บทที่ 5 คนที่ไล่ไม่ไป
Centurion Card หรือแบล็คการ์ดที่ออกโดยบริษัทบัตรเครดิตระดับโลก
แบล็คการ์ดเป็นอะไรที่ไม่โดดเด่นและลึกลับ ไม่ได้ออกบัตรให้อย่างเปิดเผย และไม่สามารถยื่นขอได้เอง แต่เลือกจาก 1 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าที่ใช้บัตรแพลตตินัม และชวนให้พวกเขาทำแบล็คการ์ด
บัตรใบนี้ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้ ผู้ถือครองแบล็คการ์ดต้องมีทรัพย์สินโดยเฉลี่ยห้าสิบล้านดอลลาร์
ถ้าบัตรใบนี้เป็นของเจ้าหญิงแห่งแอฟริกา ถ้าอย่างนั้นเงินห้าล้านดอลลาร์ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแล้วล่ะ
“เจ้าหญิงบอกว่านี่คือบัตรของเธอ ถ้าทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันได้ เธอจะรูดบัตรจ่ายค่าสินค้าเลย”
เย่เทียนหลงมองหลิวหย่งไฉแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้ายังไม่เชื่ออีก เธอจะให้ฉันพาไปที่หวังเย่า กรุ๊ป”
ล่ามหวังพยักหน้า “เจ้าหญิงพูดแบบนี้จริงๆ”
หลิวหย่งไฉนวดท้องที่เจ็บมาก เขาอยากพูด แต่สุดท้ายก็ปิดปากเงียบอย่างคับข้องใจ ถ้าเขาทำให้การซื้อขายนี้พังต่อหน้าทุกคน เขาคงตกงานด้วยเหมือนกัน
อีกทั้งเจ้าหญิงแอฟริกาที่มีแบล็คการ์ด เป็นคนที่เขาล่วงเกินไม่ได้เหมือนกัน
เขารู้สึกหดหู่ ครั้งนี้คงโดนกระทืบฟรีแล้วล่ะ
“บอกเจ้าหญิงว่าเราจะร่วมมือด้วยความจริงใจอย่างที่สุด”
หลินเฉินเสวี่ยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “แจ้งฝ่ายการตลาด ให้หัวหน้าหวังรับผิดชอบโปรเจคนี้”
ล่ามหวังแปลให้เจ้าหญิงฟัง เจ้าหญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดกับล่ามครู่หนึ่ง จากนั้นชี้เย่เทียนหลง “ตี่คาวาอู”
ใบหน้าหลินเฉินเสวี่ยฉายแววประหลาดใจ เย่เทียนหลงลุกขึ้นยืนแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผู้จัดการหลิน เจ้าหญิงผิดหวังกับบริษัทนี้มาก”
“โดยเฉพาะการกระทำของผู้จัดการหลิว ทำให้เธอเสียความรู้สึกมาก เธออยากให้รับผิดชอบ”
“พอคิดดูแล้ว ตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ ผู้จัดหลิวสบประมาทเจ้าหญิงหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนผิวดำ มนุษย์ดึกดำบรรพ์ เจ้าหญิงปลอม ที่เผ่ามีแค่กล้วย” พอพูดถึงตรงนี้ เขาพูดเสียงยานว่า “แน่นอนว่าถ้าผู้จัดการหลิวยอมขอโทษต่อหน้าทุกคน และชดเชยให้อย่างเหมาะสม เธอจะลองคิดเรื่องให้อภัยดูอีกที”
ขณะที่หลิวหย่งไฉกำลังจะพูด เย่เทียนหลงหันมามอง สายตาเขาดุดันมาก “ไม่งั้นเธอจะร้องเรียนไปยังสำนักงานใหญ่ ฟ้องร้องว่าผู้จัดการหลิวดูหมิ่นเผ่าพันธุ์ ไม่เคารพลูกค้า”
หลิวหย่งไฉคับข้องใจมาก: ให้ตายเถอะ คนที่โดนกระทืบคือฉัน มีหน้ามาพูดว่าทำให้เธอเสียความรู้สึก โลกนี้ยังมีความเป็นธรรมอยู่หรือเปล่า ยังมีกฎหมายอยู่ไหม
แต่เขารู้ว่าถ้าเจ้าหญิงแห่งแอฟริกาฟ้องไปที่สำนักงานใหญ่จริงๆ คนที่เสียเปรียบคงเป็นเขา
ดังนั้นถึงเขาคับข้องใจ โมโห แต่สถานการณ์บังคับให้เขากัดฟันยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เจ้าหญิงเชี่ยนเชี่ยน ฉันขอโทษจริงๆ อย่าถือสาฉันเลย ให้อภัยฉันเถอะ”
“น้องเย่ ขอโทษนายด้วยที่พูดล่วงเกินเมื่อกี้......”
