บทที่ 4 เขาพิสูจน์ได้
หลินเฉินเสวี่ยนั่งตัวตรงทันที เธอมองเย่เทียนหลงแล้วพูดเสียงดัง “นายว่าอะไรนะ”
เย่เทียนหลงยิ้มอย่างสดใส “เธอชื่อเชี่ยนเชี่ยน เป็นเจ้าหญิงของเผ่าเพชรดำที่แอฟริกา มาฮว๋าเซี่ยเพราะไม่อยากเจอตัวกลางระหว่างประเทศ ต้องการมาซื้อยาด้วยตัวเอง”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอกับคนสนิทและล่ามมาถึงเมืองหมิงเจียง คิดไม่ถึงว่าล่ามจะลื่นจนขาหักตอนอาบน้ำที่โรงแรม ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ทำให้ไม่สามารถพาเธอไปเจรจากับบริษัทยาได้ ภาษาของเผ่าเพชรดำก็เป็นภาษาที่ใช้น้อยมาก”
เย่เทียนหลงพูดต่อเนื่องเป็นลำดับ “บริษัทล่ามมีพนักงานเกี่ยวกับภาษาแบบนี้น้อยมาก พวกเขาหาอยู่สองวัน ล่ามที่บาดเจ็บหาคนที่ทำงานสายเดียวกันได้หนึ่งคน แต่อีกสามวันเขาถึงจะมีเวลาว่างมาเมืองหมิงเจียง เจ้าหญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่ที่โรงแรมจนอึดอัด จึงเอาโฆษณาของหวังเย่า กรุ๊ปออกมาคนเดียว”
“ตอนแรกเธอจะไปหวังเย่า กรุ๊ป เพราะที่แอฟริกาหวังเย่า กรุ๊ปมีชื่อเสียงกว่าฮว๋าเย่า กรุ๊ป แต่วันนี้สภาพการเดินทางแย่มาก รถติดมาก ผ่านไปยี่สิบนาที รถเพิ่งเคลื่อนตัวไปได้สามสิบเมตร เธอเป็นคนใจร้อน ทนไม่ไหวจึงลงจากรถ”
“เห็นบริษัทฮว๋าเย่าพอดี ก็เลยเข้ามาดู”
“ถ้าบริษัทฮว๋าเย่ามียาตามรายการของเธอ เธอจะออเดอร์ห้าล้านดอลลาร์ แล้วก็จะช่วยให้ฮว๋าเย่าได้ลงหลักปักฐานที่เผ่าเพชรดำด้วย”
พอได้ยินประโยคนี้ หลินเฉินเสวี่ยลุกขึ้นยืน เธอพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “จริงเหรอ นายไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม”
ห้าล้านดอลลาร์เป็นออเดอร์ใหญ่มาก สิ่งที่ทำให้หลินเฉินเสวี่ยใจสั่นก็คือ สามารถเบียดการผูกขาดของหวังเย่าเข้าไปในแอฟริกาได้ด้วย นั่นคือแหล่งทำเงินเลยนะ
ถ้าสิ้นปีนี้สามารถเข้าสู่ตลาดแอฟริกาได้ ปัญหาใหญ่ที่อยู่ในใจเธอก็จะสำเร็จ ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยกำลังคิดอยู่ หลิวหย่งไฉเบิกตาโต มองเชี่ยนเชี่ยนอย่างละเอียด ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
เย่เทียนหลงเอาแครอทเข้าปากแล้วกัดอีกครั้ง “ฉันจะหลอกเธอไปทำไม”
ขณะที่หลินเฉินเสวี่ยกำลังจะพูด หลิวหย่งไฉพูดอย่างยียวนว่า “ผู้จัดการหลิน เธอเป็นถึงผู้จัดการ จะทำอะไร ช่วยใช้สมองคิดหน่อยได้ไหม”
“สาวผิวดำแต่งตัวธรรมดา เชื่อเหรอว่าเธอคือเจ้าหญิงแห่งแอฟริกา ถึงเธอเป็นเจ้าหญิงจริงๆ แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าไอ้หมอนี่แปลถูก ไม่แน่คำว่า “เจ้าหญิง” อาจหมายถึงอยากเข้าห้องน้ำก็ได้”
