ซุปเปอร์ผู้ช่วยครองใจซีอีโอสาวสุดแซ่บ

84.0K · ยังไม่จบ
-
40
บท
7.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เย่เทียนหลงผู้เป็นราชันย์นักรบที่ชื่อเสียงดังสนั่นไปทั่วโลกลาจากวงการยุทธภพ เขาหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียที แต่ทว่า เรื่องลึกลับที่พัวพันกับยาลับของประเทศได้ปรากฏ เขาต้องจำยอมรับการเรียกตัว ครั้งนี้กลายเป็นผู้ช่วยซีอีโอ ปกป้องสาวงามผู้เย็นชา ทำลายล้างแผนร้ายของเหล่าศัตรู ข่าวที่เขากลับมาอย่างลับๆ ถูกเปิดเผยโดยบังเอิญ เกิดคลื่นโหมซัดสาดโกลาหลไปทั่วทั้งประเทศ หนี้บุญคุณแค้นพยาบาทกระหน่ำมาหาถึงที่ มิตรภาพ?ความรัก?แล้วยังมีแผนเล่ห์กลมาไม่เว้น เขาจะจัดการกับมันยังไงดี?

นิยายปัจจุบันนิยายแฟนตาซีประธานราชันย์รบเลือดร้อนบอดี้การ์ด

บทที่ 1 การสัมภาษณ์ของผู้ชาย

เวลา 13.45 น. ห้องรับรองทางตะวันตก ที่ชั้น 13 ของตึกหมิงเจียง

วัยรุ่นชายหญิงหกคนนั่งเงียบๆ อยู่ที่โต๊ะประชุม แต่ละคนแต่งตัวทันสมัย แต่ละคนถือเรซูเม่อยู่ในมือ บางคนมองนาฬิกาบนผนังอย่างรอคอย บางคนดูกังวลเล็กน้อย แอบมองคู่แข่งข้างๆ เป็นครั้งคราว รอยยิ้มเป็นมิตร ทว่าสายตาหวาดระแวง

พวกเขามาสมัครงานตำแหน่งเดียวกัน นั่นก็คือผู้ช่วยผู้จัดการฮว๋าเย่า กรุ๊ป

ตำแหน่งนี้เงินเดือนแปดหมื่นต่อปี ไม่สูงเมื่อเทียบกับค่าที่พัก แต่มีแรงดึงดูดสำหรับหกคนนี้

เพราะผู้จัดการอย่างหลินเฉินเสวี่ยเป็นคนที่โดดเด่นในวงการธุรกิจ นอกจากจะสวยแล้ว ยังมีความสามารถอีกด้วย

เธออายุแค่ 24 ปี ฮว๋าเย่า กรุ๊ปก็มอบหมายให้เธอเป็นผู้จัดการบริษัทสาขาหมิงเจียง มีอำนาจควบคุมพนักงานกว่าห้าร้อยคน ถ้าได้ทำงานกับเธอ นอกจากจะได้ประสบการณ์มากมายแล้ว ยังได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายด้วย

ดังนั้นพวกเขาหวังว่าจะผ่านการสัมภาษณ์ครั้งนี้

เวลาสัมภาษณ์คือบ่ายสองโมง แต่ไม่มีใครมาตอนบ่ายสอง ทั้งหกคนมาถึงก่อนครึ่งชั่วโมง พนักงานต้อนรับให้พวกเขามารอที่นี่

“ตึกๆ!”

เวลา 13.50 น. เสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู ทั้งหกคนตกใจทันที จากนั้นประตูกระจกถูกเปิดออก

สายตาทั้งหกคนเป็นประกาย จากนั้นสีหน้าพวกเขาอึ้งไป มีความประหลาดใจแบบบอกไม่ถูก

ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้น และรองเท้าผ้าใบเดินเข้ามา

เขาอายุยี่สิบต้นๆ ถือแฟ้มเอกสารอยู่ในมือขวา ส่วนมือซ้ายถือแครอท เดินมานั่งหัวโต๊ะอย่างเนิบนาบพลางกินแครอท ภาพลักษณ์กับการกระทำดูประหลาดมาก

ขณะที่ทุกคนยังงุนงงอยู่ เขาโยนพวงกุญแจรถออกมา

กุญแจรถเยอะแยะไปหมด มีทั้งเฟอร์รารี่ พอร์ช BMW เบนซ์ สะดุดตาทั้งหกคนมาก

จากนั้นเขาหยิบธนบัตรเป็นปึกออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วฟาดลงบนโต๊ะ

โห!

ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน แต่งตัวเหมือนกรรมกร แต่ของในมือแพงๆ ทั้งนั้น แววตาทั้งหกคนดูมึนงง

ลูกคนรวยมาทำงานเล่นๆ เหรอ

ชายหนุ่มเสื้อแดงมองทุกคนอย่างน่าเกรงขาม จากนั้นพูดอย่างเด็ดขาดว่า “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเย่เทียนหลง เป็นผู้สัมภาษณ์ในวันนี้”

“คนที่สัมภาษณ์ผ่านจะได้อยู่ต่อ ส่วนคนที่ไม่ผ่าน มาเอาค่ารถสองร้อยแล้วกลับไปซะ”

ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจว่าเขาใช่ผู้สัมภาษณ์เหรอ เขาชี้คนแรกแล้วพูดว่า “จูต้าหย่ง แนะนำตัวเองสิ”

พอได้ยินเขาเรียกชื่อตัวเองถูกต้อง ชายที่อยู่ทางซ้ายสุดสะดุ้ง เขารีบตอบอย่างไม่ลังเล

“สวัสดี ฉันชื่อจูต้าหย่ง จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยฮาเฉิง......”

“หยุด!”

ยังแนะนำไม่ทันจบ เย่เทียนหลงพูดขัดอย่างไม่เกรงใจ “การศึกษาสูงเกินไป อาจเป็นคนตาสูงแต่ไม่มีฝีมือ”

“ที่นี่คงรับนายเข้าทำงานไม่ได้ นายก็คงทำงานอย่างไม่มีความสุข”

เขากัดแครอทแล้วพูดว่า “นายกลับไปได้แล้ว”

จูต้าหย่งชะงักเล็กน้อย “กลับไปได้แล้วเหรอ”

เย่เทียนหลงถลึงตา “สามพันหยวน จะทำไหม”

จูต้าหย่งเงียบทันที ค่าเช่าห้องยังไม่พอเลย เขาเก็บของแล้วเดินก้มหน้าออกไป ก่อนไปเขาลังเลแล้วหยิบเงินสองร้อยหยวนออกไปด้วย

เย่เทียนหลงไม่มองเขาสักนิด เขาหันมามองผู้เข้าสัมภาษณ์คนที่สอง เป็นผู้หญิงสวยและดูทันสมัย เสียงเคี้ยวดังออกมาจากในปาก

“หลิวเสี่ยวลี่ เธอมีประสบการณ์กับตำแหน่งนี้หรือเปล่า”

หญิงสาวยิ้มหวานแล้วพูดเบาๆ

“ฉันมีประสบการณ์สามปี สามารถทำงานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาอบรม”

“ไม่ผ่าน!”

เย่เทียนหลงปฏิเสธอีกครั้ง “บริษัทต้องการผู้ช่วยที่เหมือนกระดาษขาว เข้าใจไหม เธอมีประสบการณ์สามปี ความคิดยึดติดกับอะไรเดิมๆ ขัดแย้งกับวัฒนธรรมองค์กร กลับไปได้แล้ว”

หลิวเสี่ยวลี่กำลังจะเถียง แต่โมโหความหยิ่งยโสของเย่เทียนหลง เธอส่งเสียงหึแล้วพูดว่า “ถึงที่นี่ไม่ยอมรับฉัน ยังไงก็ต้องมีสักที่ที่ยอมรับฉัน”

เธอพูดจบแล้วหยิบกระเป๋าเดินปึงปังออกไป ไม่สนใจเงินค่ารถบนโต๊ะสักนิด

แน่นอนว่าเย่เทียนหลงไม่สนใจเธอเลย เขาหันมามองหนุ่มแว่นคนที่สาม จากนั้นกัดแครอทแล้วพูดว่า

“หวังเสี่ยวเฟิง นายไม่ผ่าน กลับไปได้แล้ว!”

หนุ่มแว่นอ้าปากหวอ “ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ทำไมถึงไม่ผ่านล่ะ”

เย่เทียนหลงเดินมาข้างหน้าแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ถึงเรารับสมัครผู้ช่วย แต่ก็ต้องเป็นคนมองรอบด้าน เป็นคนมองการณ์ไกล นายสายตาสั้น เลนส์แว่นหนาขนาดนี้ สายตาคงสั้น 800 สินะ ถ้าแว่นหล่น นายคงมองทางไม่เห็นเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมองรอบด้าน แล้วแบบนี้จะปกป้องผู้จัดการหลินของเราได้ยังไง”

หนุ่มแว่นสีหน้าไม่ยอม “พวกนายกำลังเหยียดคนอื่นอยู่นะ”

เย่เทียนหลงส่งเสียงหึ “ถ้านายไปสัมภาษณ์ตำแหน่งนักบิน พวกเขาจะรับไหมล่ะ”

“คนต่อไป”

