บทที่ 2
จิราลงมายังห้องครัว ที่กำลังชุลมุนเตรียมงานกันจริงๆ อย่างที่ยลดาบอก เมื่อเห็นเธอป้าเอียดหัวหน้าใหญ่ประจำห้องครัว ก็เอ่ยถามเสียงปราณี
"มาทำไมคะคุณจ๋า หิวหรือเปล่าคะ วันนี้ป้าไม่ได้ตั้งโต๊ะอาหารกลางวัน เพราะกำลังวุ่นๆ เตรียมงานเลี้ยงเย็น คนน่าจะมาก เพราะนายสั่งว่ามีแขกมาเกือบสองร้อยคน"
เอียดมีฝีมือทำอาหาร และปราชญ์ก็อยากจะอวดฝีมือคนครัวของเขา นั่งแหละภาระหน้าที่เลยตกอยู่กับเอียดที่ต้องลุกขึ้นมาวุ่นวายแต่เช้าตรู่
"เปล่าค่ะ จ๋ามาช่วยงาน มีอะไรให้หยิบจับทำบ้างคะป้า"
"โอ๊ย ลงมาทำไมกันคะ คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณจ๋าไปเตรียมตัว ไปแต่งตัวให้สวยๆ ดีกว่าค่ะ เตรียมต้อนรับคุณปืนกัน"
"เอ่อ...อาปืนอาจจะไม่อยากเห็นหน้าจ๋าน่ะค่ะ"
เธอว่าแล้วยิ้มแหย เอียดที่อยู่มานานรู้ตื้นลึกหนาบางของตระกูลนี้ดี ถอนใจเฮือก ก่อนจะจูงมือสาวน้อยออกมาจากห้องครัวที่วุ่นวายมากมายไปด้วยผู้คน หลบมุมคุยกันตามลำพังสองคน
"อย่าคิดอย่างนั้นนะคะคุณจ๋า คุณปืนต้องอยากเห็นหน้าคุณจ๋าสิคะ ก็เธอเป็นคนช่วยคุณจ๋าไว้ ถ้าเธอเกลียดคุณจ๋า เธอคงไม่ช่วยคุณจ๋าแบบเอาชีวิตเข้าแลกหรอกค่ะ อย่าคิดมากนะคะ"
"จ๋าเป็นตัวอัปมงคล"
เธอเผลอว่าเสียงอ่อย เอียดถอนใจ พอจะรู้ว่าคำนี้ใครเป็นคนพูด...และคำนั้นก็ฝังใจสาวน้อยอย่างเหลือเกิน
"ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ อย่าไปคิดเรื่องนั้นสิคะ คนชั่วแบบนั้น ไม่ทำคุณจ๋าก็ต้องทำคนอื่น เด็กๆ ในบ้านเกลียดมันทุกคนนั่นแหละค่ะ บางคนก็เคยถูกมันรังแกแต่ไม่กล้าพูด คนแบบนั้นตายไปก็ดี เฮ้อ...เอ้า อยากช่วยป้าก็ช่วยกัน แต่ถึงเวลาต้องไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ แล้วก็ไปไหว้ขอบคุณคุณปืนนะคะ คุณจ๋า ห้ามหลบหน้า"
"ค่ะ"
จิราน้ำตาของเธอคลอ จนเอียดต้องดึงมากอดแล้วเช็ดน้ำตาให้ พร้อมกับจูงมือสาวน้อยเข้าไปในห้องครัว แบ่งงานให้จิราทำ จะได้ไม่คิดมากมายอีก
ใช่...
ต้นเหตุก็มาจากคนชั่วคนเดียว
ที่หวังจะย่ำยีข่มเหงเด็กสาวอายุแค่สิบสองปีในวันนั้น
ใครจะไปอดรนทนได้กันเล่า
ปราณปรัชญ์จึงพลั้งมือทำให้มันตาย...และต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่ทว่าปราชญ์กลับมองว่าเพราะจิราที่เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดขึ้น
จิราทำให้ปราณปรัชญ์ติดคุก
จิราเป็นต้นเหตุให้ ดิเรกน้องชายของภรรยาของเขาตาย
เหตุนั้นทำให้ภรรยาของเขา พิมลพรรณบอกเลิก และพรากลูกน้องวัยขวบเศษไปจากเขา เธอฟ้องหย่า ฟ้องขอเรียกสิทธิ์ค่าเลี้ยงดู ทำให้เขามีโอกาสน้อยเหลือเกินในการพบลูกสาว เพราะเธอหนีเขาไปอยู่อีกซีกโลก ปราชญ์ต้องเสียเงินให้หล่อนมากในแต่ล่ะครั้งถึงจะได้พบกับมณทิราลูกสาว
และหลังจากปราณปรัชญ์ติดคุกไม่นาน ปารมี น้องชายคนรองที่เป็นบิดาบุญธรรมของหล่อนก็เสียชีวิตในอุบัติเหตุตอนที่ไปส่งหล่อนเรียนวันแรกเมื่อหล่อนหายจากโรคซึมเศร้า จิรารอดปาฏิหาริย์มีแค่รอยถลอก ส่วนบิดาเลี้ยงของหล่อนตายคาที่
แบบนี้อย่างไรเล่าที่ปราชญ์มองว่าหล่อนเป็นผู้หญิงอัปมงคลของตระกูล พิทักษ์ราชสีห์
เขากำลังหาทางกำจัดความอัปมงคลนี้ให้หมดไป...
เขากำลังมีแผนการนั้น
........
ปราณปรัชญ์กลับมาถึงบ้านก็เกือบจะค่ำแล้ว เพราะเขาให้ใหญ่แวะทำการเคารพเถ้ากระดูกของพี่ชาย รวมถึงบิดากับมารดา ที่อยู่คนล่ะวัด ระยะทางไกลจากกันพอสมควร เพราะพวกท่านมีเถ้าอัฐิอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นจังหวัดที่พวกเขาเคยอาศัยในวัยเยาว์ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ
พี่ชายคนโตโทรศัพท์ตามเขาเกือบตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ให้ใหญ่ไปรับเขาจากเรือนจำ และเมื่อเขาบอกว่าขอไปไหว้พี่ชายและพ่อกับแม่ก่อน ปราชญ์ก็นิ่งไปครู่ แล้วก็หัวเราะ พร้อมกับเอ่ยหยอก
'ทำบุญก่อนทำบาปเย็นนี้รึ นายปืน พี่เตรียมไว้ให้ทั้งสุรานารี เพื่อนๆ รอนายอยู่ ปาร์ตี้คืนนี้เต็มที่ไปเลยนะน้องรัก'
เขาเพียงแค่ตอบสั้นๆ ว่าครับ ผิดวิสัยปราณปรัชญ์คนเดิมที่ช่างพูดช่างคุย เขาดูนิ่งขรึมมากขึ้น ในวัย 39 ปี เรียกได้ว่า 8 ปีที่ผ่านมา เขาเรียนรู้อะไรต่ออะไรมากขึ้น ยิ่งกว่าชีวิตภายนอกที่เคยใช้มากกว่าเกือบสามสิบปีก็ว่าได้
เมื่อเขามาถึงก็ถูกพี่ชายดึงไปกอด ปราชญ์น้ำตาไหลอย่างไม่อายใคร เขาจะอายทำไมเล่า ความตื้นตันที่ได้เจอน้องชายสุดที่รักอีกหน ครอบครัวของพวกเขาเหลือกันเพียงเท่านี้ เขาและปราณปรัชญ์ ทุกสิ่งที่สร้างก็เพื่อพี่น้อง เพื่อตระกูลจะได้ยิ่งใหญ่สืบต่อไป กว่าเขาจะบุกบั่นฝ่าฟันมาได้จนถึงจุดนี้ และแน่นอนว่าเขากำลังติดลมบนในอำนาจและเงินตรา
ธุรกิจสีเทาที่เขาทำอยู่ มันหนักและเหนื่อยพอสมควร อยู่ในวงการเสือสิงห์ ปราชญ์ก็คือสิงห์ผยองคนหนึ่ง เขามีบ่อนในการควบคุมสามแห่ง ธุรกิจอาบอบนวด ปล่อยเงินกู้ โดยมีการฟอกเงินผ่านธุรกิจสนามกอล์ฟและสปา ให้เป็นเงินสะอาด
ตระกูลพิทักษ์ราชสีห์ในการนำของปราชญ์เป็นที่รู้กันว่ามีอิทธิพลขนาดไหน ตำรวจไม่กล้ามายุ่มย่าม เพราะได้ส่วยไปมากพอสมควร ไหนจะคอยบริจาคให้นักการเมืองคนสำคัญของจังหวัดที่ตัวเองไปลงหุ้นบ่อนไว้อีก ไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขา และเมื่อน้องชายออกมาจากคุก เขาก็พร้อมที่จะถ่ายโอนงานบางส่วนให้กับปราณปรัชญ์ เพราะอยากจะวางมือตรงนี้ มอบมันให้กับน้องชาย เพื่อเขาจะได้ทำธุรกิจใหม่ที่กำลังหมายตาไว้ แค่นี้มันไม่พอสำหรับคนทะเยอทะยานอย่างปราชญ์