เขาเอากระเป๋าเงินออกมา จากนั้นเอาธนบัตรออกมาเป็นปึก อย่างต่ำสักสามพันหยวน จากนั้นยัดใส่มือเย่เทียนหลง “นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก”
เย่เทียนหลงพูดอย่างเกรงใจพลางเก็บธนบัตรเข้าไปในอก ไม่รอให้หลินเฉินเสวี่ยห้าม เขาลูบหัวหลิวหย่งไฉแล้วพูดว่า
“ฉันรับน้ำใจไว้แล้ว ต่อไปทำตัวดีๆ อย่ายโสโอหังอีก”
หลิวหย่งไฉมุมปากกระตุก สาบานในใจว่าต้องล้างแค้นความอับอายวันนี้กลับคืนให้เย่เทียนหลงเป็นสิบเท่า แต่เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาถลึงตาใส่เย่เทียนหลงแล้วตวาดว่า
“เจ้าหญิงพูดแค่ประโยคเดียว ทำไมนายแปลออกมาเยอะจัง”
เย่เทียนหลงตบเข่าฉาด จากนั้นพูดอย่างเศร้าใจว่า “โดนนายจับได้ซะแล้ว ฉลาดจัง”
“แต่ที่พูดไปเมื่อกี้ เพราะฉันไม่ชอบอะไรที่ไม่ยุติธรรม ฉันไม่ได้บอกว่าเจ้าหญิงพูดสักหน่อย”
หลิวหย่งไฉโมโหมาก “ไอ้สารเลว! นายหลอกฉัน!”
เขาทำท่าจะกระทืบเย่เทียนหลง แต่เจ้าหญิงแห่งแอฟริกาเดินมาข้างหน้า สายตาดุดันเหมือนนกอินทรีปกป้องลูกไก่
ลูกน้องรีบรั้งหลิวหย่งไฉ นอกจากจะล่วงเกินลูกค้าอย่างเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้แล้ว พละกำลังของเธอยังแข็งแกร่งมากด้วย หลิวหย่งไฉมีโอกาสโดนกระทืบจนบาดเจ็บหรือพิการได้ตลอดเวลา
“ผู้จัดการหลิวอย่าบุ่มบ่าม เมื่อกี้นายพูดแย่ๆ กับเจ้าหญิงเยอะมาก ยังไงก็ต้องขอโทษอยู่แล้ว”
หลินเฉินเสวี่ยห้ามพวกเขาสองคนได้ทันเวลา จากนั้นหันไปพูดกับล่ามหวังว่า “ผู้อาวุโสหวัง เมื่อกี้เจ้าหญิงพูดอะไรเหรอ”
ล่ามหวังยิ้มอย่างเหนื่อยใจ ชี้ไปที่เย่เทียนหลงแล้วพูดว่า “เธออยากเจรจากับคุณเย่ของบริษัทเธอ”
“เขาเหรอ”
หลินเฉินเสวี่ยขมวดคิ้วมองเย่เทียนหลง เย่เทียนหลงยักไหล่ “แต่ฉันไม่ผ่านตำแหน่งผู้ช่วย ไม่ใช่คนของฮว๋าเย่า กรุ๊ป”
ไอ้สารเลว ฉวยโอกาสชัดๆ หลินเฉินเสวี่ยอยากกระทืบไอ้หมอนี่จริงๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ นายผ่านแล้ว เย่เทียนหลง ตั้งแต่นี้ไปนายคือผู้ช่วยผู้จัดการ รับผิดชอบประสานงานกับฝ่ายการตลาดดูแลโปรเจคนี้”
หลังจากแน่ใจว่าเชี่ยนเชี่ยนเป็นเจ้าหญิง รวมถึงแน่ใจว่าออเดอร์เชื่อถือได้ หลินเฉินเสวี่ยอยากให้ยืนยันเร็วๆ เธออยากใช้โอกาสนี้จัดการปัญหาภายในใจ
ในขณะที่ใบหน้าของลู่เสี่ยวอู่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เย่เทียนหลงกลับไม่สะทกสะท้าน แถมโบกมือเบาๆ แล้วพูดว่า “แต่ฉันไม่อยากทำแล้ว”
ทุกคนไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “ตอนผู้จัดการหลินสัมภาษณ์ฉันเมื่อกี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ชอบฉันสุดๆ พอฉันทำโปรเจคนี้เสร็จเรียบร้อย เธอต้องไล่ฉันออกแน่ๆ”
เขาฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไปทำงานที่ทำได้นานๆ ดีกว่า”
