บทที่ 6 ฝ่ามือปลิดวิญญาณ
เวลาห้าโมงเย็น เย่เทียนหลงช่วยฝ่ายการตลาดจัดการออเดอร์ของเจ้าหญิงแห่งแอฟริกาเสร็จเรียบร้อย อีกทั้งยังมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นด้วย
เจ้าหญิงพูดย้ำให้เย่เทียนหลงติดต่อไปบ่อยๆ บอกให้เขาไปเที่ยวที่เผ่าเพชรดำที่แอฟริกา
เจ้าหญิงพูดขู่ทิ้งท้ายว่า ถ้าฮว๋าเย่า กรุ๊ปกล้ารังแกเย่เทียนหลง เธอไม่ปล่อยไว้แน่
เย่เทียนหลงจนปัญญา ทำได้แค่แลกช่องทางติดต่อกัน หลิวหย่งไฉจ้องเย่เทียนหลงอย่างเย็นชา ทั้งสองคนเป็นศัตรูกันเรียบร้อยแล้ว
หลังจากไปส่งพวกเจ้าหญิงที่หน้าประตูลิฟต์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ลู่เสี่ยวอู่บอกให้เขาไปที่ห้องผู้จัดการ
เย่เทียนหลงผิวปากอย่างมีความสุข ค่อยๆ ผลักประตูเดินเข้าไป เห็นหลินเฉินเสวี่ยนั่งพิงเก้าอี้และนวดขมับอยู่ ตรงหน้ามีกาแฟอยู่สองแก้ว
เขาสูดกลิ่นหอมแล้วยิ้มอย่างสดใส “ผู้จัดการหลินปวดหัวมากเหรอ ฉันนวดให้ไหม การนวดของฉันดีมากนะ คนอายุน้อยและคนแก่พากันเรียกว่าฝ่ามือปลิดวิญญาณ”
หลินเฉินเสวี่ยขมวดคิ้ว “ไม่ต้อง ฉันสบายดี นั่งสิ ฉันมีธุระคุยด้วย”
“มีธุระเหรอ รอกินข้าวพร้อมฉันเหรอ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก” เย่เทียนหลงทำท่ารู้สึกผิด เขาโบกมือไปมาแล้วตอบว่า “ฉันต่างหากที่ต้องเลี้ยงข้าวเธอ! หัวหน้าหวังบอกว่าจะให้ค่าคอมมิชชั่นฉันสามเปอร์เซ็นต์”
“ค่าคอมมิชชั่นหนึ่งล้านสองแสน เอาเงินมากองรวมกันต้องสูงกว่าฉันแน่ๆ ฉันจะพาเธอไปสนุกที่ธีมโฮเทล”
กว่าหลินเฉินเสวี่ยจะรู้สึกโล่งใจได้ ตอนนี้มาเจอคนไม่สนใจโลกอย่างเย่เทียนหลง ทำให้เธอเครียดขึ้นมาอีกแล้ว โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินคำพูดแทะโลมตัวเอง เธออยากเข้าไปถีบเขาจริงๆ
กว่าเธอจะสงบสติอารมณ์ได้ เธอชี้เก้าอี้ข้างหน้าแล้วกระแอมเบาๆ “นั่งสิคุณเย่ ฉันชงกาแฟให้นายด้วย”
เย่เทียนหลงดึงเก้าอี้ออกมาอย่างมีความสุข หลังจากได้กลิ่นกาแฟหอมๆ เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “กาแฟอาลาซานโข่วชั่งละพันดอลลาร์ แม้รสชาติและกลิ่นหอมมาก แต่ฉันไม่ชอบ ดื่มแล้วคึกมาก ไม่ต่างจากยาปลุกเซ็กส์เท่าไร”
เขายิ้มร้ายกาจแล้วพูดว่า “จะกลายเป็นหมาพุดเดิ้ลที่อยากมีอะไรกับหมาโกลเด้น......”