เขามองการแต่งตัวของเย่เทียนหลงอย่างดูหมิ่นแล้วพูดว่า “เขาพูดโม้ว่าออเดอร์ห้าล้านดอลลาร์ เพราะอยากให้เธอดีใจ”
คนสนิทอีกสองสามคนพูดว่า “ใช่ ผู้จัดการหลิน สมัยนี้คนหลอกลวงเยอะมาก อย่าโดนหลอกเพราะความประมาท”
“ไม่แน่เรื่องวันนี้ อาจเป็นฝีมือของไอ้หมอนี่กับสาวผิวดำก็ได้ ทำเพื่อดูหมิ่นความฉลาดของเธอโดยเฉพาะ”
“ท่าทางเขาเหมือนพวกไม่ได้เรื่อง จะเข้าใจภาษาของชนเผ่าแอฟริกาจริงเหรอ”
ความดีใจของหลินเฉินเสวี่ยเริ่มหายไป แม้พวกหลิวหย่งไฉแอบแซะ แต่พวกเขาพูดมีเหตุผล เย่เทียนหลงดูไม่น่าเชื่อถือจริงๆ
เย่เทียนหลงรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ “อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันเป็นแค่ล่าม ฉันรับรองได้ว่าฉันแปลถูกต้อง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเธอเป็นเจ้าหญิงแห่งแอฟริกาจริงหรือเปล่า ตอนนี้ฉันไม่สามารถตรวจสอบตัวตนของเชี่ยนเชี่ยนได้ แต่ฉันเชื่อว่าเธอเป็นเจ้าหญิง ท่าทางของเธอดูน่าเชื่อถือกว่าไอ้สารเลวใส่แว่นกรอบทองที่แสร้งทำเป็นคนดีเยอะมาก”
แซะหลิวหย่งไฉเต็มๆ
หลิวหย่งไฉหน้าบึ้งทันที แต่อาละวาดไม่ได้ เขาส่งเสียงหึแล้วพูดว่า “นายเชื่อว่าเธอเป็นเจ้าหญิงเหรอ ฉันไปหาคนแอฟริกาตามข้างทาง แล้วมาบอกว่าต้องการออเดอร์ของห้าร้อยล้าน นายก็เชื่อเหรอ”
เขามองเย่เทียนหลงอย่างเคียดแค้น “ผู้จัดการหลิน คนนี้เป็นใคร ไม่เห็นหัวใครเลย เขาเป็นญาติเธอเหรอ”
เย่เทียนหลงยิ้มบางๆ “รู้ไหมว่าทำไมคุณยายหวังข้างบ้านถึงอายุยืน”
หลิวหย่งไฉชะงักไป “ทำไม”
เย่เทียนหลงเอ่ยเสียงเรียบ “เพราะเธอไม่ปากมากยังไงล่ะ”
หลิวหย่งไฉได้ยินแล้วโมโหทันที “ไอ้หนุ่ม นายท้าทายฉันเหรอ อยากตายใช่ไหม”
ลูกน้องเขาโมโหเหมือนกัน ในบรรดานั้นชายหัวเกรียนกร่างที่สุด เขาถกแขนเสื้อขึ้นมา
“รองประธานหลิว หุบปาก! อย่าทำให้บริษัทขายหน้า”
หลินเฉินเสวี่ยกวาดตามองพวกหลิวหย่งไฉ แล้วก็พูดห้ามพวกเขา จากนั้นเอามือถือขึ้นมาแล้วจ้องเย่เทียนหลง
“เธอคือเจ้าหญิงเผ่าเพชรดำที่แอฟริกาเหรอ”
เย่เทียนหลงพยักหน้า “เธอบอกว่าใช่”
เขาแอบมองขาสวยของหลินเฉินเสวี่ยด้วย ดึงดูดใจและน่าหลงใหลจริงๆ ถ้าได้สัมผัสคงสุดยอดไปเลย
หลังจากได้รับการยืนยันจากเย่เทียนหลงแล้ว หลินเฉินเสวี่ยเดินไปคุยโทรศัพท์ที่มุม หลังจากคุยเสร็จแล้ว เธอกลับมานั่งตรงเก้าอี้ผู้จัดการ มองพวกหลิวหย่งไฉแล้วพูดว่า “ฉันหาล่ามที่น่าเชื่อถือได้แล้ว อีกสิบนาทีถึง”
