บทที่ 2 หลินเฉินเสวี่ยในข่าวลือ
“เข้ามา!”
หลังผ่านไปสามนาที ลู่เสี่ยวอู่พาเย่เทียนหลงมาเคาะประตูห้องที่อยู่ท้ายสุดของชั้นนี้ เสียงไพเราะแต่น่าเกรงขามดังออกมา “เชิญ”
ลู่เสี่ยวอู่รีบเปิดประตูห้องที่แง้มอยู่ แล้วเดินนำเย่เทียนหลงเข้าไป “ผู้จัดการหลิน ผู้เข้าสัมภาษณ์คนแรกมาแล้ว”
เย่เทียนหลงไม่ได้มองคนเป็นอันดับแรก เขามองรอบๆ ด้วยความเคยชิน นี่เป็นห้องทำงานวิวแม่น้ำ มีห้องน้ำในตัว ขนาดประมาณหกสิบตารางเมตร หรูหรามาก
ยืนริมหน้าต่างจะเห็นแม่น้ำเทียนเหอ เมืองหมิงเจียงเป็นเงินเป็นทองทุกตารางนิ้ว ราคาขายของที่นี่เกินสิบล้านแน่ๆ
เขาแอบทอดถอนใจ สมแล้วที่ฮว๋าเย่า กรุ๊ปเป็นธุรกิจยาอันดับหนึ่งของฮว๋าเซี่ย ห้องทำงานของผู้จัดการสาขายังหรูขนาดนี้
เย่เทียนหลงแอบเห็นด้วยว่าห้องทำงานที่ดูเปิดโล่ง มีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่สิบกว่าตัว ผู้หญิงคนนี้รอบคอบจริงๆ
จากนั้นสายตาของเขามองไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร เห็นหลินเฉินเสวี่ยที่เคยเห็นบนอินเทอร์เน็ตและนิตยสารมานับครั้งไม่ถ้วน
เธออยู่ในชุดทำงานสีเทาเข้ม แม้บนใบหน้ามีแว่นกรอบดำที่ดูหนาเล็กน้อย แต่ไม่สามารถบดบังความเด็ดเดี่ยวรวมถึงความทันสมัยที่แผ่ซ่านออกมาได้
ขาขาวเรียวยาวและเนียนละเอียดทั้งสองข้าง ทำให้เย่เทียนหลงเบิกตาโต น่องของเธอขาวเนียน ต้นขากระชับ ข้อเท้าเรียวสวย ที่เท้าสวยมีรองเท้าส้นสูงสีดำ ผูกเชือกเส้นเล็กๆ และมีพู่ด้วย ความตัดกันระหว่างสีดำกับสีขาว สะดุดตาคนเป็นอย่างมาก
เย่เทียนหลงเดาว่าขานี้ต้องยาวประมาณหนึ่งเมตร
ในฐานะที่เป็นผู้จัดการฮว๋าเย่า กรุ๊ปสาขาหมิงเจียง หลินเฉินเสวี่ยดูเด็กไปหน่อย แล้วก็สวยมากด้วย
ขณะที่เย่เทียนหลงกำลังมองหลินเฉินเสวี่ย หลินเฉินเสวี่ยก็หรี่ตามองเขาเหมือนกัน เสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ
นี่บริษัทนะ ไม่ใช่สนามสู้วัวกระทิง
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ แต่มารยาททำให้เธอสะกดกลั้นความไม่พอใจไว้ ลูกน้องให้เขามาสัมภาษณ์ ต้องมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นแน่นอน
เธอเชื่อว่าลู่เสี่ยวอู่ไม่กล้าหลอกตัวเองอยู่แล้ว
หลินเฉินเสวี่ยเอนตัวไปด้านหลัง เธอหันไปหาลู่เสี่ยวอู่แล้วพูดว่า “เสี่ยวอู่ เอาเรซูเม่ผู้สมัครมาให้ฉันหนึ่งชุด”
ลู่เสี่ยวอู่เปิดแฟ้มเอกสาร แต่ไม่มีเรซูเม่ของเย่เทียนหลง เธอรู้สึกหดหู่ ไอ้หมอนี่ไม่ได้มาสัมภาษณ์ เป็นแค่นักเลงที่มาก่อกวนเฉยๆ แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว คงต้องไปให้สุดแล้วล่ะ เธอดึงแขนเสื้อเย่เทียนหลงแล้วพูดว่า
“เอาเรซูเม่ของนายให้ผู้จัดการหลินเร็วๆ”
หลินเฉินเสวี่ยขมวดคิ้วเบาๆ เธอแอบจับพิรุธได้แล้ว แต่เธอไม่แสดงความสงสัยในตัวลูกน้องต่อหน้าคนอื่น เธอหันมามองเย่เทียนหลงแล้วถามว่า
“นายไม่มีเรซูเม่เหรอ”
เสียงเย็นยะเยือกเหมือนภูเขาน้ำแข็ง
“มีๆ”
เย่เทียนหลงตบหัวตัวเอง จากนั้นเอาของออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาควักแครอทออกมาก่อน จากนั้นก็ควักแครอทออกมาอีก
ลู่เสี่ยวอู่รู้สึกอยากตาย: ทำไมผู้ชายคนนี้มีแครอทในกระเป๋าเยอะจัง
ขณะที่ลู่เสี่ยวอู่อยากเอาหัวชนกำแพงให้ตายๆ ไปซะ ในที่สุดเย่เทียนหลงก็เอากระดาษออกมาจากในอกหนึ่งแผ่น แล้วก็วิ่งมาวางตรงหน้าหลินเฉินเสวี่ย
“ผู้จัดการหลิน นี่เรซูเม่ของฉัน”
หลินเฉินเสวี่ยก้มมอง ใบหน้าสวยบึ้งตึงทันที สายตาเธอดุดันมาก “นี่มันอะไรกัน”
ชื่อ: เย่เทียนหลง อายุ: 23 ปี ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน: ฮว๋าเซี่ย เบอร์โทรศัพท์:......
แรกๆ ยังปกติดี แต่หลังจากนั้นทำให้หลินเฉินเสวี่ยโมโหมาก ประวัติการศึกษา คณะที่จบการศึกษา ผลงานที่ทำ ใบประกาศที่ได้รับ ระดับภาษาอังกฤษ การปฏิบัติงานเพื่อสังคม ประสบการณ์การฝึกงาน/ทำงาน เขาเขียนแต่คำว่าไม่มี!
“ไม่มีหมายความว่ายังไง”
หลินเฉินเสวี่ยยอมรับว่าตัวเองมีมารยาทพอสมควร แต่พอเห็นเรซูเม่เธอก็อดโมโหไม่ได้ กว่าจะหาเวลามาสัมภาษณ์ผู้ช่วยได้ แต่กลับได้คนไม่ได้เรื่องมา
“คุณเย่ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม คำว่า “ไม่มี” หมายความว่ายังไง”
เย่เทียนหลงมองหลินเฉินเสวี่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ผู้จัดการหลิน ไม่มีก็คือไม่มีไง ความหมายง่ายๆ แค่นี้ เธอไม่เข้าใจเหรอ”
หลินเฉินเสวี่ยเกือบกระอักเลือดออกมา เอามือกดเรซูเม่แล้วพูดว่า “นายไม่มีอะไรสักอย่าง แต่กล้ามาสัมภาษณ์ที่นี่เนี่ยนะ”
เธอมองลู่เสี่ยวอู่เช่นกัน แต่อีกฝ่ายก้มหน้าหลบตา แอบพูดในใจว่าเวรแล้ว ไอ้ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอซวยแล้ว
“มันคือความสนุกในชีวิตฉัน”
เย่เทียนหลงพูดด้วยใบหน้าจริงใจ “มันให้กำลังใจฉันตลอด บอกว่าฉันทำได้ อีกทั้งฉันคิดว่าตัวเองเหมาะกับตำแหน่งนี้ ฉันเลยมาที่นี่ ผู้จัดการหลินโปรดเชื่อฉัน บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะเป็นผู้ช่วยของเธอเท่าฉันแล้ว ฉันไม่มีประวัติการศึกษา......”
“แต่ฉันมีหัวใจที่พร้อมก้าวไปข้างหน้า และจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง”
พูดตามตรงว่าเห็นสีหน้าจริงจังของเขา เห็นสายตาแน่วแน่ของชายคนนี้ เหมือนหลินเฉินเสวี่ยจะคล้อยตามเขาเลย
แต่ยังไงหลินเฉินเสวี่ยก็คือหลินเฉินเสวี่ย คนมีความสามารถในวงการธุรกิจที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและการแข่งขัน จะโดนเย่เทียนหลงหลอกได้เหรอ เธอพูดอย่างเย็นชาว่า
“นายกำลังทำให้ทุกคนเสียเวลา”
เย่เทียนหลงถอนหายใจเบาๆ “ฉันพูดจริงๆ”
เธอเคยเห็นเรื่องของพวกผู้ชายมาก่อน แต่ยังไม่เคยเห็นผู้ชายแบบนี้ หลินเฉินเสวี่ยทนไม่ไหวแล้ว เธอพูดภาษารัสเซียออกมาว่า
“ลีโอ ตอลสตอยเขียนไว้ในหนังสือสงครามและสันติภาพว่า ทุกคนมีข้อบกพร่อง เหมือนแอปเปิลที่โดนพระเจ้ากัด แต่บางคนมีข้อบกพร่องค่อนข้างมาก”
เย่เทียนหลงตอบกลับด้วยภาษารัสเซียทันที “ยิ่งกัดมากเท่าไร ผลท้อก็ยิ่งหวาน ยิ่งถอดเยอะเท่าไร ผู้หญิงก็ยิ่งมีเสน่ห์”
พอได้ยินการตอบกลับของเย่เทียนหลง โดยเฉพาะภาษารัสเซียที่สมบูรณ์แบบ หลินเฉินเสวี่ยชะงักไป จากนั้นขมวดคิ้วกับคำพูดของเขา “หมายความว่ายังไง”
เย่เทียนหลงพูดอย่างเชื่องช้า “คำพูดของอาเจินในหนังเรื่อง Crazy Love!”
ไอ้สารเลว!
เอาคำพูดลามกมาตอบโต้คนดังมีชื่อเสียง หลินเฉินเสวี่ยได้ยินคำตอบแล้วโมโหมาก จากนั้นใช้ภาษาอังกฤษตอบโต้กลับว่า
“คนหลงตัวเอง มักตายเพราะความหลงตัวเอง” มาจากเรื่องโรมิโอกับจูเลียตของวิลเลียม เชคสเปียร์
เย่เทียนหลงยังพูดอย่างแน่วแน่เหมือนเดิม “คนที่ยังไม่ทันขึ้นเตียงก็บอกว่าตัวเองทำไม่ได้ เป็นแค่คนขี้ขลาดในสังคม!”
เขาพูดอีกว่า “คำพูดยามค่ำคืนของเยี่ยนฟาง จากเรื่องตำรารักทะลุจอ”
หลินเฉินเสวี่ยโมโหมาก เธอพูดภาษาฝรั่งเศสว่า “คนเราอยากได้รับการยอมรับ อันดับแรกต้องทัศนคติที่จริงใจ และกิริยามารยาทที่เหมาะสม” จากเรื่องคนหลังค่อมแห่งนอเทรอดามของวิคเตอร์ ฮูโก
เย่เทียนหลงไม่มีท่าทีว่าจะหยุด “การยอมรับไม่ได้ขึ้นอยู่กับทัศนคติ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรักษามันไว้ได้นานขนาดไหนต่างหาก”
เขาพูดอธิบายอย่างจริงจัง “คำคมของพานจินเหลียนจากเรื่องบุปผาในกุณฑีทอง”