บทที่ 4
ความแค้นยังคงตุ่ยๆ อยู่ในหัวใจ
มันคันอยู่ยิบๆ เหมือนคันหลังแต่เกาไม่ถึง
โอ๊ย...
เธอจะทำยังไงดีให้แค้นถูกชำระ หลังของเธอได้รับการเกาอะ
หน้าตามุ่ยๆ มาหลายวัน ไม้เข้าหน้าไม่ติดเท่าไหร่ ไม่รู้ลูกพี่โมโหอะไร รู้แต่ว่าคงจะเคืองที่เสียฟอร์มที่ต้องซ่อมรถให้ปลัดหนุ่มที่ตัวเองแกล้งเอา
แถมอีกวันหนึ่งปลัดก็ตามมาถึงบ้าน มาฟ้องกับพ่อกำนัน แล้วลูกพี่ก็โดนดุไปตามระเบียบ
หน้าเง้าหน้างอขนาดนี้ เขาจะเข้าหน้าติด ก็คงจะต้องหาวิธีช่วยลูกพี่ล้างแค้นแน่ล่ะ
วันนี้ได้รับข่าวบางอย่างมาก็เลยมากระซิบเบาๆ กับเวียงพิงค์ที่โดนกักบริเวณชั่วคราว จากพ่อกำนันเป็นการทำโทษ พ่อกำนันเองเห็นเขาเข้า ก็จ้องเลยล่ะนึกว่าจะมาพาลูกสาวแกไปไหน แต่เขาก็เอาไหสาโทอินทผาลัมจากทางใต้ของย่ามาให้ พ่อกำนันกรึ๊บไปสองสามจอกก็หัวเราะหัวร่อ เรียกเวียงพิงค์เสียงหวาน ว่าลูกน้องคนสนิทมาหา แต่ก็กำชับกำชาว่าห้ามพากันไปซ่าที่ไหนเด้อ
"ว่าไง มาทำไม? ยังไปให้ไม่ได้โดนกักตัวเนี่ย"
"มีข่าวมาลูกพี่ก็เลยมาบอก"
"ข่าวบ้าอะไร" เสียงแบบนี้หงิดแน่ๆ ไอ้ไม้รีบพูดถึงข่าวทันที เผื่อว่าลูกพี่จะอารมณ์ดีขึ้น
"ยายรื่นที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน แกมีคนมาร่วมบริจาคเงินทำบ้านให้ ลูกพี่รู้ใช่ปะ"
"เอ่อ รู้สิ ก็อีตาปลัดหาญชายงะ ตัวตั้งตัวดี เจ้ากี้เจ้าการ"
พูดไปก็ทำปากยื่นไปด้วย ยายรื่นนั้นเป็นยายแก่ๆ ญาติไม่มี หน้าตาท่าทางชวนผวาพาหลอน มาปลูกกระต๊อบเก่าๆ อยู่คนเดียว ชาวบ้านแถวนั้นก็ล่ำลือกันไปนานา หาว่าแกเป็นปอบเป็นกระสือ หนักเข้าแกล้มป่วยอยู่ข้างดงกล้วยที่เข้าไปตัดกล้วย ชาวบ้านไปเจอเข้าก็ไม่กล้าช่วยเพราะกลัวแก ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้น จนเจ้าอาวาสองค์ใหม่มานั่นแหละ เลยฝ่าดงคนกลัวผี ไปจัดแจงช่วยยายรื่น พอหลวงพ่อออกโรงคนอื่นก็เลยคลายกลัวไปบ้างนิดหน่อย
แต่ยายรื่นก็ยังไม่ค่อยมีคนกล้าไปหา กล้าไปช่วย หลวงพ่อท่านก็หาคนไปปลูกบ้านใหม่ให้แกเพราะใกล้หน้าหนาวแล้วตอนนี้บ้านจะพังแล้วเต็มทน กำนันตอนแรกก็จะไปช่วยรวบรวมคนรวบรวมเงิน แต่ก็ยังติดๆ คาๆ ภาระกิจอื่น ปลัดหาญชายเป็นคนพุ่งเข้าไปหา จัดการทุกอย่างให้ยายรื่นได้ภายในเวลาแค่อาทิตย์เดียว สร้างบ้านใหม่ให้แก แล้วจะพาแกไปรักษาตัว รวมถึงหาอาชีพให้แกอีกด้วย เพราะแกยังมีเรี่ยวมีแรง พอทำงานไหวบ้าง เป้าต่อไปของปลัดคือเคลียร์เรื่องยายรื่นเป็นผี เพื่อให้คนในชุมชนยอมรับแกจะได้อยู่อย่างมีความสุข
"ตอนนี้ปลัดอะเค้าไปนอนเฝ้าบ้านเฝ้าของให้ยายรื่น แกไปโรงพยาบาลวันนี้ ปลัดให้ลูกน้องไปส่งยาย แล้วก็นอนเฝ้า"
"อื้อหึ"
คิ้วสวยของเวียงพิงค์ขมวดเข้าหากันก่อนจะคลาย แล้วดีดนิ้วเปาะเลยทันที ไม้เองก็ยิ้มระรื่นแล้วยักคิ้วให้ลูกพี่
"ลูกพี่พอจะคิดอะไรออกใช่ปะ"
"เอ่อสิ"
