บทที่ 14 อุบัติเหตุที่ลิฟต์
หลังจากเย่เทียนหลงออกมาจากห้อง เขารีบวิ่งเข้าลิฟต์และกดปิดลิฟต์รัวๆ กลัวหลินเฉินเสวี่ยออกมาฆ่าตัวเอง
“รอด้วยๆ”
ขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิด เสียงตะโกนด้วยความเร่งรีบดังขึ้น หญิงสาวคนหนึ่งรีบวิ่งมาที่ลิฟต์
เย่เทียนหลงกดปุ่มปิดลิฟต์ แต่พอเห็นว่าไม่ใช่หลินเฉินเสวี่ย เขารีบกดปุ่มเปิดลิฟต์ทันที
ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในลิฟต์ที่เปิดออกเล็กน้อย ในลิฟต์เต็มไปด้วยกลิ่นหอม ทำให้เย่เทียนหลงสูดกลิ่นเบาๆ
“ขอบคุณๆ”
หญิงสาวจัดทรงผมพลางเอ่ยขอบคุณเย่เทียนหลงที่กดปุ่มปิดประตูลิฟต์ แต่หลังจากขอบคุณ เธอเบิกตาโตทันที “นาย?”
เย่เทียนหลงหันไปมองแล้วยิ้มสดใส “ผู้ช่วยลู่ อรุณสวัสดิ์ เธอก็พักที่นี่เหรอ”
ลู่เสี่ยวอู่คือคนที่พาเย่เทียนหลงไปสัมภาษณ์
วันนี้ลู่เสี่ยวอู่แต่งหน้าสวยมาก เสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกระโปรงสั้นสีดำเสมอเข่า ทำให้เห็นรูปร่างที่มีทรวดทรงองค์เอวของเธออย่างชัดเจน
ขาขาวเรียวยาวและอวบอิ่มทั้งสองข้าง แค่ขยับเพียงเล็กน้อยก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจแล้ว
แม้ตอนนี้ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนมีเปลวไฟโถมใส่หน้า
ขนาดคนที่เพิ่งผ่านการทดสอบบนเตียงมาอย่างเย่เทียนหลง ยังอดปรายตามองไม่ได้: ขาวมาก ดึงดูดใจมาก
“นาย......นาย......นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ลู่เสี่ยวอู่มองผู้ชายตรงหน้าอย่างประหลาดใจ “นายอยู่ที่นี่เหรอ”
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การที่เขาใส่เสื้อสีแดง กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ แต่เขายังอยู่ชั้นเดียวกับตัวเองด้วย
ชั้นนี้มีทั้งหมดสามห้อง ห้องแรกคือห้องที่เธอเช่ากับเพื่อนสนิทสามคน ห้องที่สองคือห้องที่มีสองชั้น ซึ่งเป็นสองผัวเมียอารมณ์ร้อน ส่วนอีกห้องเป็นของหลินเฉินเสวี่ย
เช้าตรู่เย่เทียนหลงอยู่ในลิฟต์ชั้นนี้ แถมเสื้อผ้ายังไม่เรียบร้อย คนที่พอมีสมองหน่อย จะเดาได้เลยว่าเขาออกมาจากห้องหลินเฉินเสวี่ย
หลินเฉินเสวี่ยเย็นชามาตลอด คบค้าสมาคมกับผู้ชายน้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพากลับมาค้างคืนที่บ้าน อีกทั้งยังเป็นผู้ชายแบบเย่เทียนหลงด้วย
ดังนั้นลู่เสี่ยวอู่ไม่เข้าใจจริงๆ ผู้จัดการชอบคนประหลาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“อิอิ ฉันผ่านมาที่นี่น่ะ”
เย่เทียนหลงยิ้มโชว์ฟันขาวให้ลู่เสี่ยวอู่ “ผู้ช่วยลู่พักที่นี่เหรอ ห้องหมายเลขอะไร วันหลังฉันจะได้มาชวนเธอกินข้าว”