หลังจากหวังเสี่ยวเฟิงดันแว่นแล้วเดินออกจากห้องรับรองอย่างไม่พอใจ เย่เทียนหลงสัมภาษณ์ไปอีกสองคน เขาพูดข้อเสียของอีกฝ่ายด้วยคำพูดรุนแรง แล้วก็ไล่กลับ จากนั้นมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ตรงมุม พอเขาเห็นเย่เทียนหลงมองมา เขายิ้มอย่างมั่นใจ

“เซวียฉางซาน จบจากมหาวิทยาลัยเยียนจิง ร่างกายดีเยี่ยม”

“ได้รองชนะเลิศคิกบ็อกซิ่งระดับประเทศเมื่อปีที่แล้ว”

“รองชนะเลิศเหรอ”

เย่เทียนหลงไม่ได้ตกใจ เขาส่งเสียงหึแล้วพูดว่า “รองชนะเลิศคิกบ็อกซิ่ง กล้าเอามาพูดด้วยเหรอ นายนี่หลงใหลในชื่อเสียงจริงๆ”

เขากินแครอทหมดไปหนึ่งหัว แล้วก็เอาออกมาจากตัวอีกหนึ่งหัวอย่างประหลาด เขาเอาแครอทเช็ดกับเสื้อแล้วกัดมันอีกรอบ

สีหน้าของเซวียฉางซานเปลี่ยนไป เขาตอบอย่างเย็นชาว่า “เป็นแค่ความสำเร็จเล็กๆ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่น่าจะเหนือกว่าคนในห้องรับรองนี้”

ในห้องรับรองมีแค่สองคน เห็นได้ชัดว่าคนนั้นอยากซัดหน้าเย่เทียนหลง “ไม่ทราบว่าผู้สัมภาษณ์มีอะไรให้อวดบ้าง”

เห็นได้ชัดว่าความอวดดีของเย่เทียนหลงทำให้เขาโมโห ถึงไม่ได้งานก็ขอซัดกลับสักหน่อย

“กรอบ!”

เย่เทียนหลงไม่ได้ตอบ เขาเอากุญแจรถ BMW ออกมาจากพวงกุญแจแล้วกำมันอย่างแรง

กุญแจรถหักเป็นชิ้นๆ

เซวียฉางซานถึงกับอึ้ง สีหน้าตกตะลึง ให้ตายเถอะ นี่ใช่แรงคนเหรอ

เย่เทียนหลงโยนเศษซากกุญแจรถลงถังขยะแล้วตะโกนว่า “ไปได้แล้ว”

เซวียฉางซานลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเงียบๆ นอกจากจะตกใจกับพละกำลังสุดวิปริตของอีกฝ่ายแล้ว ยังเกรงกลัวฐานะของเขาด้วย

กุญแจรถ BMW หลายหมื่นเลยนะ เล่นบีบจนแตกแบบนี้เลย

หลังจากทั้งหกคนออกไปแล้ว เย่เทียนหลงถอนหายใจยาว แอบดูนาฬิกาที่ผนัง ตอนนี้ 13. 55 น. “เรียบร้อยสักที”

เพิ่งลากเก้าอี้มานั่ง ประตูกระจกเปิดออกอีกครั้ง ผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งดูทันสมัยเดินบนรองเท้าส้นสูงเข้ามา เธอตัดหน้าม้าดูดีมาก หน้าตาสะสวย รูปร่างสูงโปร่ง กิริยามารยาทดูเป็นพนักงานของบริษัทใหญ่โต

ในมือเธอยังมีเอกสารกองใหญ่ด้วย หลังจากเห็นห้องรับรองว่างเปล่า เธอตกใจมาก

“ไหนคนล่ะ”

หลังจากเธอมองรอบๆ แล้วเห็นว่ามีคนอยู่แค่คนเดียว เธอจึงมองเย่เทียนหลงที่นั่งดื่มน้ำสบายใจอยู่ หลังจากเห็นการแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีแดงกับกางเกงขาสั้นที่ดูไม่เข้ากับบริษัท เธอถึงกับอ้าปากค้าง จากนั้นตั้งสติแล้วถามว่า “ทำไมถึงเหลือนายอยู่แค่คนเดียว คนอื่นล่ะ”

เย่เทียนหลงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ดื่มน้ำในแก้วกระดาษ แล้วตอบอย่างเชื่องช้าว่า “ฉันไล่พวกเขากลับไปหมดแล้ว”

ผู้หญิงผมหน้าม้าร้องเสียงหลง “นายไล่พวกเขากลับไปแล้ว นายอยู่แผนกไหน”

บริษัทใหญ่มาก เธอเพิ่งมาได้ไม่นาน ยังมีเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก อีกฝ่ายกล้าไล่คนกลับ คงสนิทกับเจ้าของบริษัทมาก

เย่เทียนหลงบิดขี้เกียจแล้วพูดว่า “ฉันมาสัมภาษณ์ ฉันชื่อเย่เทียนหลง เริ่มสัมภาษณ์ได้หรือยัง”

เขาเอาแครอทมากัดอีกรอบ “เชื่อฉัน ฉันเป็นมืออาชีพ”

ผู้หญิงผมหน้าม้ามองชายคนนี้อย่างตกตะลึง พูดอะไรไม่ออกสักคำ

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เธอตั้งสติได้ ใบหน้าสวยมีความโกรธ หลินเฉินเสวี่ยรีบใช้คน วันนี้เธอต้องเลือกมาหนึ่งคน แต่คิดไม่ถึงว่าหกคนที่ฝ่ายบุคคลเลือกมาอย่างยากลำบาก จะโดนเย่เทียนหลงไล่กลับไปหมดแล้ว ทำให้เธอเจอปัญหาใหญ่สุดๆ ขณะที่กำลังจะอาละวาด มือถือเธอดังขึ้นมา

เธอเอามือถือออกมากดรับสาย สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นนอบน้อม “โอเคๆ เข้าใจแล้ว!”

หลังวางสาย สายตาเธอเหม่อลอย จู่ๆ หลินเฉินเสวี่ยตัดสินใจสัมภาษณ์เอง บอกให้เธอพาคนไปที่ห้องทำงาน เธอจะทำยังไงดี

“กรอบ!”

เสียงกัดแครอทของเย่เทียนหลงขัดจังหวะความคิดของเธอ เธอกระทืบเท้าแล้วพูดว่า “ไอ้สารเลว นายทำร้ายฉัน”

ระหว่างที่โมโห เธอสงสัยเหมือนกันว่าเย่เทียนหลงไล่ผู้เข้าสัมภาษณ์ไปได้ยังไง

เย่เทียนหลงหัวเราะ “ทำไมจู่ๆ พี่สาวถึงโมโหขึ้นมาล่ะ มากินแครอทให้หายโมโหสิ”

“กินหัวนายสิ!”

ผู้หญิงผมหน้าม้าเกือบโยนเอกสารในมือออกไป “ผู้จัดการหลินจะสัมภาษณ์เอง นายไล่คนกลับหมดแล้ว ฉันจะอธิบายยังไง นายกำลังจะทำให้ฉันตกงาน”

เย่เทียนหลงได้ยินแล้วดีใจมาก “ผู้จัดการหลินจะสัมภาษณ์เองเหรอ ดีจังเลย มีอะไรต้องกลัวล่ะ ฉันไล่คนกลับไปหมดแล้ว แต่ฉันยังอยู่นิ”

เขาเทน้ำให้ผู้หญิงผมหน้าม้า “ฉันมาสัมภาษณ์ เธอพาฉันไปสัมภาษณ์ พอฉันได้ตำแหน่งผู้ช่วย เธอก็ไม่โดนไล่ออกแล้ว”

ผู้หญิงผมหน้าม้ารับแก้วน้ำมาโดยไม่รู้ตัว ความโมโหลดลงนิดหน่อย “นายเนี่ยนะไปสัมภาษณ์ นี่นายยังเห็นว่าฉันซวยไม่พออีกเหรอ”

เขาสวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ พกแครอทติดตัว ถ้าคนแบบนี้ผ่านการสัมภาษณ์ก็บ้าแล้ว

เย่เทียนหลงไม่สนใจคำตำหนิของอีกฝ่าย เขาหัวเราะแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบ “ฉันดูดีมากเลยนะ เธอจะซวยได้ยังไงล่ะ”

“ไม่ต้องห่วง ฉันผ่านแน่นอน ฉันรับรองได้เลยว่าผู้จัดการหลินต้องรับฉันเข้าทำงาน”

ขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ไม่ได้เรื่อง เสียงเขาทุ้มต่ำ ทำให้รู้สึกว่าเชื่อถือได้

“ติ๊ง”

ผู้หญิงผมหน้าม้ากำลังจะพูด แต่โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เธอกดรับสายครู่หนึ่งแล้วตอบเบาๆ “ผู้จัดการหลิน เราจะไปเดี๋ยวนี้”

เย่เทียนหลงเก็บกุญแจรถบนโต๊ะ กัดแครอทที่เหลือแล้วเดินออกจากประตู “เหมือนผู้จัดการหลินอยู่ห้อง 1816 เดี๋ยวฉันไปเอง”

ผู้หญิงผมหน้าม้าสีหน้ากระวนกระวาย เธอกระทืบเท้าแล้วกัดฟันพูดเป็นครั้งสุดท้าย “ไอ้สารเลว เดี๋ยวฉันพาไปเอง”

ในเวลาเดียวกันเธอแอบสาบานในใจ ถ้าวันนี้โดนหลินเฉินเสวี่ยไล่ออก ลู่เสี่ยวอู่คนนี้จะกระทืบชายคนนี้ให้ตายแน่นอน