เธอจ้องเย่เทียนหลงแล้วพูดว่า “เย่เทียนหลง หวังว่านายจะไม่แปลผิด”
จากนั้นเธอหันหน้าไปอีกด้าน “เสี่ยวอู่ รินน้ำให้เจ้าหญิง.......คุณคนนี้หน่อย”
เย่เทียนหลงพูดกับสาวชาวแอฟริกาไม่กี่ประโยค สาวชาวแอฟริกาค่อยๆ เบิกตาโต จากนั้นชี้ทุกคนแล้วนั่งลงอย่างไม่พอใจ
หลิวหย่งไฉถามว่า “เมื่อกี้เธอพูดอะไร”
เย่เทียนหลงหัวเราะคิกคัก “ถึงนายจะฉีดน้ำหอม แต่เธอก็ยังได้กลิ่นคนเลวอยู่ดี”
ลู่เสี่ยวอู่ถึงกับหลุดขำออกมา
สีหน้าของหลิวหย่งไฉเปลี่ยนไป แต่เขาสะกดกลั้นความโกรธไว้ ซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนัก เขาทำเพียงแค่ส่งเสียงหึ รอให้เรื่องกระจ่างแล้วค่อยเอาคืน
เขาไม่เชื่อหรอกว่าสาวผิวดำจะเป็นเจ้าหญิงแห่งแอฟริกา
หลังผ่านไปสิบนาที ชายชราผมขาวเดินเข้ามา ดูสะอาดและมีเมตตา หน้าตามีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีมารยาทมาก
“คุณหวัง”
หลินเฉินเสวี่ยเดินเข้าไปหา จากนั้นแนะนำให้พวกหลิวหย่งไฉรู้จัก “คนนี้คือล่ามหวัง เป็นพนักงานของสถานทูตแอฟริกาเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนี้เป็นนักวิจัยวัฒนธรรมแอฟริกาของห้องสมุด เขามีความรู้เรื่องภาษาของเผ่าเพชรดำเป็นอย่างดี การแปลของเขาเชื่อถือได้แน่นอน”
พอหลิวหย่งไฉได้ยินว่าเป็นพนักงานของสถานทูต เขาไม่บ่นอะไรอีก แต่เอามือถือออกมาค้นหาดู ที่ห้องสมุดมีรูปของเขาจริงๆ
“รบกวนคุณหวังด้วย”
หลังทักทายกันไม่กี่ประโยค หลินเฉินเสวี่ยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังคร่าวๆ จากนั้นเชิญชายชราผมขาวมานั่งที่โซฟา อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน เขายิ้มเป็นมารยาท แล้วทักทายเจ้าหญิงตามประเพณีของแอฟริกา จากนั้นก็พูดเหมือนเย่เทียนหลง เขาถามอย่างจริงจังและละเอียดมาก
พอเจ้าหญิงแห่งแอฟริกาดูหงุดหงิดเล็กน้อย ล่ามหวังจึงหยุดถาม
เขาลุกขึ้นยืนแล้วชี้เย่เทียนหลงที่หลับตาอยู่ “เขาแปลถูกต้องทุกอย่าง”
สีหน้าของหลินเฉินเสวี่ยดูดีใจ “เธอเป็นเจ้าหญิงจริงเหรอ จะทำธุรกิจมูลค่าห้าล้านดอลลาร์กับเราจริงเหรอ”
ในเวลาเดียวกันเธอแอบมองเย่เทียนหลงด้วย ถือว่าไอ้หมอนี่เชื่อถือได้นะ
ขณะที่พวกหลิวหย่งไฉอยากรู้จนหูตั้ง ล่ามหวังหัวเราะอย่างจริงใจ “ฉันถามรายละเอียดเธอเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม พิธีรีตอง สัญลักษณ์ สามารถตัดสินได้ว่าเธอเป็นคนเผ่าเพชรดำ ไม่มีส่วนที่โกหกเลย แต่ตัวตนของเจ้าหญิงยืนยันยาก การซื้อขายห้าล้านก็ยากเหมือนกัน......”