"คืนนี้ให้ผมเตรียมอะไรไหมล่ะ ลูกพี่จะทำยังไงกับปลัดหาญชาย ที่เปลี่ยวๆ บรรยากาศให้เสียด้วยสิ เอาให้หัวโกร๋นเลยดีปะ"
"จัดไป"
คนกลัวผีแต่หายกลัวเพราะคิดจะหลอกผีเค้ารับคำทันที ได้นิดก็เอาได้หน่อยก็เอาล่ะ เด็กดื้อคิดในใจอย่างเปี่ยมสุข ที่จะได้แกล้งอริที่เธอชังน้ำหน้านัก
................
“ยายแกต้องนอนที่โรงพยาบาลอีกกี่วัน”
“หมอบอกว่าขอดูอาการก่อนครับปลัด น่าจะอีกวันสองวันถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้ คืนนี้ปลัดจะให้ผมอยู่ช่วยเฝ้าแกไหมครับ”
“ก็...ไม่ต้องหรอก กลับบ้านไปเถอะแค่ไปส่งยายให้ก็ขอบใจมากล่ะ จ้างพยาบาลพิเศษให้ดูแลแกหน่อยก็ได้ เดี๋ยวผมไปจัดการเคลียร์ค่าใช้จ่ายเอง”
ปลัดหนุ่มตอบเสียงทุ้ม เขามองหาสวิตซ์ไฟของบ้านยายรื่น เจอแล้วก็เลยเปิดมันให้แสงสว่างเพราะตอนนี้พลบค่ำแล้ว บรรยากาศบ้านของแกอยู่ในดงกล้วย ดูวังเวงน่ากลัวพิกล แต่ดีที่เขาไม่ใช่คนกลัวผีสางอะไร อยู่ได้สบายมากแบบนี้ เขามานั่งตรงแคร่ที่ตั้งอยู่นอกบ้านของยายรื่น กะว่านั่งชมบรรยากาศยามมืดๆ เอาเบียร์มาจิบสักนิด เปิดโทรศัพท์ดูหนังฟังเพลงไปเพลินๆ นี่ก็เหมือนวันพักของเขาเลยล่ะ
“ครับปลัด”
เมื่อวางสายไปจากลูกน้องคนสนิทแล้ว ปลัดหาญชายก็ถอนใจน้อยๆ มองไปรอบบ้านหลังเล็กของยายรื่นที่เขามาสร้างให้ใหม่ สภาพของมันพออยู่ได้แล้วตอนนี้ ไม่ดูอเนจอนาถเหมือนเมื่อแรกที่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือน เห็นแล้วก็อดรนทนไม่ได้ เมื่อคนช่วยเงินช่วยยังมาไม่ถึงแก มาก็คงจะยากเย็นหลายขั้นตอน ปลัดหาญชายเลยล้วงเงินส่วนตัว สร้าง ทำให้แกไปก่อน แล้วค่อยรับกลับเข้ามาเอา
คนแก่ ไร้ญาติ แถมยังถูกมองเป็นผีเป็นสางไปอีก อะไรจะน่าเวทนาเท่านี้ เอาจริงถ้าเกิดว่างบที่เขาขอไปทำเรื่องให้แกได้รับกลับเข้ามา เขาก็คงให้แกไปหมด เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้ยากจนอะไร พ่อแม่มีสมบัติเก่าเป็นที่นาให้เช่าหลายร้อยไร่เขาจึงไม่ต้องห่วงพวกท่าน และมีตึกแถวเอาไว้เก็บกินเงินเช่าสมบัติจากปู่ย่าตายายทิ้งไว้ให้อีกสิบคูหาแบ่งกับน้องชายคนล่ะครึ่ง เท่านี้มันก็ทำให้เขาออกมาทำงานได้ตามที่ตัวเองชอบที่ตัวเองฝัน อย่างนักพัฒนาคอยช่วยเหลือประชาชนแบบนี้
เงินเดือนหลวงในตำแหน่งก็ได้พอสมควร ปลัดหาญชายมาทำงานได้สองปี เอาจริงๆ เงินหลวงล้วงช่วยชาวบ้านไปเสียเยอะแยะ เดือนๆ แทบไม่เหลือก็ว่าได้ เขามีรายได้อื่นจากค่าเช่าตึกแถว และเขาก็ซื้อกองทุนซื้อหุ้นไว้ มันงอกเงยแบ่งปันเงินปันผลให้กับเขาเรื่อยๆ ที่ปรึกษาชั้นเอกอย่างน้องชายเขา ไม่ค่อยทำให้ปลัดหนุ่มผิดหวัง เพราะมันทำเงินให้ทุกเดือนเอามากินใช้สบายๆ และบางหนถึงกับมาลงทำให้คนยากไร้ในกรณีเร่งด่วนรอไม่ได้ เล่นเอาน้องชายผู้ที่มักจะดีดลูกคิดรางแก้วอยู่ตลอดเวลา บ่นเอาว่าหัดทำงานให้ตัวเองเสียบ้าง เงินเดือนใช้มั่งอย่าเอาไปเที่ยวหว่านแจกหมด
ก็มันสบายใจนี่หว่า?
