลวจริงๆ”

เย่เทียนหลงวิจารณ์สวี่ตงหลายตามหญิงสาว จากนั้นพูดเปลี่ยนเรื่องว่า “ผู้จัดการหลินก็เชื่อถือไม่ได้เหมือนกัน”

“ฉันนึกว่าเธอจะเลี้ยงข้าวฉันจริงๆ ซะอีก ที่แท้เอาฉันไปเป็นหมากตัวหนึ่ง”

“โชคดีที่ฉันว่องไว รู้ตัวเร็ว ไม่งั้นตอนนี้คงโดนสวี่ตงหลายกระทืบจนจำหน้าไม่ได้แล้ว”

“จิตใจที่อ่อนแอของฉันถูกทำร้าย เธอต้องชดใช้ให้ฉัน ไม่เชื่อเธอลองจับใจฉันดูสิ”

หลินเฉินเสวี่ยขมวดคิ้ว เธอถลึงตาใส่เย่เทียนหลงแล้วพูดว่า “เย่เทียนหลง นายก็เลวเหมือนกัน”

“จริงๆ พานายมากินข้าววันนี้เป็นเรื่องรอง หลักๆ คือฉันอยากทำให้ตัวเองปลอดภัย คิดว่านายจะช่วยฉันรับมือได้”

“จริงๆ ก็เป็นอย่างที่ฉันคิด นายไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ฉันไม่ควรหลอกใช้นาย แต่ฉันจำเป็นจริงๆ และฉันจะชดใช้ให้นายด้วย”

เย่เทียนหลงตาเป็นประกาย “ผู้จัดการหลินจะชดใช้ให้ฉันจริงเหรอ ถ้ามอบหัวใจให้ฉัน ฉันไม่ปฏิเสธแน่นอน”

“พูดแต่อะไรไม่เข้าท่า”

หลินเฉินเสวี่ยด่าไปหนึ่งที จากนั้นเตือนว่า “นายระวังไว้ด้วย เบื้องหลังของสวี่ตงหลายไม่ธรรมดา มีเส้นสายทั้งด้านดีและไม่ดี ลูกน้องอย่างไป่หลี่ฮวาก็เป็นยอดฝีมือ”

“วันนี้นายทำเขาขนาดนี้ เขาต้องแค้นแน่นอน แม้มีฉันอยู่ เขาไม่กล้าทำร้ายนายอย่างโจ่งแจ้ง แต่เขาต้องแอบทำลับหลังแน่นอน”

“ต่อไปถ้าเจอเขาก็เลี่ยงซะ นายสู้เขาไม่ได้หรอก”

“พระเจ้า นี่ฉันไปล่วงเกินคุณชายแห่งหมิงเจียงเหรอเนี่ย”

ใบหน้าเย่เทียนหลงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นจับมือหลินเฉินเสวี่ยแล้วถูไปมาอย่างแรง

“ผู้จัดการหลินต้องปกป้องฉันนะ ฉันมีครอบครัวต้องดูแลนะ......”

หลินเฉินเสวี่ยเอามือเย่เทียนหลงออก จากนั้นถลึงตาใส่ “ตอนนี้ฉันอยากให้สวี่ตงหลายหักมือนายจริงๆ”

“อย่านะ ถ้ามือฉันหัก แล้วใครจะปรนนิบัติผู้จัดการหลินล่ะ”

สีหน้าของหลินเฉินเสวี่ยเปลี่ยนไป เย่เทียนหลงเอามือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “ถ้าไม่มีมือจะเป็นผู้ช่วย จะทำงานยังไง”

หลินเฉินเสวี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “หลังจากนี้นายเข้างานและเลิกงานตามเวลา ทำตัวดีๆ ก็ไม่มีอะไรแล้ว”

“โอเค ฉันเชื่อผู้จัดการหลิน”

เย่เทียนหลงตอบเสียงเบา “ผู้จัดการหลินบอกว่าจะเลี้ยงข้าวฉัน ปรากฏว่าไม่ได้กินข้าว แถมยังเกือบโดนกระทืบ เธอต้องรับผิดชอบนะ”

“วันนี้นายทำได้ไม่เลว ฉันพานายไปผับแสงจันทร์ดีกว่า”

ใบหน้าสวยของหลินเฉินเสวี่ยกลับมาเย็นชาเหมือนเดิม เธอขับรถเข้ามาในถนนคู่ขนาน “ถือว่าชดใช้ให้นาย”