หลินเฉินเสวี่ยที่ยกแก้วขึ้นมาหน้าบึ้งทันที ไม่รู้ว่าจะดื่มกาแฟดีไหม เห็นได้ชัดว่ากระอักกระอ่วนมาก แล้วก็หงุดหงิดด้วย
ไอ้หมอนี่พูดแต่อะไรไม่เข้าท่า
แต่เธอรู้สึกประหลาดใจ เขารู้จักกาแฟนี้ได้ยังไง ของสิ่งนี้ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้นะ
เหมือนเย่เทียนหลงไม่เห็นความโมโหนัยน์ตาเธอ เขาพิงเก้าอี้อย่างอวดดีแล้วพูดว่า
“ผู้จัดการหลินทำงานกดดันมาก ดื่มกาแฟให้ตื่นตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ดื่มกาแฟอาลาซานโข่วให้น้อยลงดีกว่า การหลั่งฮอร์โมนจะได้ไม่ผิดปกติ ตอนนี้เธอไม่มีแฟนด้วย ถ้าการหลั่งฮอร์โมนผิดปกติขึ้นมาจะแย่”
“อีกอย่างกาแฟนี้มีผลข้างเคียงด้วย นั่นก็คือจะทำให้เกิดการเหนื่อยล้าสะสม ถ้าเธอดื่มจนถึงขีดจำกัดของร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า”
“ฉันขอแนะนำให้เธอกินแครอทเยอะๆ”
“หวานสดชื่น คลายร้อน ทำให้จิตใจสงบ”
แครอทปรากฏที่มือขวาของเขา จากนั้นยื่นมาตรงหน้าหลินเฉินเสวี่ยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาสักหัวไหม”
“เย่เทียนหลง!”
หลินเฉินเสวี่ยทนไม่ไหวแล้ว เธอกระแทกแก้วลงบนโต๊ะแล้วขมวดคิ้ว “จริงจังหน่อย! ถ้านายทำตัวแบบนี้อีก ฉันจะเตะนายออกจากบริษัท”
เย่เทียนหลงบ่นว่า “เห็นไหม ฉันเดาถูก เธอจะเฉดหัวฉันออกจากบริษัท โชคดีที่เราเซ็นสัญญากันแล้ว ในระยะเวลาสามปี เธอห้ามไล่ฉันออก”
นี่มันอะไรกันเนี่ย ไม่ใช่เรื่องเดียวกันสักหน่อย หลินเฉินเสวี่ยก่นด่าในใจ ไอ้สารเลวนี่ใกล้ทำเธอบ้าแล้ว
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีวิธีห้ามเย่เทียนหลง เธอสูดหายใจลึก คิดถึงความตั้งใจเดิมที่เธอเรียกเขามา จากนั้นฝืนยิ้มแล้วพูดว่า
“คุณเย่มีความสามารถมาก รู้หลายภาษา แล้วก็เป็นตัวของตัวเองมาก”
“ฉันคิดว่าเป็นแค่ผู้ช่วย ไม่สมกับความสามารถของนาย อีกทั้งเงินเดือนหมื่นหยวนก็น้อยเกินไป”
หลินเฉินเสวี่ยพยายามยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันพูดตามตรงละกัน ฉันชื่นชมนายมาก ตอนนี้ฝ่ายการตลาดขาดหัวหน้าทีมเล็กพอดี อยากให้นายไปเป็นหัวหน้าทีม มีลูกน้องสี่คน เป็นหัวหน้าทีมเล็ก ค่าคอมมิชชั่นแปดเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยอดขายของทีมต่อไตรมาส แค่ทำให้ถึงเป้าก็พอแล้ว”
“เปอร์เซ็นต์คอมมิชชั่นคือ”
“นายจะได้ค่าคอมมิชชั่น 0.001 เปอร์เซ็นต์ของผลประกอบการรวมของทีม”
เป็นครั้งแรกที่คนเย็นชาและเย่อหยิ่งมาตลอดอย่างหลินเฉินเสวี่ย กำลังยิ้มและอธิบายอนาคตอันสดใสให้เย่เทียนหลงฟัง “คิดดูสิ ถ้านายเป็นหัวหน้าทีมเล็ก ถ้าลูกน้องในทีมสร้างผลงานแบบนายในวันนี้ ค่าคอมมิชชั่นของนายจะได้ประมาณเก้าเปอร์เซ็นต์เลยนะ ตั้งเก้าเปอร์เซ็นต์ หลายล้านเลยนะ ซื้อบ้านได้เลยล่ะ”
เธอพูดอีกว่า “นายเป็นผู้ช่วยหลายสิบปีก็หาเงินขนาดนี้ไม่ได้”
“ถ้านายตกลงไปฝ่ายการตลาด ค่าคอมมิชชั่นออเดอร์ของวันนี้ ฉันจะให้นายแปดเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน นายว่ายังไงล่ะ”
แม้ต้องจ่ายหลายล้านรวดเดียว แต่หลินเฉินเสวี่ยคิดว่าขอแค่เย่เทียนหลงไม่มาอยู่ข้างๆ ตัวเอง ไม่มาเป็นผู้ช่วยของตัวเองก็คุ้มแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนหลงเป็นคนทำให้โปรเจคสำเร็จ เธอเชื่อว่าเขาได้ยินตัวเองพูดล่อใจแบบนี้ เย่เทียนหลงต้องไปทำงานที่ฝ่ายการตลาดแน่ๆ
แต่นอกจากเย่เทียนหลงจะไม่ดีใจแล้ว เขากลับขมวดคิ้วด้วย
“หัวหน้าทีมเล็กเหรอ”
เขากัดแครอทเสียงดังกรอบ “ไม่ไป!”