“ผ่านมาที่นี่เหรอ”
ลู่เสี่ยวอู่เบิกตาคู่สวย “นายกำลังหลอกเด็กสามขวบอยู่หรือไง”
เย่เทียนหลงหัวเราะแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “จิ๊ หลอกเด็กสามขวบอะไรกันล่ะ หลอกผู้หญิงอายุ 20 ปีต่างหาก แถมยังเป็นผู้หญิงสวยด้วย”
เขาปรายตามองขาเรียวยาว บริษัทฮว๋าเย่ามีคนสวยเยอะจริงๆ แถมหุ่นยังไม่เลวด้วย โชคดีจริงๆ เลย
“ถอยไปเลย”
ลู่เสี่ยวอู่เหวี่ยงหมัดใส่เย่เทียนหลง อีกฝ่ายพูดเปลี่ยนเรื่อง “ฉันไม่บอกนายหรอกว่าอยู่ที่ไหน ฉันไม่ได้สนิทกับนายสักหน่อย”
เย่เทียนหลงบิดขี้เกียจแล้วลูบกระเป๋ากางเกง “เจอกันครั้งแรกจะรู้สึกแปลกหน้า แต่พอเจอกันครั้งที่สองจะเกิดความคุ้นเคย ถ้ายังไม่สนิทกันอีก ก็คงจนปัญญาแล้วล่ะ”
เห็นเย่เทียนหลงลูบกระเป๋ากางเกง ลู่เสี่ยวอู่สะดุ้งทันที กลัวผู้ชายคนนี้จะเอาแครอทออกมาอีก
จากนั้นเธอส่งเสียงหึด้วยความโมโห “ฉันขอเตือนนายไว้ก่อน อย่ามารังแกฉัน ฉันเทควันโดสายดำระดับสามนะ อีกอย่างเรื่องเมื่อวานฉันยังไม่ได้เคลียร์กับนายเลย”
“ใช่ เรื่องเมื่อวาน......”
เย่เทียนหลงตาเป็นประกาย “ผู้ช่วยลู่ เมื่อวานนอกจากฉันจะได้เป็นผู้ช่วยของผู้จัดการหลินแล้ว ยังเซ็นสัญญาออเดอร์ห้าล้านให้บริษัทด้วยนะ”
“ในฐานะที่เธอเป็นคนแนะนำฉัน เธอต้องมีรางวัลให้ฉันแน่ๆ”
“ฉันนำผลประโยชน์มาให้เธอเยอะขนาดนี้ เธอควรขอบคุณฉัน หรือไม่ก็เลี้ยงข้าวฉันหรือเปล่า”
“แน่นอนว่าเธอจะคบกับฉันก็ได้ ฉันไม่เคยปฏิเสธสาวสวยอยู่แล้ว”
เขาพูดออกมาไม่หยุด ลู่เสี่ยวอู่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ตึง!
จู่ๆ ลิฟต์สั่นแล้วก็นิ่งไป ไฟบนหัวก็ดับด้วย ในลิฟต์มืดทันที
เย่เทียนหลงสีหน้างุนงง “เชี้ย! ล้อเล่นหรือเปล่า ลิฟต์เสียแต่เช้าเลยเหรอ”
เขายื่นมือไปทุบปุ่มฉุกเฉินกับลำโพงสื่อสารในลิฟต์ สัญญาณฉุกเฉินกับลำโพงสื่อสารไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เขากดปุ่มเปิดลิฟต์อีกสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดูแลจัดการทรัพย์สินกันยังไง ราคาเป็นแสนด้วย”
“ถ้าออกไปฉันจะฟ้องเรื่องการจัดการดูแลทรัพย์สิน ทำฉันตกใจแทบตาย”
เย่เทียนหลงบ่นพลางเอามือถือออกมาโทรหาตำรวจ แต่คิดไม่ถึงว่าแบตจะหมด
“เกิดอะไรขึ้นๆ”
ตอนนี้ใบหน้าสวยของลู่เสี่ยวอู่เปลี่ยนไป เธอจ้องลิฟต์แล้วร้องเสียงหลง “อย่าบอกนะว่าลิฟต์เสียอีกแล้ว”
เย่เทียนหลงถามอย่างประหลาดใจ “ทำไมถึงพูดว่าอีกแล้วล่ะ”
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
ลู่เสี่ยวอู่ทุบลิฟต์แล้วตะโกนว่า “ช่วยฉันออกไปหน่อยๆ!”
