บทย่อ
หนูจ๋าของอาปืน เขาสิ้นอิสรภาพเพราะเธอ ตัวอัปมงคลของพิทักษ์ราชสีห์ แปดปีหลังกำแพงสูง ปราณปรัชญ์รอวันที่ได้ออกมาพบกับเธออีกครั้ง เด็กสาวนัยน์ตาแจ่มแจ๋วผู้น่าสงสาร ผู้ที่เฝ้าโทษแต่ว่าตนเองคือเหตุที่ทำให้เขาสิ้นอิสรภาพ พี่ชายของเขากำลังจะส่งเธอไปเป็นนางบำเรอให้ชายอื่น ทางเดียวที่จิรามีคือเขา....เธอจำต้องยั่ว...และทำให้เขาตกเป็นของเธอ "แต่ถ้าจ๋ามีแฟนแล้ว จ๋าก็ไม่ต้องแต่งงานกับพ่อเลี้ยงใช่ไหมคะ" จิราเอ่ยถามเขาเสียงพร่า หลังจากเช็ดน้ำตาจนหมาดแล้ว ปราณปรัชญ์ เมินไปทางอื่นเสีย เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอ พลางตอบเสียงเย็น "ใช่ อาจจะ...อารับรองไม่ได้หรอก ว่าทางนั้นจะว่ายังไง ถ้าเราเอาข้อนี้ไปอ้าง" "ถ้าอย่างนั้น" มือนิ่มแตะเข้าที่แขนแข็งแรงนั้น ทำให้ปราญปรัชญ์สะดุ้ง เขาหันขวับมองสบตากับเธอ นัยน์ตาคู่สวยไหวระริก ปากของเธอสั่นนิดๆ ขณะที่เอ่ยออกมาเสียงเบา... "อาปืนช่วยเป็นสามีของจ๋าได้ไหม?" "หืม? หนูจ๋า พูดอะไรออกมา" "ถ้า..." เธอโผเข้ากอดรัดร่างกำยำนั่น ผิวเนื้อของเขาแน่น แกร่ง อกที่เธอซบอยู่นี่อุ่นมากจนเกือบร้อน เธอซบอยู่ตรงหัวใจเขาพอดี มันเต้นแรง จนเธอรู้สึกได้ "เป็นอาปืน จ๋าจะยินดีมาก เอาแค่อาปืน...เป็นสามีหลอกๆ ให้จ๋าก็ได้ จ๋า...เอ่อ...จ๋าไม่มีอะไรตอบแทนอาปืน จากคำขอครั้งนี้ นอกจากตัวจ๋า อาปืนรับไว้ได้ไหมคะ" "หนูจ๋า!" หนูดีของพี่สิงห์ เธอคือเด็กในบ้านที่มารดาหมายมั่นปั้นมือให้แต่งงานกับเขา หนุ่มโสดรักอิสระอย่างสิงห์ไม่มีจะยอมหมั้นกับยัยเด็กอ้วนคนนั้นหรอกน่า แต่ว่าพอเจอหน้าน้อง ใจมันเรียกร้องอยากจับน้องกด... คนปากแข็งแต่อยากได้น้องจนตัวสั่นจะทำยังไง ฟอร์มเยอะออกจะปานนั้น ยิ่งนับวันใจมันยิ่งหลง สิงห์เลยกลายเป็นคนคลั่งน้อง โปรยปราย “เอ่อ พะ พี่สิงห์” เขาก้มลงเคลียจมูกกับแก้มหอมสูดมันเข้าไปเต็มปอด อา...เขาอยาก...แต่เขาต้องถนอมน้อง ขืนเขาทำอะไรเธอล่ะก็... ยังไม่ถึงเวลา แต่ก็อยากน้อง...ใจจะขาดแล้ว “กินพี่” เขากระซิบ ดิษยาเบิกตานิดๆ กับคำพูดของเขา สิงห์หัวเราะเสียงพร่า เขาจับมือเธอให้สัมผัสมันแน่นๆ แล้วเอ่ยต่อ “กินพี่ คนดี หรือจะให้พี่ใส่มันเข้าไปในตัวเรา...แล้วแตกในตัวเรา แทนที่จะเป็นปากสวยๆ นี่” “พะ...พี่สิงห์” “นะคะ นะ” “หนูดีทำไม่เป็น” เธอว่า หัวใจเต้นกระหน่ำกับคำพูดห่ามๆ ชวนสยิวนั่น เขาหัวเราะ แล้วสอนเธอเสียงพร่า
หนูจ๋าของอาปืน บทที่ 1
"ออกไปแล้วอย่ากลับมาเข้าอีกล่ะหนุ่ม"
เสียงห้าวๆ ของผู้คุมเอ่ยบอกอย่างเมตตา เมื่อเปิดประตูสู่อิสรภาพให้กับชายร่างสูง เขาหันมายกมือไหว้คนกล่าว ตอนนี้เขาผลัดเปลี่ยนชุดจากชุดนักโทษ กลายเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนแบบธรรมดา แต่ราคาไม่ธรรมดาเพราะเป็นของแบรนด์ ยี่ห้อรองเท้าผ้าใบที่เขาสวมแทนรองเท้าแตะคีบแบบเดิม ทำให้ผู้คุมมองตามอย่างริษยาน้อยๆ