เรื่องวันนี้วุ่นวายมาก อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ โดยเฉพาะแรงกดดันที่ห้องแล็บ หลินเฉินเสวี่ยอยากไปดื่มที่ผับสักหน่อย ตอนแรกจะให้เย่เทียนหลงลงรถข้างหน้า แต่นึกได้ว่าถ้าไปผับคนเดียวจะดึงดูดความสนใจง่าย ถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วย จะกันพวกหื่นๆ ได้เยอะ ตัวเองจะได้ดื่มอย่างสบายใจด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องการชดใช้ให้เย่เทียนหลงจริงๆ

เมื่อสิ้นเสียง เย่เทียนหลงผิวปากทันที ดวงตาเป็นประกายแวววาว

“ผับเหรอ ดีสุดๆ ไปเลย ฉันชอบใช้ชีวิตกลางคืน นอกจากได้ดื่มเหล้าแล้ว ยังล่อสาวสวยขึ้นเตียงได้ด้วย มีความสุขสุดๆ”

สายตาของหลินเฉินเสวี่ยเย็นชาทันที “เย่เทียนหลง ทำตัวดีๆ หน่อย ไม่งั้นก็ลงรถไปเลย!”

เย่เทียนหลงถอนหายใจเบาๆ “ห้ามไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์ ยากยิ่งกว่าป้องกันสายน้ำที่ไหลเชี่ยว”

“บรื้นนน”

หลินเฉินเสวี่ยพูดไม่ออกจริงๆ เธอเหยียบคันเร่ง รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เย่เทียนหลงอุทานแล้วกระเด็นกลับมานั่งที่เบาะ จับเข็มขัดเผชิญหน้ากับความบ้าคลั่งของหลินเฉินเสวี่ย ในเวลาเดียวกันก็ครุ่นคิดว่าสวี่ตงหลายจะแก้แค้นหรือเปล่า

ถ้าเขาไปลานไทรหมายเลข 8 จริงๆ แล้วโดนผู้หญิงแข็งแกร่งที่เป็นเจ้าของที่ซัดจนเละ ตัวเองต้องเห็นแก่หลินเฉินเสวี่ยแล้วเรียกรถพยาบาลให้เขาไหม

เวลาสองทุ่มครึ่ง หลินเฉินเสวี่ยกับเย่เทียนหลงมาที่ผับแสงจันทร์

ปกติผับเป็นสถานที่ที่มีทั้งคนดีและไม่ดีอยู่แล้ว เป็นสวรรค์ที่ชายหญิงมาปลดปล่อยอารมณ์และฮอร์โมน ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงของหมิงเจียง ผับแสงจันทร์คนแน่นมาก ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ได้ยินเสียงสะท้อนของเพลงดังสนั่น ผู้หญิงกลางคืนหน้าประตู ยั่วยวนความต้องการมาก

หลินเฉินเสวี่ยตะโกนพูดกับเย่เทียนหลงว่า “ตามฉันมา อย่าเดินมั่วซั่ว ที่นี่มีคนทุกประเภท”

เย่เทียนหลงกะพริบตาปริบๆ แล้วตอบว่า “ผู้จัดการหลินดีกับฉันจัง ถ้าเธออยากให้ฉันมอบหัวใจให้ ฉันยินดีมอบใจให้เธอแน่นอน”

เขาจริงใจมาก เหมือนนักรบยอมอุทิศตนเพื่อคนรู้ใจ

ใบหน้าสวยของหลินเฉินเสวี่ยเย็นยะเยือก “ไสหัวไป”

เย่เทียนหลงรีบเข้าไปในผับ เขาโยกหัวไปมาแล้วมองรอบๆ พบว่าผับนี้ได้รับความนิยมมาก แทบไม่เห็นที่ว่างเลย เสียงเพลงปลุกอารมณ์ดังไม่หยุด ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่ เปิดเพลงเสียงดังสุดจนแก้วหูแทบแตก

ชายหญิงกำลังส่ายเอวและแขนอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำอย่างบ้าคลั่ง

ผู้หญิงแต่งหน้าแต่งตัวมีเสน่ห์หัวเราะแล้วเข้าไปสนุกในกลุ่มผู้ชาย พวกเธอพูดจาหยอกล้อพวกผู้ชายที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

เย่เทียนหลงกับหลินเฉินเสวี่ยมานั่งที่บาร์ เขาหันไปมองกลุ่มคนที่กำลังสนุกกันอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ”