เย่เทียนหลงพูดห้ามด้วยสีหน้ากังวล “เสี่ยวอู่ ลิฟต์เสียห้ามทุบมั่วซั่วนะ”
ลู่เสี่ยวอู่ไม่สนใจ เธอใช้เท้าเตะจนเกิดเสียงดังด้วย เย่เทียนหลงตกใจจนคิดว่าจะดุเธอดีไหม
แต่ตอนนี้เพิ่งเช้าตรู่ บริษัทดูแลจัดการทรัพย์สินคงกำลังส่งเวรตอนค่ำและตอนเช้า ดังนั้นการกระทำของลู่เสี่ยวอู่จึงไม่มีประโยชน์สักนิด
หลังจากเห็นว่าไม่มีใครตอบ ลู่เสี่ยวอู่ทุบลิฟต์ สีหน้ามีความเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรขึ้นลิฟต์ตัวนี้ ถ้าไม่ขึ้นลิฟต์ตัวนี้ ฉันคงไม่ติดอยู่แบบนี้หรอก ถ้าฉันไม่ติดอยู่ในนี้ ฉันก็คงไม่ต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้......”
ลิฟต์ตัวนี้พังเป็นประจำ ที่น่าเศร้าคือฝ่ายดูแลจัดการทรัพย์สินแก้ไขไม่ได้สักที ประกาศว่าจะเปลี่ยนใหม่ แต่กว่าจะเรียบร้อยก็เดือนหน้า
เพื่อจัดการการเข้า-ออกของทุกคน ฝ่ายดูแลจัดการทรัพย์สินจึงใช้งานมันอีกครึ่งเดือน ตอนเข้ามาลู่เสี่ยวอู่ก็กลัวว่าตัวเองจะติดอยู่ในนี้หรือเปล่า
คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่กลัวจะเกิดขึ้นจริง
“ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฝ่ายดูแลจัดการทรัพย์สินก็มา”
เห็นท่าทางร้อนรนของลู่เสี่ยวอู่ เย่เทียนหลงหัวเราะออกมา “ถึงพวกเขามาช้าก็ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ เธอไม่รู้สึกอึดอัดแน่นอน”
“ฉันเล่าเรื่องตลกให้ฟังไหม”
ลู่เสี่ยวอู่ดึงคอเสื้อ เผยให้เห็นเนินอกขาวดึงดูดใจ ลมหายใจถี่กระชั้น “อย่ายั่วโมโหฉันๆ”
เห็นลู่เสี่ยวอู่หงุดหงิด เย่เทียนหลงขมวดคิ้ว เขารู้สึกแปลกๆ “ใจเย็น เดี๋ยวช่างซ่อมก็มาแล้ว หายใจลึกๆ”
ลู่เสี่ยวอู่เริ่มหน้าซีด เธอปรายตามองเย่เทียนหลง “เปิดประตู......เปิดประตู......”
ตัวเธอสั่นเล็กน้อย บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา อีกทั้งยังดึงคอเสื้อไม่หยุด ไม่สนใจว่าหน้าอกโผล่ออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว
สายตาของเย่เทียนหลงชะงักไป “เสี่ยวอู่ เธอเป็นอะไร”
“ตุบ!”
ยังพูดไม่ทันจบ เย่เทียนหลงเห็นลู่เสี่ยวอู่ทรุดลงบนพื้น เธอดึงคอเสื้อแล้วหอบหายใจ ดูทรมานมาก
“โรคกลัวที่แคบเหรอ”
สีหน้าของเย่เทียนหลงเปลี่ยนไป เขารู้อาการของลู่เสี่ยวอู่ทันที โรคกลัวที่แคบคือกลุ่มอาการวิตกกังวลเมื่ออยู่ในพื้นที่ปิดหรือคับแคบ ผู้ป่วยจะเกิดอาการวิตกกังวล หรือไม่ก็กลัวจนเกิดอาการวิตกกังวล เมื่ออยู่ในลิฟต์ ตัวรถ หรือภายในห้องโดยสารบนเครื่องบิน ถ้ารุนแรงอาจเป็นลมได้ ดูจากอาการของลู่เสี่ยวอู่ 99 เปอร์เซ็นต์ต้องเป็นโรคกลัวที่แคบแน่ๆ อีกทั้งอาการไม่ค่อยดีด้วย
เย่เทียนหลงเพิ่งคิดว่าอาจเป็นลมได้ ลู่เสี่ยวอู่ก็เป็นลมทันที