บางทีคนเราเงินก็ไม่ใช่คำตอบ เขาก็ไม่ใช่คนจนยากไร้ต้องดิ้นรน พอมีก็พอแบ่ง พอใช้และพอเก็บ ไม่ได้จุนเจือคนอื่น ทำบุญจนตัวลำบาก แบบเตี้ยอุ้มค่อมประไรไป
‘หาเมียได้แล้วพี่หาญ จะได้เลิกใจบุญ ยุ่งกะคนอื่นจนเงินหายหดหมด’
หาญกล้าบ่นมา เมื่อเขาบอกให้น้องช่วยขายกองทุนสักตัว งบประมาณล้านหนึ่ง ก็ขายเผื่อนั่นแหละ เงินที่เกินมาเขาก็กะจะใส่บัญชีไว้แล้วเอาไว้ช่วยคนต่อ ตอนแรกก็เฉยๆ สั่งขายตามพี่ชายบอก แต่เอะใจว่าหาญชายเอาเงินไปทำอะไร คำบ่นก็ลอยมาเลยล่ะงานนี้
มีเมียแล้วจะได้เลิกใจบุญ ไอ้กล้ามันคิดอะไรของมัน
คิดในใจอย่างขำๆ ไม่ได้ถามน้องหรอกว่าทำไมยุให้หาเมีย นั่นก็ตัวหวงความโสดตัวพ่อเหมือนกัน หาญกล้าตรงกันข้ามกับเขาเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะนิสัยเจ้าชู้เงียบนั่น หมอนั่นชอบตีเนียน กินเนียน แต่ก็ต้องเรียกได้ว่านั่งกินนอนกินล่ะ งานการดี หน้าตาดี มันก็ธรรมดาที่จะมีสาวๆ มาชอบ
เขาเองก็ไม่ได้ขี้ริ้ว แต่หน้าติดดุ เสียงก็ดุ กับสาวไม่ค่อยพูดหวาน ถามคำก็ตอบคำ ชอบทำงานมากกว่าหาทำอย่างอื่นที่ผู้ชายเขาเห็นว่าบันเทิง แต่ก็ตามประสามหนุ่มโสด นานๆ ทีก็เที่ยวบ้างอะไรบ้าง ปลัดหาญชายควบคุมอารมณ์อย่างว่าได้ดี ว่าไม่ปล่อยเรี่ยราด ถึงขนาดมีคนเคยว่าเขาว่าหวงตัวไอ้นั่นเป็นทองหรือไง ถึงได้หวงไว้ไม่ใช้ หรือว่าเอาไม่เป็นกันล่ะ
ท้ามาขนาดนี้ คนที่หาว่าเขาเอาไม่เป็นก็แทบคลานลงเตียงในตอนบ่ายวันต่อมา
เฮ้อ...
เขาไม่ได้ไม่ชอบมีเซ็กซ์หรอก แต่อยากมีกับคนที่ชอบสุดๆ น่ะสิ
ภาพของใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง เล่นเอาหาญชายขมวดคิ้วก่อนจะสะบัดหน้านิดๆ ให้ตาย! เขาไปคิดถึงหล่อนทำไมกันนะ คิดถึงแล้วก็เผลอยกนิ้วขึ้นไล้ที่ริมฝีปากของตน สัมผัส ความรู้สึกมันยังคงอยู่ตรงนั้น...