ใบหน้าสวยของหลินเฉินเสวี่ยเปลี่ยนไปทันที “ไม่ไปเหรอ”
เย่เทียนหลงนั่งตัวตรง หัวเราะคิกคักแล้วตอบว่า “ไม่ไปแน่นอน การทำงานของฉันคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข! ไม่ได้ทำเพื่อเงิน ทำงานฝ่ายการตลาดได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะ แต่เหนื่อยมาก ใช้งานอย่างหนัก ฉันไม่อยากให้ตัวเองเหนื่อย อายุยังไม่ถึงสามสิบก็หัวล้านแล้ว”
“เธอดูหัวหน้าหวังฝ่ายการตลาดสิ สังสรรค์จนคิดถึงแต่เหล้ากับผู้หญิง สามารถตายบนโต๊ะเหล้าหรือบนเตียงได้ตลอดเวลา”
“อีกอย่างฉันมาสมัครเป็นผู้ช่วย ฉันจะละทิ้งความตั้งใจเดิมไปฝ่ายการตลาดได้ยังไงล่ะ”
จากนั้นเขาตบเข่าฉาด มองหลินเฉินเสวี่ยแล้วหัวเราะคิกคัก “ผู้จัดการหลิน เธอกำลังทดสอบฉันอยู่ใช่ไหม”
หลินเฉินเสวี่ยสบถในใจ: ฉันไม่อยากเห็นผู้ชายอย่างนายต่างหาก
เมื่อล่อด้วยผลประโยชน์ไม่สำเร็จ เธอทำหน้าบึ้งทันที “ไม่ไปจริงเหรอ พลาดแล้วอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
“ไม่ไป ฉันจะเป็นผู้ช่วย” เย่เทียนหลงปฏิเสธทันที “ฉันไม่สนโอกาสอะไรนั่นหรอก ขอแค่ปรนนิบัติผู้จัดการหลินอย่างดี สามารถเป็นรองผู้จัดการได้ด้วยซ้ำ”
หลินเฉินเสวี่ยลุกขึ้นยืน “ฉันให้เวลานายคิดอีกหนึ่งคืน คิดให้ดี พรุ่งนี้เช้าค่อยให้คำตอบฉัน”
จากนั้นเธอชี้นิ้วออกมา “ออกไปได้แล้ว”
หญิงสาวกลับมาเย็นชาเย่อหยิ่งเหมือนเดิม
เย่เทียนหลงจ้องหลินเฉินเสวี่ยไม่วางตา “ผู้จัดการหลินไม่เลี้ยงข้าวฉันเหรอ ไม่มีเงินไม่เป็นไร ฉันเลี้ยงเธอก็ได้”
หลินเฉินเสวี่ยตวาดว่า “ออกไป”
เย่เทียนหลงทำได้แค่ลุกขึ้นแล้วพึมพำกับตัวเอง “กาแฟอาลาซานโข่วได้ผลจริงๆ เมื่อบ่ายผู้จัดการหลินยังดีๆ อยู่เลย พอดื่มเข้าไปแล้วกลายเป็นพุดเดิ้ล......”
ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยกำลังจะปาแก้วกาแฟใส่ จู่ๆ มือถือบนโต๊ะดังขึ้น พอเห็นเบอร์ นัยน์ตาเธอฉายแววรังเกียจ
อยากกดวางแต่ไม่อยากเลี่ยง จึงกดรับสายแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “สวี่ตงหลาย ฉันเคยบอกแล้วว่าอย่ามากวนฉันอีก”
“นายเป็นคนมีการศึกษา ทำไมถึงทำตัวเซ้าซี้แบบนี้ล่ะ”
“เฉินเสวี่ย คืนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิดจริงๆ ให้โอกาสฉันอธิบายหน่อยได้ไหม”
อีกฝั่งเป็นเสียงผู้ชาย “ฉันกับย่วนย่วนไม่ได้รู้สึกอะไรกันจริงๆ เธอเชื่อฉันได้ไหม คุยทางโทรศัพท์คงเคลียร์กันไม่ได้ คืนนี้ไปกินข้าวกัน ฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจเอง ถ้าเธอคิดว่าคำอธิบายของฉันไม่จริงใจพอ ค่อยเตะฉันออกไปก็ได้ ขอร้องล่ะ ให้โอกาสฉันได้อธิบายเถอะ”
หลินเฉินเสวี่ยตอบอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีอะไรต้องอธิบายแล้ว ฉันไม่มีเวลาฟังนายอธิบาย นายไม่ต้องอธิบายให้ฉันฟังด้วย ฉันกับนายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“เฉินเสวี่ย กินข้าวกับฉันสักมื้อเถอะนะ ไม่ว่าเธอจะให้อภัยหรือเปล่า ต่อไปฉันรับรองว่าจะไม่เซ้าซี้เธออีก”
ผู้ชายที่อยู่ในสายพูดรับประกัน “มาเจอและกินข้าวกันสักมื้อ ให้โอกาสทั้งฉันและเธอ ไม่งั้นฉันไม่มีทางยอมแพ้ ฉันจะเซ้าซี้เธอต่อไป”
เขาไม่ลืมยั่วโมโหหลินเฉินเสวี่ย “ฉันจะส่งดอกไม้ให้เธอทุกวัน ไปหาเธอที่ห้องทำงาน หาวงดนตรีไปบอกรักเธอ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนแน่วแน่มาก”
“นายมันคนเซ้าซี้” สีหน้าของหลินเฉินเสวี่ยลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นพูดอย่างเย็นชาว่า “ได้ ฉันจะไปเจอนาย จำคำพูดนายไว้ให้ดี ต่อไปอย่ามาเซ้าซี้ฉันอีก”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เธอตัดสายทันที
เย่เทียนหลงรับรู้ถึงความโมโหของเธอ เขาหันมามองทันที “มีคนหาเรื่องผู้จัดการหลินเหรอ”
เย่เทียนหลงยังไม่ทันได้คำตอบ ก็เห็นหลินเฉินเสวี่ยตัวสั่น กะพริบตาถี่ๆ แล้วล้มลงบนโต๊ะ
เย่เทียนหลงเห็นแล้วตกใจ รีบวิ่งเข้ามาหาหลินเฉินเสวี่ยทันที เขาจับตัวเธอไว้แล้วจับชีพจร
“อืม!”
นิ้วเพิ่งแตะลงบนข้อมือขาวของหลินเฉินเสวี่ย หลินเฉินเสวี่ยส่งเสียงออกมาแล้วลืมตาขึ้น พอเห็นเย่เทียนหลงกอดตัวเองก็ชะงักไป!
ตอนนี้เย่เทียนหลงเห็นหลินเฉินเสวี่ยลืมตาขึ้นมาเหมือนกัน หลินเฉินเสวี่ยหน้าตาสะสวย เรื่องนี้เย่เทียนหลงรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหลินเฉินเสวี่ยแล้ว
ทว่าได้เห็นใกล้ๆ ขนาดนี้ เย่เทียนหลงพบว่าหลินเฉินเสวี่ยสวยกว่าที่เขาจินตนาการไว้อีก
โครงหน้าเธอสวยมาก ผิวพรรณดี มีกลิ่นกายออกมาตามธรรมชาติ มีความยั่วยวนมาก
มีความรู้สึกนุ่มสบายแผ่ซ่านมาตรงฝ่ามือที่จับตัวหลินเฉินเสวี่ยอยู่
ทั้งสองคนเบิกตาโต อ้าปากหวอ ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ราวกับเวลาหยุดนิ่ง
หลินเฉินเสวี่ยเห็นแววตาลึกซึ้งของเย่เทียนหลง รวมถึงกลิ่นของผู้ชายที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา จิตใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทันที
เหมือนหัวใจที่ปิดตายมาหลายปี เต้นแรงโดยไม่รู้ตัว
เห็นริมฝีปากอวบอิ่มที่สั่นเทาของหลินเฉินเสวี่ย เย่เทียนหลงอยากจูบเธอจริงๆ
หลินเฉินเสวี่ยเห็นอาการผิดปกติของเย่เทียนหลง หลินเฉินเสวี่ยขบริมฝีปากเรียกสติ แต่เสียงพูดเบามาก
“นาย......นายปล่อยมือเถอะ”
“เฮ้ย!”