“หนักขนาดนี้เลยเหรอ”
เหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากเย่เทียนหลง เขายื่นมือมาจับชีพจร เหมือนลู่เสี่ยวอู่อาการโคม่า ไม่รู้ตัวแล้ว ลมหายใจอ่อนมากด้วย
ตอนนี้ลู่เสี่ยวอู่อาการหนักมาก มีแก๊สอุดตันอยู่ที่ชีพจรหัวใจ ต้องรีบช่วยเหลือด้วยการทะลวงชีพจรหัวใจ
สีหน้าเย่เทียนหลงลังเลครู่หนึ่ง เขาเอายาเม็ดออกมาจากตัวหนึ่งเม็ด จากนั้นอุ้มลู่เสี่ยวอู่ที่ตัวอ่อนยวบขึ้นมา
สะกดกลั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตัว เย่เทียนหลงสูดหายใจลึก แล้วผายปอดให้ลู่เสี่ยวอู่
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าลมหายใจเริ่มคงที่แล้ว จึงเอายายัดใส่ปากลู่เสี่ยวอู่ ยาละลายในปากอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไหลลงคอทันที
เย่เทียนหลงรีบปลดกระดุมเสื้อของลู่เสี่ยวอู่
เย่เทียนหลงไม่มีอารมณ์ชมความงามตรงหน้า เขายื่นมือไปที่หัวใจของหญิงสาว
นิ้วของเขาเคลื่อนไหวอยู่บริเวณชีพจรหัวใจของลู่เสี่ยวอู่
ปลายนิ้วสัมผัสโดนหน้าอกทางซ้ายและขวาเป็นครั้งคราว รู้สึกทรมานและมีความสุขไปพร้อมๆ กัน
แต่เย่เทียนหลงไม่ได้มีเจตนาไม่ดี สมาธิจดจ่ออยู่กับการช่วยเหลือลู่เสี่ยวอู่
ทั้งยาและการนวด แก๊สที่ชีพจรหัวใจของลู่เสี่ยวอู่ค่อยๆ หายไป ใบหน้าสวยเริ่มมีเลือดฟาด หายใจสะดวกขึ้นไม่น้อย
ผ่านไปไม่นาน เธอเริ่มมีสติแล้ว
การขยับมืออย่างคล่องแคล่วเหมือนนักมายากลของเย่เทียนหลง ทำให้ลู่เสี่ยวอู่ร้องออกมาเบาๆ
“อืมมม สบายมากเลย”
ใบหน้าสวยที่แต่งหน้าเบาๆ ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย ศีรษะที่ยกขึ้นมา 45 องศา คำว่าสบายมากที่พูดออกมาด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
มือของเย่เทียนหลงสั่นเล็กน้อย เขากำไปหนึ่งทีอย่างอดใจไม่ไหว
ทำให้ลู่เสี่ยวอู่ส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขออกมาอีกรอบ สติของเธอกลับมาทันที
ขาเรียวยาวของเธอสั่นเล็กน้อย ดวงตาที่ปิดสนิทขยับเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา!
“กรี๊ดดด”
พอเห็นว่าเสื้อตัวเองไม่เรียบร้อย เย่เทียนหลงคุกเข่าอยู่ข้างหน้า พร้อมกับเหงื่อเต็มหน้า ใบหน้าสวยของลู่เสี่ยวอู่เต็มไปด้วยความตกใจ เธอยกมือขวาแล้วใช้สองนิ้วจิ้มไปทันที
แต่ระหว่างนั้นเหมือนเธอนึกอะไรได้ เธอจึงใช้ฝ่ามือดันเย่เทียนหลงเบาๆ
“เย่เทียนหลง นายทำอะไร นายจะทำอะไร”
พอก้มมอง เธอเห็นมือของเย่เทียนหลงอยู่ที่หน้าอกตัวเอง
“ด้านในมีคนไหมๆ”
ในเวลาเดียวกัน มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอก พนักงานฝ่ายดูแลจัดการทรัพย์สินมาแล้ว