นัยน์ตาคมกริบเปล่งประกายวูบไหวชั่วครู่ยามนึกถึงหล่อน
เด็กยุ่งคนนั้น...ยัยตัวแสบเวียงพิงค์
โบร๋วววววววววว
เสียงหมาที่หอนรับกันมาเป็นทอดๆ ทำให้ปลัดหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย แถวนี้ไม่มีหมา...ดงกล้วยที่อยู่ของยายรื่นอยู่ไกลจากชาวบ้านเขาค่อนข้างมาก แถมหมาของแกก็เพิ่งตายไป เขากำลังจะหามาให้แกเลี้ยงตัวใหม่อยู่นี่ แล้วหมาที่ไหนมาหอน เสียงใกล้เชียวแหะ...
เขามองไปทางความมืดมิด ท่ามกลางดงกล้วย แสงจันทร์ทำให้พอเห็นเงาได้รำไร มันน่ากลัว พาหลอนมาก ถ้าคนๆ นั้นกลัวผี
แต่ดันไม่ใช่เขาเสียด้วยสิ แล้วนี่ก็เพิ่งสองทุ่ม ผีอะไรออกมาหลอกคนไวมาก
เขาระวังตัวอยู่แล้วเพราะเจอพิษของเด็กแสบมาแล้วหลายหน...เหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับเขาบ่อยมาก ตั้งแต่ไปยุ่งกับเจ้าหล่อนนั่นแหละ
ปลัดหนุ่มมองจ้องเพ่งไปทางดงกล้วยที่ดูเหมือนจะเป็นที่มาของเสียงหมาหอนหมาเห่าราวกับมีหมาอยู่หลายตัว นังเหมียวที่เป็นแมวของยายรื่น ตกใจกับเสียงเห่าหอนนั่นมันร้องเหมี๊ยว ก่อนจะหายเข้าไปในบ้านคงจะกลัว
“ปลัด...ฮือ...ฮือ...”
มีร่างขาวๆ สูงกว่าคนธรรมดา โผล่ออกมาจากดงกล้วย ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ เสียงบิ้วขนาดนี้ เป็นคนอื่นวิ่งกระเจิดกระเจิง แต่ไม่ใช่เขาหรอก
เขายืนขึ้นแล้วสาวเท้าเข้าไปหาผี...ไอ้ผีตัวสูงขาวโพลนหน้าขาววอกที่อยู่ในดงกล้วยเห็นปลัดเดินดุ่มมาหาแทนที่จะวิ่งหนีแหกปาก เข้าบ้านไปอย่างที่คาดคะเน ก็ทำอะไรไม่ถูก!
“เฮ้ย...มาขโมยของหรือยังไงถึงได้มาทำผีหลอกแบบนี้”
สิ้นคำของปลัด ก็มีเสียงกรี๊ด แล้วก็เสียงหล่นตุบลงมา แล้วเขาก็กวาดตามองไปยังพื้น ผีเผยตัวออกมาจนได้
“ไอ้ไม้เผ่น ตัวใครตัวมัน”
เมื่อตั้งหลักได้ เวียงพิงค์ก็สั่งลูกน้อง พากันตะกายลุกให้ไวที่สุด อีตาปลัดบ้า ไม่กลัวอะไรเลยหรือไง แล้วขืนจับหล่อนหรือไอ้ไม้ได้ล่ะก็ซวยแน่ๆ
ไม้วิ่งฟิ้วทันทีเมื่อลูกพี่สั่งตัวใครตัวมัน เขาเองก็กลัวปลัดหาญชายไม่น้อย จนลืมหันมองลูกพี่ เพราะปรกติแล้วเวียงพิงค์เอาตัวรอดได้ตลอดแหละ แต่ไม่ใช่หนนี้
หล่อนร้องกรี๊ดอีกรอบ เมื่อข้อมือถูกจับไว้แน่น ก่อนจะกระชากหล่อนเข้าสู่วงแขนแข็งแรงนั่น
เขาหัวเราะเมื่อรวบหล่อนเข้าสู่ป้อมปราการเลือดเนื้อนั่นได้ ก่อนจะก้มลงมองจ้องหล่อนด้วยนัยน์ตาคมกริบดุดัน เวียงพิงค์เบิกตาโตมองเขาอย่างตกใจ เขาก้มหน้าลงแล้วกระซิบชิดปากหล่อนเสียงดุ
“จับได้แล้วตัวแสบ”