ไม่รอให้ล่ามหวังพูดจบ หลิวหย่งไฉหัวเราะร่า “ผู้จัดการหลิน ปล่อยไปเถอะ ถึงยืนยันได้ว่าเธอเป็นคนเผ่าเพชรดำแล้วยังไง ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเธอเป็นเจ้าหญิง ถึงเธอเป็นเจ้าหญิงจริงๆ แต่จะมีเงินซื้อยาเหรอ เผ่าที่แอฟริกาไม่ได้รวยทุกเผ่านะ”
“ถ้าขายยาให้เธอ เธออาจเอากล้วยหรือเนื้อสัตว์มาจ่ายเป็นเงินให้ก็ได้นะ”
“ใช่ หลายคนในแอฟริกาไม่มีแม้แต่ข้าวกิน” ลูกน้องพากันหัวเราะเยาะ
ขณะที่ล่ามหวังกำลังยิ้มอย่างเหนื่อยใจ เย่เทียนหลงเดินไปข้างเจ้าหญิงแห่งแอฟริกา แปลสิ่งที่หลิวหย่งไฉพูดให้เธอฟัง
“ปัง!”
เจ้าหญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแล้วโมโหมาก เธอส่งเสียงประหลาดออกมา แล้วพุ่งไปยกขาถีบหลิวหย่งไฉจนกระเด็น
ลูกน้องจะเข้าไปห้าม แต่โดนเธอถีบจนล้มเหมือนกัน เหมือนเคยเรียนกังฟูมาจากวัดเส้าหลินอย่างไรอย่างนั้น
ไม่รอให้หลิวหย่งไฉลุกขึ้นมา เย่เทียนหลงเข้ามารวบตัวเข้าไว้ “ผู้จัดการหลิวไม่เป็นไรใช่ไหม”
หลิวหย่งไฉถูกเย่เทียนหลงกอดไว้แน่น มือสองข้างก็ถูกจับไว้ ทำได้แค่มองเชี่ยนเชี่ยนพุ่งเข้ามา เขาตะโกนด้วยความโมโหว่า “ปล่อย ปล่อย!”
“โอเคๆ ปล่อยก็ได้”
เย่เทียนหลงปล่อยได้จังหวะมาก หลิวหย่งไฉเพิ่งเป็นอิสระ เจ้าหญิงแห่งแอฟริกาก็พุ่งเข้ามากระทืบอีกสองสามครั้ง
เชี่ยนเชี่ยนเตะเร็วมาก หลิวหย่งไฉหลบไม่ได้เลย ทำให้เขาโดนเตะเต็มๆ เจ็บปวดเป็นอย่างมาก เขากลิ้งอย่างทุลักทุเลไปสองสามเมตร ถึงจะหลบการโจมตีได้
พลังการต่อสู้ของเจ้าหญิงแห่งแอฟริกาน่าทึ่งมาก ดูก็รู้ว่าเคยล่าหมูป่า
“หึ!”
ไม่รอให้พวกหลินเฉินเสวี่ยตั้งสติ เจ้าหญิงเอาบัตรออกจากกระเป๋าแล้วฟาดลงบนโต๊ะ
“ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงผิวดำ เธอกล้าทำร้ายฉันเหรอ เธอซวยแน่ หลินเฉาหยาง โทรแจ้งตำรวจ”
หลิวหย่งไฉร้องโอดครวญแล้วลุกขึ้นมา ขณะที่กำลังจะตะโกนบอกให้ลูกน้องแจ้งตำรวจ สายตาเขาหยุดอยู่ที่บัตรบนโต๊ะ
แบล็คการ์ด!