พอเย่เทียนหลงเห็นลู่เสี่ยวอู่ฟื้นแล้ว เขาดึงมือกลับมา แล้วก็คลุมเสื้อกลับให้เธอตามเดิม จากนั้นก็เด้งตัวออกมาทันที เขายกนิ้วขึ้นมาสี่นิ้วแล้วพูดว่า
“ลู่เสี่ยวอู่ ฉันมีเรื่องจะบอกเธอสี่เรื่อง”
“เรื่องแรก ลิฟต์เสีย ทำให้โรคกลัวที่แคบของเธอกำเริบ แถมเธอยังเป็นลมด้วย สถานการณ์เร่งด่วนมาก”
“เรื่องที่สอง ฉันต้องผายปอดและนวดเพื่อช่วยเธอ ไม่ได้ลวนลามเธอเลย”
“เรื่องที่สาม ฉันไม่เห็นอะไรเลย ตอนนี้ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอใส่เสื้อในสีอะไร”
“เรื่องที่สี่ ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอ เธอควรตอบแทนอะไรหน่อยไหม”
ลู่เสี่ยวอู่รู้อาการของตัวเอง แล้วก็รู้ว่าเย่เทียนหลงไม่ได้โกหก
แต่พอคิดว่าตัวเองโดนเขาจูบ โดนเขาจับ โดนเฉพาะความรู้สึกสบายแบบนั้น ใบหน้าสวยฉายแววโมโห
พอฟังถึงเรื่องสุดท้าย เธอยื่นมือออกมาชี้เย่เทียนหลงแล้วพูดว่า
“นายต้องเก็บเรื่องวันนี้เป็นความลับ ไม่งั้นฉันฆ่านายแน่”
เย่เทียนหลงยักไหล่ “ผู้หญิงนี่จริงๆ เลย ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอ ไม่ซาบซึ้งใจก็ไม่เป็นไร ดันมาเอาเรื่องฉันอีก สังคมแย่ลงทุกวันจริงๆ”
ลู่เสี่ยวอู่จ้องเย่เทียนหลงแล้วกำหมัด “ฉันตอบแทนบุญคุณนายแน่นอน แต่นายห้ามพูดอะไรทั้งนั้น”
“โอเคๆ ไม่พูดๆ เป็นคนดีก็ต้องดีให้ถึงที่สุด ฉันจะเล่าเรื่องตลกของตัวเองให้ฟัง”
เย่เทียนหลงอยากทำให้ลู่เสี่ยวอู่ผ่อนคลาย เขาหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “ตอนมหาวิทยาลัย ฉันชอบผู้หญิงหน้าตาสะสวยและหุ่นแซ่บคนหนึ่ง ฉันกิ๊กกับเธอ พูดจีบเธอต่างๆ นานา เหลือแค่เปิดห้องกับเธอเท่านั้น ฉันทำทุกวิถีทางเพื่อบอกเป็นนัยๆ แต่เธอพูดทุกรอบว่า: เดี๋ยวก็มีวันที่เหมาะสมเอง!”
ลู่เสี่ยวอู่พูดแซะอย่างหงุดหงิด “นายเรียนมหาวิทยาลัยด้วยเหรอ”
เย่เทียนหลงมองบนใส่เธอ “ฉันกำลังพูดเรื่องเศร้าอยู่ เธอจริงจังหน่อยได้ไหม”
“วันหนึ่งเธอส่งจดหมายมา ฉันไม่เข้าใจ นึกว่าเธอส่งผิด จึงไม่ได้สนใจ”
“ผ่านมานานกว่าฉันจะเข้าใจ ต้องโทษที่ตอนนั้นตัวเองไม่ตั้งใจเรียน!”
ลู่เสี่ยวอู่อ้าปากเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
“ตึง!”
ประตูลิฟต์ถูกงัดจนเปิดออก พนักงานฝ่ายดูแลจัดการทรัพย์สินรีบเข้ามาช่วย
ลู่เสี่ยวอู่สะดุ้ง ตอนนี้เธอเข้าใจความหมายแล้ว: ทำกันคืนนี้!
เธอพูดเสียงแหลมว่า “เย่เทียนหลง ไอ้คนหื่นกาม!”
เย่เทียนหลงรีบวิ่งออกจากลิฟต์ทันที หนีลู่เสี่ยวอู่ที่กำลังจะอาละวาด
ในเวลาเดียวกันเขานึกถึงนิ้วสองนิ้วของลู่เสี่ยวอู่ตอนเธอฟื้นขึ้นมา เขายกยิ้มมุมปากเบาๆ
“เป็นปีศาจตัวน้อยที่น่าสนใจจริงๆ”