พอเย่เทียนหลงก้มมอง ที่แท้มือเขาโดนหน้าอกของเธอ แต่เมื่อกี้เขารีบจับชีพจร จึงไม่ทัน
มิน่าล่ะเมื่อกี้ถึงรู้สึกดีมาก เขารีบดึงมือกลับ หัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า
“ผู้จัดการหลินทำงานหนักเกินไป มีเรื่องในใจเยอะ บวกกับผลข้างเคียงของกาแฟอาลาซานโข่ว ทำให้เธอเป็นลม เธอต้องพักผ่อน เดี๋ยวฉันนวดให้ รับรองว่าทำให้เธอหายล้าแน่นอน”
หลังพูดจบ เขาไม่รอให้หลินเฉินเสวี่ยปฏิเสธ สองมือวางลงบนไหล่เธอ แล้วก็นวดให้เธอ
“นวดขจัดความเหนื่อยล้า นวดให้ลืมเรื่องกังวลใจ นวดให้ลืมศัตรูหัวใจ.......”
บ้าบออะไรกัน!
เขาพูดเหมือนดื่มน้ำที่ทำให้ลืมความทรงจำในอดีต ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยกำลังจะปฏิเสธเขา ความรู้สึกสบายที่บอกไม่ถูก ทำให้คำพูดที่เธอจะปฏิเสธหายวับไปทันที
เหมือนนิ้วของเย่เทียนหลงมีเวทมนตร์ ทำให้ร่างกายเธอเหมือนโดนไฟช็อต อาการเหนื่อยล้าก็หายไปด้วย
“อืม......อย่า......อืม......” หลินเฉินเสวี่ยอยากบอกให้เย่เทียนหลงหยุดนวด แต่ตัวเธอไร้เรี่ยวแรง สีหน้าแดงระเรื่อมากด้วย
ถ้าไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็ฟินกับการนวดไปซะเลย เธอค่อยๆ หลับตาลง สีหน้าเคลิบเคลิ้มและมีความสุข เหมือนเดินเล่นอยู่บนก้อนเมฆอย่างไรอย่างนั้น
“รูปลักษณ์คือความว่างเปล่าโดยแท้ ความว่างเปล่าโดยแท้คือรูปลักษณ์”
เห็นท่าทางยั่วยวนของหลินเฉินเสวี่ย เย่เทียนหลงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เตือนตัวเองในใจตลอดเวลา
นอกจากหลินเฉินเสวี่ยจะสวยมากแล้ว หุ่นก็ดีมากด้วย บวกกับเสน่ห์ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ ยากที่จะไม่ดึงดูดใจคน
เย่เทียนหลงกลับมามีสติเหมือนเดิม จู่ๆ การนวดของเขาเปลี่ยนไป
เขาใช้ข้อนิ้วกดที่ด้านหลังของหลินเฉินเสวี่ย
“อืม......สบายมาก......” พอการนวดของเย่เทียนหลงเปลี่ยนไป ตัวของหลินเฉินเสวี่ยสั่นเล็กน้อย หน้าแดงขึ้นกว่าเดิม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน พอเย่เทียนหลงนวดครั้งสุดท้าย หลินเฉินเสวี่ยส่งเสีย “โอ๊ย” ออกมา ดวงตาเรียวน่าหลงใหล
หญิงสาวดูเคลิบเคลิ้ม
“เฮ้ย!”
ขณะนั้นเย่เทียนหลงอุทานออกมา “นวดผิดแล้ว ต้องเป็นสงบจิตขจัดความเหนื่อยล้าสิ ทำไมถึงกลายเป็นน้ำไฟสองผสานไปได้”
“ผู้จัดการหลินๆ ทำไมหน้าเธอแดงและร้อนขนาดนี้”
“เฮ้ย ผมกับเสื้อเปียกไปหมดแล้ว......”
หลินเฉินเสวี่ยตั้งสติได้ เธอตวาดว่า “เย่เทียนหลง”
เธอยื่นมือไปหยิบคัตเตอร์
ขณะที่เย่เทียนหลงอุทานว่าแย่แล้ว จากนั้นรีบวิ่งไปที่ประตู จู่ๆ หลินเฉินเสวี่ยรู้สึกมีแรงเต็มเปี่ยม สีหน้ากระปรี้กระเปร่ามาก
ไม่เหลือความเหนื่อยล้าอีกแล้ว เธอไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน
หลินเฉินเสวี่ยรู้สึกตกใจ เธอตะโกนพูดกับเย่เทียนหลงว่า
“เย่เทียนหลง คืนนี้ฉันจะพานายไปกินข้าว”
เธอจะใช้ผู้ชายคนนี้จัดการปัญหาใหญ่