นักโทษชั้นดีที่ถูกปล่อยวันนี้ ใครๆ ในนี้ก็พอจะรู้ว่าเป็น 'เด็กเส้น' ที่ได้รับการดูแลค่อนข้างดีเล็กน้อย แต่กว่าจะรู้กันว่าเป็นเด็กเส้น และกว่าการดูแลจะเข้าถึง นักโทษรายนี้ก็ผ่านอะไรมาพอสมควร ที่เห็นได้ชัดก็คือแผลเป็นที่หางคิ้วด้านขวา คิ้วของเขาแหว่งไปเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ลดทอนความน่าดูของใบหน้านี้ไปได้เลย
ผมของเขาถูกกล้อนจนเกรียน ทว่ากลับเน้นเปิดให้เห็นความคมเข้มน่าเกรงขามนั่นอย่างชัดเจน เขาเดินก้าวช้าๆ มาหาคนที่มารอรับ ซึ่งประกบข้างทันทีเมื่อเขาก้าวออกจากสถานที่แห่งนั้น สถานที่...ซึ่งกักขังเขาไว้กับอิสรภาพ
แปดปีเต็ม...
ปราณปรัชญ์สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ เขากวาดตามองไปรอบๆ บริเวณ กระหายใคร่อยากจะเดินดูทุกสิ่ง นัยน์ตาคู่คมดุราวเหยี่ยวมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความปลื้มปีติ นอกกำแพงคุก ทุกสิ่งช่างดูสวยงามเหลือเกิน อิสรภาพช่างหวานหอมยิ่งนัก
"คุณปืนครับ ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ"
เสียงห้าวแหบเอ่ยเมื่อก้าวมาใกล้เขา พร้อมกับยกมือไหว้ ปราญปรัชญ์ไหว้ตอบ เขายิ้มน้อยๆ ส่งให้กับชายผู้นั้น เขาเกือบจะยกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มไม่ขึ้น...แทบจะลืมวิธียิ้มไปแล้วก็ว่าได้
"ขอบใจที่มารับ"
"คุณปืนอยากจะแวะที่ไหนก่อนกลับบ้านไหมครับ"
ทางนั้นเสนอ คนติดคุกอยู่แบบนั้นไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมานานขนาดนี้ ก็น่าจะอยากแวะเที่ยวสำเริงสำราญ ซึ่งเขาก็พร้อมจะพาไปเต็มที่ ปราณปรัชญ์ถอนใจน้อยๆ แล้วเอ่ยตอบเสียงเย็น
"แวะไหว้พี่ปูน"
"เอ่อ...ได้ครับ"
คำตอบที่ไม่คาดว่าจะได้รับ จากปราณปรัชญ์คนที่เขาเคยรู้จัก ทำให้วิชาติถึงกับขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วก็พึมพำรับคำ ก่อนจะสั่งคนขับรถตู้ให้ไปยังวัดซึ่งมีพี่ชายของปราญปรัชญ์อยู่ที่่นั่น
ตาคมกริบมองเหม่อไปยังด้านนอกกระจก เขานิ่งขรึม จนคนเคยสนิทอย่างวิชาติ พลอยนิ่งตามไม่กล้าซักถามอะไรมากนัก คุกทำให้คนเปลี่ยนไปมากจริงๆ
ปราณปรัชญ์คนเก่า ถูกทิ้งไว้ก่อนที่เขาจะไปรับโทษในคุก คือชายหนุ่มผู้ร่าเริง สดใส กระตือรือร้น ช่างคุย
ปราณปรัชญ์คนใหม่ก้าวเดินออกจากนอกกำแพงคุก คือหนุ่มใหญ่เต็มตัว เงียบขรึม นัยน์ตานั้นเหมือนซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ตลอดเวลา
ข้อหาที่เขาต้องได้รับโทษทั้งหมด
มันมาจาก...
เด็กสาวคนนั้น...
ลูกสาวบุญธรรมของพี่ชาย
จิรา
ตอนนี้หล่อนน่าจะอายุเท่าไหร่แล้วนะ...