จากนั้นเขามองหลินเฉินเสวี่ยแล้วถามว่า “ผู้จัดการหลิน เดี๋ยวถ้าสาวสวยมาล้อมฉัน ถ้าพวกเธอจะจับฉัน ฉันควรทำยังไงดี”

“ไม่ต้องเป็นห่วง นายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”

หลินเฉินเสวี่ยให้พนักงานเอาของทานเล่นมาเยอะมาก เธอมองเย่เทียนหลงที่เหมือนคนบ้านนอกแล้วพูดว่า “สภาพอย่างนาย ถ้ามีสาวมาจีบคงแปลกมาก”

เสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ การแต่งกายเหมือนกรรมกร ต้องพึ่งใบบุญของเธอ เขาถึงเข้ามาในผับนี้ได้

ถ้าเขาดึงดูดสาวๆ ให้เข้ามาจีบได้ คงเป็นอะไรที่ตลกมาก

“เอาเหล้า Faded Beauty สองแก้ว”

เห็นได้ชัดว่าหลินเฉินเสวี่ยคุ้นเคยกับที่นี่มาก ดีดนิ้วให้บาร์เทนเดอร์ที่อยู่ไม่ไกลแล้วพูดว่า “ขอแบบดีกรีสูงๆ หน่อย”

บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าตาดียิ้มแล้วตอบว่า “ได้เลยคุณหลิน”

จากนั้นเขาเริ่มผสมเหล้าอย่างคล่องแคล่ว แอบปรายตามองเย่เทียนหลงด้วย คิดว่าเป็นพวกละอ่อน

เย่เทียนหลงไม่ได้สนใจเรื่องเหล้า เขาหยิบขนมใส่ปากพลางขยิบตาให้สาวสวยที่เดินผ่าน แต่ไม่มีใครสนใจเขาเลย

มีผู้หญิงหลายคนแอบขำการแต่งตัวของเขาด้วย

หลินเฉินเสวี่ยส่ายหน้า เธอไม่ได้สนใจอะไร จู่ๆ เย่เทียนหลงสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยกำลังกังวลว่าเขาจะเอาแครอทออกมา เย่เทียนหลงกลับเอาปึกธนบัตรออกมา

ธนบัตรไม่ได้ดึงดูดสาวสวย แต่การกระทำของเขาทำให้คนหันมามอง

หลินเฉินเสวี่ยปรายตามองแล้วพูดเย้ยหยัน “คิดจะเอาเงินพันแปดจีบพวกเธอ นายปัญญาอ่อนเกินไปหน่อยนะ”

แม้หลินเฉินเสวี่ยเย็นชาเย่อหยิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้ความเป็นจริงในสังคม

เธอชี้ธนบัตรยับยู่ยี่ “เก็บไว้เถอะ อย่าทำตัวขายหน้า”

แม้หลินเฉินเสวี่ยเย็นชาเย่อหยิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้ความเป็นจริงในสังคม

“ปัง!”

เย่เทียนหลงเอากุญแจรถ BMW ออกมา

สายตาหลายคู่เป็นประกาย

“ปัง!”

เขาเอากุญแจรถมาเซราติออกมาอีก!

ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยตกใจเล็กน้อย มีผู้หญิงสองสามคนเข้ามาใกล้ เย่เทียนหลงเอากุญแจรถเฟอร์รารี่ออกมาอีก

สายตาของหลายคนเป็นประกาย!

ปังๆๆ!

แลมโบกินี่!

โรลส์รอยส์!

แคดิลแลค!

เมื่อเย่เทียนหลงเอากุญแจรถสามรุ่นออกมารวดเดียว หลินเฉินเสวี่ยตกใจมาก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงรวยขนาดนี้ ทำไมเขามีรถหรูเยอะขนาดนี้

กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก

ในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงรูปร่างดีสองสามคนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม พวกเธอเข้ามาใกล้เย่เทียนหลงแล้วส่งสายตายั่วยวน ผู้หญิงคนหนึ่งถามด้วยเสียงหวาน

“คุณดื่มกับฉันสักแก้วได้ไหม”

ผู้หญิงอีกคนเข้ามาใกล้แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “สุดหล่อ มาเต้นกันหน่อยไหม”

เห็นผู้หญิงล้อมเย่เทียนหลง ไม่รู้ทำไมหลินเฉินเสวี่ยถึงรู้สึกหงุดหงิด แต่พูดอะไรไม่ได้

เย่เทียนหลงโอบผู้หญิงทั้งซ้ายและขวา จากนั้นมองหลินเฉินเสวี่ยแล้วหัวเราะร่า

“ยอมไหมล่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel