หนูจ๋าของอาปืน บทที่ 1
"ออกไปแล้วอย่ากลับมาเข้าอีกล่ะหนุ่ม"
เสียงห้าวๆ ของผู้คุมเอ่ยบอกอย่างเมตตา เมื่อเปิดประตูสู่อิสรภาพให้กับชายร่างสูง เขาหันมายกมือไหว้คนกล่าว ตอนนี้เขาผลัดเปลี่ยนชุดจากชุดนักโทษ กลายเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนแบบธรรมดา แต่ราคาไม่ธรรมดาเพราะเป็นของแบรนด์ ยี่ห้อรองเท้าผ้าใบที่เขาสวมแทนรองเท้าแตะคีบแบบเดิม ทำให้ผู้คุมมองตามอย่างริษยาน้อยๆ
นักโทษชั้นดีที่ถูกปล่อยวันนี้ ใครๆ ในนี้ก็พอจะรู้ว่าเป็น 'เด็กเส้น' ที่ได้รับการดูแลค่อนข้างดีเล็กน้อย แต่กว่าจะรู้กันว่าเป็นเด็กเส้น และกว่าการดูแลจะเข้าถึง นักโทษรายนี้ก็ผ่านอะไรมาพอสมควร ที่เห็นได้ชัดก็คือแผลเป็นที่หางคิ้วด้านขวา คิ้วของเขาแหว่งไปเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ลดทอนความน่าดูของใบหน้านี้ไปได้เลย
ผมของเขาถูกกล้อนจนเกรียน ทว่ากลับเน้นเปิดให้เห็นความคมเข้มน่าเกรงขามนั่นอย่างชัดเจน เขาเดินก้าวช้าๆ มาหาคนที่มารอรับ ซึ่งประกบข้างทันทีเมื่อเขาก้าวออกจากสถานที่แห่งนั้น สถานที่...ซึ่งกักขังเขาไว้กับอิสรภาพ
แปดปีเต็ม...
ปราณปรัชญ์สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ เขากวาดตามองไปรอบๆ บริเวณ กระหายใคร่อยากจะเดินดูทุกสิ่ง นัยน์ตาคู่คมดุราวเหยี่ยวมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความปลื้มปีติ นอกกำแพงคุก ทุกสิ่งช่างดูสวยงามเหลือเกิน อิสรภาพช่างหวานหอมยิ่งนัก
"คุณปืนครับ ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ"
เสียงห้าวแหบเอ่ยเมื่อก้าวมาใกล้เขา พร้อมกับยกมือไหว้ ปราญปรัชญ์ไหว้ตอบ เขายิ้มน้อยๆ ส่งให้กับชายผู้นั้น เขาเกือบจะยกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มไม่ขึ้น...แทบจะลืมวิธียิ้มไปแล้วก็ว่าได้
"ขอบใจที่มารับ"
"คุณปืนอยากจะแวะที่ไหนก่อนกลับบ้านไหมครับ"
ทางนั้นเสนอ คนติดคุกอยู่แบบนั้นไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมานานขนาดนี้ ก็น่าจะอยากแวะเที่ยวสำเริงสำราญ ซึ่งเขาก็พร้อมจะพาไปเต็มที่ ปราณปรัชญ์ถอนใจน้อยๆ แล้วเอ่ยตอบเสียงเย็น
"แวะไหว้พี่ปูน"
"เอ่อ...ได้ครับ"
คำตอบที่ไม่คาดว่าจะได้รับ จากปราณปรัชญ์คนที่เขาเคยรู้จัก ทำให้วิชาติถึงกับขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วก็พึมพำรับคำ ก่อนจะสั่งคนขับรถตู้ให้ไปยังวัดซึ่งมีพี่ชายของปราญปรัชญ์อยู่ที่่นั่น
ตาคมกริบมองเหม่อไปยังด้านนอกกระจก เขานิ่งขรึม จนคนเคยสนิทอย่างวิชาติ พลอยนิ่งตามไม่กล้าซักถามอะไรมากนัก คุกทำให้คนเปลี่ยนไปมากจริงๆ
ปราณปรัชญ์คนเก่า ถูกทิ้งไว้ก่อนที่เขาจะไปรับโทษในคุก คือชายหนุ่มผู้ร่าเริง สดใส กระตือรือร้น ช่างคุย
ปราณปรัชญ์คนใหม่ก้าวเดินออกจากนอกกำแพงคุก คือหนุ่มใหญ่เต็มตัว เงียบขรึม นัยน์ตานั้นเหมือนซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ตลอดเวลา
ข้อหาที่เขาต้องได้รับโทษทั้งหมด
มันมาจาก...
เด็กสาวคนนั้น...
ลูกสาวบุญธรรมของพี่ชาย
จิรา
ตอนนี้หล่อนน่าจะอายุเท่าไหร่แล้วนะ...