วันที่เขาตกลงใจทำเพื่อหล่อนนั้น เขาไม่ได้คิดถึงอะไรเลยนอกจากป้องกันหล่อน
การที่เขาต้องรับโทษถึงแปดปีนั้นเขาก็ไม่เคยโทษหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายหนุ่มถอนใจ...เขาพบเจอหล่อนเพียงไม่กี่หนเพราะพี่ชายคนรองพามาเยี่ยมและเมื่อสิ้นปารมี เขาก็ไม่เคยเห็นหล่อนอีกเลย
เขาคิดถึงหล่อน อยากรู้ความเป็นไป อยากที่จะลูบศีรษะเล็กๆ นั่น หล่อนมีอาการของโรคซึมเศร้าเขารับรู้จากปารมี หล่อนจะหายหรือยังนะ
เด็กน้อยของเขา
เด็กน้อยที่เขาปกป้องหล่อนด้วยสองมือ...ที่อาบด้วยเลือดของคนชั่ว
และเขาก็ไม่เสียใจสักนิดที่ทำมันลงไป
เพียงคิดถึงหล่อน คิดว่าจะเจอหล่อน รอยยิ้มที่เกือบลืมวิธีหยักริมฝีปากขึ้นนั้น ก็หวนกลับคืนมาสู่ใบหน้าเขาอีกครั้ง
.........
"วันนี้อาปืนจะออกจากคุกแล้ว งานเลี้ยงคืนนี้ลุงปราชญ์น่าจะจัดเต็มล่ะ"
เสียงแจ้วๆ ของคนข้างตัวดังขึ้น ขณะที่จิรากำลังก้มหน้าก้มตากับตำราเล่มโต เธอเม้มปากเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อของ 'อาปืน'
"เราต้องไปช่วยจัดงานไหม?"
"จริงๆ แล้วคนที่ควรจะลงแรงให้มากๆ สำหรับงานนี้ แล้วก็หลบหน้าไปไม่ต้องเสนอหน้าในงานก็ควรจะเป็นแกนะยัยจ๋า เดี๋ยวแกจะบ้าขึ้นมาอีก เดือดร้อนลุงปราชญ์พาจับส่งโรงพยาบาลนะ"
อีกฝ่ายเรียกจิก ก่อนจะหัวเราะคิกคัก เปรียบเทียบถึงอาการของโรค ที่หล่อนเคยเป็นหลังเหตุร้ายนั้น แต่จิราก็รักษาตัวจนหายดีไม่มีอาการของโรคซึมเศร้านั้นอีกแล้ว หล่อนไม่ต้องไปรับยามาห้าปีแล้ว หล่อนต้องเข้มแข็ง ไม่อย่างนั้นก็ต้องตายไปเสีย ซึ่งจิราตายไม่ได้...หล่อนต้องอยู่ต่อไป เพื่อรอวันที่จะชดใช้กับสิ่งที่หล่อนทำให้ผู้ชายแสนดีคนนั้นต้องขาดอิสรภาพ
นี่กระมังทำให้หล่อนยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง จดหมายของบิดาเลี้ยงที่เขียนไว้ตั้งใจจะให้หล่อนในวันคล้ายวันเกิด ฉุดหล่อนขึ้นมาจากหลุมของความเศร้า เข้มแข็ง ทำลายโรคมะเร็งใจที่ตัวเองเป็น และยืนหยัดได้ใหม่ แม้ว่า...
"..."
จิราก้มหน้าลง น้ำตาเกือบจะหยดลงมาเมื่อได้ยินอีกฝ่ายกระทบกระเทียบใส่แบบนั้น เธอดีใจที่เขาได้รับอิสรภาพเสียที อิสรภาพที่เธอเป็นต้นเหตุพรากไปจากเขา ปราณปรัชญ์ เธอไม่ได้เจอเขากี่ปีแล้วนะ เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน เธอมีชีวิตอยู่ในบ้านนี้ และรออยู่ตรงนี้เพื่อจะตอบแทนบุญคุณเขา และบุญคุณของปราชญ์ นั่นคือสิ่งยึดใจเธอ
"ไปสิยัยจ๋า ไปดูในครัว พอจะหยิบจับอะไรได้ก็ทำ ฉันก็ว่าจะไปคุยกับลุงปราชญ์อยู่ว่าจะให้ช่วยอะไรไหม เดี๋ยวจะรายงานบอกให้ว่า แกไปทำงานในครัว ดูแลเรื่องอาหารการกิน ไม่ต้องไปกับฉันหรอก ลุงปราชญ์เค้าไม่ชอบเห็นหน้าแก แกก็รู้นี่"
"อืม"
จิราเพียงพยักหน้า เธอปิดตำราเก็บมันไว้ที่เดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินแกมวิ่งไปที่ห้องครัว ยลดามองตามแล้วเบ้ปากเล็กน้อย อย่างหมั่นไส้...ถึงอีกฝ่ายจะยอมตกอยู่เบี้ยล่างเธอยังไง ก็ยังน่าหมั่นไส้ น่าแกล้งอยู่ดี เธอมีความสุขในการกดหัวหล่อน แล้วก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะมันให้หล่อนรู้สึกว่าพื้นที่ของตนในบ้านแห่งนี้ของหล่อน สูงกว่าจิรา ทั้งที่มีศักดิ์เป็นคนอาศัยเหมือนกัน