บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 เละเทะไปหมด

หลินเฉินเสวี่ยใช้เวลาอาบน้ำสิบห้านาที เปลี่ยนเสื้อใหม่แล้วพาเย่เทียนหลงลงไปด้านล่าง

เธอเย็นชาและเย่อหยิ่งตลอดทาง จะใช้สิ่งนี้มาสร้างเกราะป้องกันตัวเอง แล้วก็ปิดบังเรื่องที่ตัวเองโดนนวดจนเคลิ้มด้วย

นอกจากฝ่ามือปลิดวิญญาณของเย่เทียนหลงจะทำให้เธอเหงื่อออกเต็มตัวแล้ว ยังทำให้ชุดชั้นในเปียกด้วย หลินเฉินเสวี่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ตัวเองไม่มีสติ

แต่เธอรู้สึกประหลาดใจกับเย่เทียนหลงด้วยเหมือนกัน เพราะการนวดของเขาทำให้ความเหนื่อยล้าของเธอหายเป็นปลิดทิ้ง ได้ผลยิ่งกว่าดื่มกาแฟเป็นสิบเท่า

ผู้ชายคนนี้มีความสามารถจริงๆ

ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยกำลังคิดอยู่ เย่เทียนหลงกำลังมองหุ่นอันสวยงามของหลินเฉินเสวี่ยจากด้านหลัง

“แค่สัมผัสก็ลืมความเหนื่อยล้า สัมผัสแล้วลืมเรื่องกังวลใจ สัมผัสแล้วลืมศัตรูหัวใจ......”

เขาจ้องหลินเฉินเสวี่ยแล้วแอบพูดออกมา แต่เปลี่ยนจากคำว่านวดเป็นคำว่าสัมผัสตามสัญชาตญาณที่แท้จริงของเขา

หน้าอกเธอใหญ่มาก เย่เทียนหลงเคยเห็นแล้ว คิดไม่ถึงว่าบั้นท้ายของเธอจะใหญ่และกลมมากด้วย บวกกับเอวบางกับขาเรียวยาว เรียกว่าหุ่นดีมาก

ผู้หญิงคนนี้สมบูรณ์แบบทั้งสี่อย่าง แม้ภาพลักษณ์ภายนอกของเธอดูธรรมดา แต่เธอก็ยังเป็นหญิงงามที่ผู้ชายหมายปอง

ยิ่งไปกว่านั้นหลินเฉินเสวี่ยยังหน้าตาดีด้วย

เย่เทียนหลงผิวปากแบบไม่มีเสียง: ผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลว ดูเหมือนการกลับมาครั้งนี้ถูกต้องแล้ว

“มัวเดินโอ้เอ้อยู่ข้างหลังทำไม”

หลินเฉินเสวี่ยปวดหัวที่ต้องคุยกับเย่เทียนหลง แต่พอเขาไม่พูด เธอก็รู้สึกกระวนกระวาย รู้สึกว่าไอ้หมอนี่คิดไม่ดี

เย่เทียนหลงรีบเก็บสายตารุกรานของเขาอย่างเขินอาย จากนั้นหาข้ออ้างแบบส่งๆ ว่า “หัวหน้าเดินไปก่อนเลยๆ”

“ผู้ชายนี่จริงๆ เลย”

หลินเฉินเสวี่ยส่งเสียงหึออกมา จากนั้นเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋าแล้วกดปุ่ม เสียงดังขึ้นที่รถที่จอดอยู่ไกลๆ

เย่เทียนหลงที่เดินตามช้าๆ อยู่ด้านหลังตาเป็นประกาย เร่งฝีเท้าไปเดินเคียงข้างหลินเฉินเสวี่ย รอยยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นสดใส

“Porsche 911 เปิดประทุน ราคาประมาณสามล้าน ราคาสูงเสียดฟ้าสำหรับคนธรรมดา ทว่าไม่เหมาะกับผู้จัดการหลินเลย”

“ฮว๋าเย่า กรุ๊ปใหญ่โตมาก เงินเดือนต่อปีบวกโบนัสของผู้จัดการสาขาอย่างเธอเป็นสิบล้าน ทำไมถึงไม่ซื้อ Bugatti Veyron ล่ะ”

หลินเฉินเสวี่ยชะงักไป จากนั้นเงยหน้ามองไปข้างหน้า แม้รถของตัวเองอยู่ห่างไปแค่สิบกว่าเมตร แต่โดนรถบ้านแบรนด์เบนซ์บังอยู่ บวกกับเสาลานจอดรถบังไว้ด้วย มองจากมุมนี้จึงเห็นไม่ค่อยชัด ไม่เห็นลักษณะและแบรนด์ของรถ

ไอ้หมอนี่มีตาทิพย์ สามารถมองเห็นรถตัวเองได้เหรอ

ถ้าบอกว่าเย่เทียนหลงเตรียมตัวมาล่วงหน้า คงไม่มีทางเป็นไปได้ เธอเพิ่งขับรถคันนี้มาวันนี้ ในบริษัทไม่มีใครรู้สักคน

เธอหันไปมองเย่เทียนหลง “นายรู้รุ่นรถของฉันได้ยังไง”

เย่เทียนหลงเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าตอบแล้วจะมีรางวัลหรือเปล่า”

ใบหน้าสวยของหลินเฉินเสวี่ยเย็นชาทันที “ไม่บอกก็ตามใจ ทำตัวประหลาดไปได้”

เธอพาเย่เทียนหลงมาข้างรถ เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งที่คนขับ ขณะที่กำลังจะบอกให้เย่เทียนหลงไปนั่งเบาะหลัง เธอเห็นเขาวิ่งไปฝั่งตรงข้าม เปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วเข้ามานั่ง อีกทั้งยังคาดเข็มขัดอย่างรวดเร็วด้วย จากนั้นพูดว่า “สมแล้วที่เป็นรถใหม่ นั่งสบายจริงๆ”

“มิน่าล่ะทุกคนถึงชอบครั้งแรก......”

หลินเฉินเสวี่ยพูดอย่างดูหมิ่นว่า “พูดแต่อะไรไม่เข้าท่า!”

เย่เทียนหลงยิ้มอย่างไม่สนโลก “ถ้าพูดไม่เข้าท่าแล้วได้เงิน ฉันคงพูดทั้งวัน จะมาทำงานทำไม”

“นายมันคนเลว”

หลินเฉินเสวี่ยไม่ลืมกำชับว่า “จำไว้ว่าอย่าพูดเรื่องที่ห้องทำงานกับคนอื่น”

“เรื่องไหน” เย่เทียนหลงถามด้วยความสงสัย “เรื่องที่เธอเป็นลม หรือเรื่องที่เธอตัวเปียก”

“ทุกเรื่อง เก็บทุกอย่างไว้ในใจ”

หลินเฉินเสวี่ยอยากเตะเขาออกจากรถจริงๆ แต่พอคิดถึงเรื่องที่จะใช้เขาจัดการคนเลว เธอทำได้แค่ข่มความโมโหเอาไว้ จากนั้นเหยียบคันเร่งออกไปทันที

เย่เทียนหลงหัวเราะคิกคัก “งั้นก็ต้องดูท่าทีของผู้จัดการหลินก่อน”

หลินเฉินเสวี่ยไม่พูดอะไรอีก แต่เหยียบคันเร่งจนเกือบมิด รถเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากขับออกมาได้ประมาณห้ากิโลเมตร เธอหันมามองเย่เทียนหลงที่กำลังเกาะหน้าต่างรถมองคนสวยข้างนอก จากนั้นส่ายหน้าไปมา เขาเป็นคนเลวจริงๆ

ไม่รู้ตัวเองไปล่วงเกินอะไรเข้า ถึงเจอตัวซวยแบบนี้

แต่พอคิดว่าจะใช้ชายคนนี้จัดการคนเลว เธอก็ยกยิ้มมุมปากเบาๆ

หลินเฉินเสวี่ยขับรถเร็วมาก ไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงหน้าตึกขนาดใหญ่สุดหรูแล้ว หลังจากล็อกรถเรียบร้อย หลินเฉินเสวี่ยพาเย่เทียนหลงมาชั้นบนสุด ห้องอาหารบนชั้น 68 ที่สามารถหมุนได้ 360 องศา ห้องอาหารตะวันตกสุดหรูและวิวดีที่สุดในหมิงเจียง คนแน่นตลอดปี

เย่เทียนหลงเห็นแล้วดีใจมาก เอาแต่พูดว่าหลินเฉินเสวี่ยเลี้ยงข้าวได้จริงใจมาก

แต่หลินเฉินเสวี่ยยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาตะโกนออกมาว่าจะไปห้องน้ำ หลินเฉินเสวี่ยถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นเดินเข้าไปในห้องอาหารที่เปิดไฟสลัว เหมือนคืนนี้มีคนเหมาห้องอาหาร บริกรแต่งชุดเหมือนกันสิบคนยืนตัวตรงอยู่ทั้งสองด้าน แต่ไม่เห็นแขกคนอื่นเลย

พอเห็นหลินเฉินเสวี่ยมาถึง บริกรพูดอย่างนอบน้อมว่า “สวัสดีคุณหลิน”

ตอนที่หลินเฉินเสวี่ยพยักหน้าตอบรับ ผู้จัดการเดินเข้ามาหาแล้วพูดอย่างสุภาพ “คุณหลิน คุณชายสวี่รออยู่ด้านในแล้ว เชิญด้านใน”

หลินเฉินเสวี่ยพยักหน้า เดินเข้าไปพลางกำชับบริกรว่า

“ฉันมีเพื่อนชื่อเย่เทียนหลง เขาไปเข้าห้องน้ำ ถ้าเขามาแล้ว ให้เขาเข้าไปหาฉันได้เลย”

บริกรที่ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งพูดพร้อมกันว่า “รับทราบ”

ผู้จัดการพาหลินเฉินเสวี่ยมาถึงห้องโถงอย่างรวดเร็ว ปกติห้องอาหารจะวางโต๊ะได้ประมาณ 28 ตัว แต่วันนี้มีแค่โต๊ะเดียว บนโต๊ะมีอุปกรณ์ทานอาหารที่งดงามมาก ข้างๆ มีดอกกุหลาบกับเทียนอีกเยอะด้วย ด้านหลังมีวงดนตรีกับนักเปียโน

มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ยืนอยู่ตรงกลางดอกไม้และเทียนมากมาย เขาอยู่ในชุดแบรนด์ Armani สีขาวทั้งตัว

บรรยากาศโรแมนติกมาก โดยเฉพาะเสียงดนตรีรื่นหู ทำให้ผู้หญิงหลายคนใจอ่อนยวบ

“มาแล้วเหรอเฉินเสวี่ย”

ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยกำลังมองภาพโรแมนติกตรงหน้าอย่างเย็นชา ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก้าวมาข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม จมูกโด่ง ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ส่วนสูง 180 เซนติเมตร เขาให้ความรู้สึกเหมือนทอม ครูซเล็กน้อย พอเขาดีดนิ้ว มีคนเอาช่อกุหลาบสีแดงมาให้ จากนั้นเขาฉีกยิ้มแล้วพูดว่า

“คืนนี้ฉันเหมาห้องอาหารนี้แล้ว เพราะฉันต้องการกินอาหารกับเธออย่างมีความสุข”

“ในเวลาเดียวกัน เธอจะได้ฟังฉันอธิบายและสารภาพรักด้วย”

“นี่คือกุหลาบทะเลอีเจียนที่เธอชอบที่สุด ฉันให้คนขนส่งมาทางเครื่องบิน หวังว่าเธอจะชอบ”

เขาไม่สนใจคำตอบของหลินเฉินเสวี่ย พูดสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดออกมา จากนั้นเขากระดิกนิ้วเบาๆ เห็นป้ายยาวๆ ร่วงลงมาสองอัน

“เฉินเสวี่ย ฉันรักเธอ!”

“ไม่เปลี่ยนแปลงตราบเท่าชีวาวาย!”

จากนั้นมีชายหญิงเดินออกมาจากห้องอาหารอีกยี่สิบกว่าคน ล้วนเป็นเพื่อนของหลินเฉินเสวี่ยกับสวี่ตงหลาย พวกเขาสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีดำ

ด้านหลังเสื้อของผู้ชายเขียนว่าสวี่ตงหลาย ด้านหลังเสื้อของผู้หญิงเขียนว่าหลินเฉินเสวี่ย ส่วนเสื้อของคนตรงกลางเป็นรูปหัวใจ

พวกเขาเพิ่งปรากฏตัวออกมา มีคนอีกสี่คนเข็นรถที่มีดอกกุหลาบรูปหัวใจออกมาสี่คัน สวี่ตงหลายเดินมาข้างหน้าพร้อมกับกุหลาบช่อใหญ่ในมือ

“เฉินเสวี่ย ฉันรักเธอ!”

สวี่ตงหลายเดินมาคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าหลินเฉินเสวี่ย “ฉันโดนผู้หญิงคนนั้นยั่ว ทำให้ทำเรื่องที่ผู้ชายทุกคนบนโลกต้องทำพลาด! ฉันไม่ได้ชอบเธอจริงๆ แค่เล่นกับเธอเท่านั้น ฉันไม่ยุ่งกับเธอแล้ว ไม่มีวันติดต่อกับเธออีก เธอให้อภัยฉันสักครั้งได้ไหม”

“คนที่ฉันรักมาตลอดคือเธอ”

“เพื่อแสดงความจริงใจของฉัน คืนนี้ฉันจะขอเธอแต่งงาน”

“เฉินเสวี่ย เธอยินดีเป็นคนรักของฉันไหม ยินดีให้ทุกคนแสดงความยินดีกับเราไหม”

เขายังพูดโดยไม่สนใจอะไรต่อไป ไม่รอให้หลินเฉินเสวี่ยที่สีหน้าลำบากใจตอบ ผู้หญิงแต่งตัวสวยเดินออกมา พวกเธอกอดอกแล้วตะโกนว่า

“เฉินเสวี่ย ตงหลายจริงใจมาก! แต่งเลย! แต่งเลย!”