หลินเฉินเสวี่ยชะงักไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะเดาใจเธอได้ หลังจากเสร็จโปรเจคนี้ ผ่านไปสัก 1-2 เดือน เธอจะไล่เขาออกจริงๆ
เขามีความสามารถ แต่เขาไม่สนใจโลก แถมยังกวนบาทา เธอไม่อยากให้คนแบบนี้อยู่ในบริษัท แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนหลงจะเดาใจเธอได้ก่อน
ตอนนี้เธอยอมรับสิ่งที่ตัวเองคิดในใจไม่ได้ ไม่งั้นต้องเสียออเดอร์ห้าล้านไปแน่ๆ และจะส่งผลกระทบกับแผนของตัวเองในอนาคตด้วย จึงพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “คุณเย่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ไล่นายออกหรอก ฉันไม่ใช่คนที่ชอบถีบหัวส่งใครนะ”
หลิวหย่งไฉกำลังจะพูด เขาสงสัยในตัวเย่เทียนหลง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
วันนี้ดวงไม่ดี ยิ่งพูดยิ่งแย่ จะทำให้คนอื่นขายหน้า แต่โดนคนนั้นกระทืบจนบาดเจ็บ จึงทำได้แค่มองเย่เทียนหลงอย่างเคียดแค้น
ตอนนี้เย่เทียนหลงกะพริบตามองหลินเฉินเสวี่ย “ขอแค่ฉันไม่ทำเรื่องคอขาดบาดตาย สามปีนี้ห้ามไล่ฉันออก”
หลินเฉินเสวี่ยกำหมัดเบาๆ “ได้”
เย่เทียนหลงพูดเงื่อนไขออกมาอีก “เงินเดือนหนึ่งหมื่น พร้อมเบี้ยเลี้ยงค่าเดินทางกับค่าอาหาร”
เห็นไอ้หมอนี่ได้คืบจะเอาศอก หลินเฉินเสวี่ยอยากอาละวาดมาก แต่สุดท้ายเธอพูดอย่างเย็นชาว่า “ได้!”
“ซื้อประกันให้ด้วย”
“ได้!”
“มีวันหยุดสองวันไหม”
“ได้”
“ขอฉันลูบต้นขาหน่อย”
“ได้......”
หลินเฉินเสวี่ยที่เกือบติดกับดักใบหน้าเย็นยะเยือกทันที “เย่เทียนหลง นายอยากตายใช่ไหม จะหยุดได้หรือยัง”
“ล้อเล่น โอเค เงื่อนไขตามที่ว่ามา”
เย่เทียนหลงรีบฉวยโอกาสนี้พูดว่า “เรามาเซ็นสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษรดีกว่า”
หลินเฉินเสวี่ยแค้นมาก “ได้”
ทั้งสองคนเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็ว หมายเหตุระบุไว้ว่าห้ามหลินเฉินเสวี่ยไล่เขาออก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ยกเว้นเย่เทียนหลงจะเป็นฝ่ายลาออกเองหรือทำผิดกฎ
หลังจากเก็บสัญญาที่ไม่สามารถไล่ออกได้ไว้ในอกแล้ว เย่เทียนหลงพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นสะบัดมือ
“เสี่ยวอู่ ไปเรียกคนของฝ่ายการตลาดมาเจรจาโปรเจคนี้ด้วยกัน”
“ถ้าเจรจาสำเร็จ เดี๋ยวพี่จะป้อนแครอทให้เธอ”
ลู่เสี่ยวอู่หน้าแดงเถือก ทำท่าถุยน้ำลายใส่เย่เทียนหลง บั้นท้ายที่ส่ายไปมา เต็มไปด้วยแรงดึงดูด
หลินเฉินเสวี่ยขมวดคิ้วสวย “เย่เทียนหลง มีมารยาทหน่อย”
เย่เทียนหลงเอาแครอทออกมา “ฉันหมายถึงแครอทจริงๆ คิดไปไกลถึงไหนแล้ว”
หลินเฉินเสวี่ยโมโหมาก
“แล้วก็......”
เย่เทียนหลงชี้ไปที่พวกหลิวหย่งไฉ “ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้วย”