วันที่เขาตกลงใจทำเพื่อหล่อนนั้น เขาไม่ได้คิดถึงอะไรเลยนอกจากป้องกันหล่อน
การที่เขาต้องรับโทษถึงแปดปีนั้นเขาก็ไม่เคยโทษหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายหนุ่มถอนใจ...เขาพบเจอหล่อนเพียงไม่กี่หนเพราะพี่ชายคนรองพามาเยี่ยมและเมื่อสิ้นปารมี เขาก็ไม่เคยเห็นหล่อนอีกเลย
เขาคิดถึงหล่อน อยากรู้ความเป็นไป อยากที่จะลูบศีรษะเล็กๆ นั่น หล่อนมีอาการของโรคซึมเศร้าเขารับรู้จากปารมี หล่อนจะหายหรือยังนะ
เด็กน้อยของเขา
เด็กน้อยที่เขาปกป้องหล่อนด้วยสองมือ...ที่อาบด้วยเลือดของคนชั่ว
และเขาก็ไม่เสียใจสักนิดที่ทำมันลงไป
เพียงคิดถึงหล่อน คิดว่าจะเจอหล่อน รอยยิ้มที่เกือบลืมวิธีหยักริมฝีปากขึ้นนั้น ก็หวนกลับคืนมาสู่ใบหน้าเขาอีกครั้ง
.........
"วันนี้อาปืนจะออกจากคุกแล้ว งานเลี้ยงคืนนี้ลุงปราชญ์น่าจะจัดเต็มล่ะ"
เสียงแจ้วๆ ของคนข้างตัวดังขึ้น ขณะที่จิรากำลังก้มหน้าก้มตากับตำราเล่มโต เธอเม้มปากเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อของ 'อาปืน'
"เราต้องไปช่วยจัดงานไหม?"
"จริงๆ แล้วคนที่ควรจะลงแรงให้มากๆ สำหรับงานนี้ แล้วก็หลบหน้าไปไม่ต้องเสนอหน้าในงานก็ควรจะเป็นแกนะยัยจ๋า เดี๋ยวแกจะบ้าขึ้นมาอีก เดือดร้อนลุงปราชญ์พาจับส่งโรงพยาบาลนะ"
อีกฝ่ายเรียกจิก ก่อนจะหัวเราะคิกคัก เปรียบเทียบถึงอาการของโรค ที่หล่อนเคยเป็นหลังเหตุร้ายนั้น แต่จิราก็รักษาตัวจนหายดีไม่มีอาการของโรคซึมเศร้านั้นอีกแล้ว หล่อนไม่ต้องไปรับยามาห้าปีแล้ว หล่อนต้องเข้มแข็ง ไม่อย่างนั้นก็ต้องตายไปเสีย ซึ่งจิราตายไม่ได้...หล่อนต้องอยู่ต่อไป เพื่อรอวันที่จะชดใช้กับสิ่งที่หล่อนทำให้ผู้ชายแสนดีคนนั้นต้องขาดอิสรภาพ
นี่กระมังทำให้หล่อนยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง จดหมายของบิดาเลี้ยงที่เขียนไว้ตั้งใจจะให้หล่อนในวันคล้ายวันเกิด ฉุดหล่อนขึ้นมาจากหลุมของความเศร้า เข้มแข็ง ทำลายโรคมะเร็งใจที่ตัวเองเป็น และยืนหยัดได้ใหม่ แม้ว่า...
"..."
จิราก้มหน้าลง น้ำตาเกือบจะหยดลงมาเมื่อได้ยินอีกฝ่ายกระทบกระเทียบใส่แบบนั้น เธอดีใจที่เขาได้รับอิสรภาพเสียที อิสรภาพที่เธอเป็นต้นเหตุพรากไปจากเขา ปราณปรัชญ์ เธอไม่ได้เจอเขากี่ปีแล้วนะ เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน เธอมีชีวิตอยู่ในบ้านนี้ และรออยู่ตรงนี้เพื่อจะตอบแทนบุญคุณเขา และบุญคุณของปราชญ์ นั่นคือสิ่งยึดใจเธอ
"ไปสิยัยจ๋า ไปดูในครัว พอจะหยิบจับอะไรได้ก็ทำ ฉันก็ว่าจะไปคุยกับลุงปราชญ์อยู่ว่าจะให้ช่วยอะไรไหม เดี๋ยวจะรายงานบอกให้ว่า แกไปทำงานในครัว ดูแลเรื่องอาหารการกิน ไม่ต้องไปกับฉันหรอก ลุงปราชญ์เค้าไม่ชอบเห็นหน้าแก แกก็รู้นี่"
"อืม"
จิราเพียงพยักหน้า เธอปิดตำราเก็บมันไว้ที่เดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินแกมวิ่งไปที่ห้องครัว ยลดามองตามแล้วเบ้ปากเล็กน้อย อย่างหมั่นไส้...ถึงอีกฝ่ายจะยอมตกอยู่เบี้ยล่างเธอยังไง ก็ยังน่าหมั่นไส้ น่าแกล้งอยู่ดี เธอมีความสุขในการกดหัวหล่อน แล้วก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะมันให้หล่อนรู้สึกว่าพื้นที่ของตนในบ้านแห่งนี้ของหล่อน สูงกว่าจิรา ทั้งที่มีศักดิ์เป็นคนอาศัยเหมือนกัน