คนอื่นตะโกนด้วยเหมือนกัน “แต่งเลย! แต่งเลย!”

บริกรกับผู้จัดการปรบมือ “แต่งเลย! แต่งเลย!”

ท่ามกลางกลิ่นดอกไม้หอมอบอวล สวี่ตงหลายดูจริงใจมาก เต็มไปด้วยความรัก เสื้อผ้าแบรนด์ Armani บนตัวส่องแสงแวววาว

หลินเฉินเสวี่ยเห็นแล้วหน้าซีดเผือด มองสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของสวี่ตงหลาย รวมถึงเสียงเชียร์ของคนอีกหลายสิบคน เธอไม่รู้จะทำยังไงดี เธอไม่มีทางตอบตกลงไอ้สารเลวนี่หรอก แต่ถ้าปฏิเสธตรงๆ......ก็ดูโหดร้ายไปหน่อย

เธอไม่ชอบสวี่ตงหลาย ถึงขนาดรังเกียจนิดหน่อยด้วย แต่ไม่อยากแตกหักกับเขา สังคมในหมิงเจียงไม่ได้ใหญ่ ต้องเจอกันบ่อยๆ อยู่แล้ว

เห็นได้ชัดว่าพวกสวี่ตงหลายวางแผนมาแล้ว พอเห็นหลินเฉินเสวี่ยลังเล พวกเขาตะโกนอีกรอบ เสียงตะโกนบอกให้แต่งกับเขาดังลั่นไปทั่ว

“แต่งเลย แต่งเลย”

พวกเขารู้ว่าหลินเฉินเสวี่ยเป็นคนดี ไม่กล้าปฏิเสธสวี่ตงหลายต่อหน้าทุกคนหรอก ในเมื่อไม่กล้าปฏิเสธ ก็ต้องแต่งกับเขา

ขอแค่กดดันให้ถึงที่สุด หลินเฉินเสวี่ยต้องตกลงแน่นอน

เหมือนวงดนตรีที่จ้างมาในราคาสูงฮึกเหิมมาก พวกเขาเล่นเพลงจากเรื่องรักนี้ชั่วนิรันดร์

สวี่ตงหลายเอาไฟแช็กซิปโป้ออกมา “เฉินเสวี่ย นี่คือไฟแห่งรักที่ฉันมอบให้เธอ”

พอพูดถึงตรงนี้ เขาเอาไฟแช็กจุดเทียนสีขาวที่อยู่ข้างๆ

“พรึ่บ!”

เทียนพวกนี้เชื่อมต่อกัน พอจุดเทียนเล่มหนึ่ง เทียนเล่มอื่นก็ติดไฟด้วย

เทียนรอบๆ สว่างขึ้นมาทันที มันกลายเป็นรูปหัวใจ โรแมนติกสุดๆ

ผู้หญิงหน้าตาสะสวย 7-8 คนพูดด้วยความตื่นเต้น “ว้าว โรแมนติกมาก”

“เฮ้ย! ไฟไหม้!”

เทียนเพิ่งส่องแสงสว่างไปรอบๆ ใครก็ไม่รู้วิ่งเอาน้ำในขันมาสาดใส่

“ไฟไหม้! ดับไฟเร็ว”

“พรึ่บ!”

เทียนสิบกว่าเล่มโดนน้ำสาดใส่จนดับ

จากนั้นคนที่มายกถังดับเพลิงขึ้นมาอีก เขากดแล้วฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาดับเทียนที่เหลือ

ให้ตายเถอะ

ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยอ้าปากเล็กน้อย เย่เทียนหลงกำลังใช้เท้าเหยียบประกายไฟ พรึ่บๆๆ เขาเหยียบเทียนกับดอกไม้จนเละไปหมด

สวี่ตงหลายโดนน้ำสาดจนเปียกไปครึ่งตัวเหมือนกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง กุหลาบในมือเละจนดูไม่ได้

“ฟู่ว”

ดวงไฟของไฟแช็กซิปโป้กันน้ำส่ายไปมา

“พรึ่บ!”

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถูกพ่นออกมาดับดวงไฟสุดท้าย

เละเทะไปหมด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel