บทที่ 4
หนึ่งจันทร์มองดูนาฬิกา ที่เวลาเคลื่อนไปเรื่อยๆ สลับกับมองประตูบ้านที่ยังปิดสนิท ไม่มีคนมาเคาะ ไม่มีเสียงรถเคลื่อนเข้ามา
ยิ่งเข็มนาฬิกาเคลื่อนไปเท่าไหร่ ใจของเธอก็หนักขึ้นเท่านั้น มันเหมือนใกล้เวลาประหาร
สาวน้อยเม้มปากแน่น เธอมองไปที่โต๊ะเล็ก ที่มีอาหารน่ารับประทานวางอยู่ แต่พร่องไปเพียงเล็กน้อย หนึ่งจันทร์กินไม่ลงจริงๆ ยิ่งใกล้เวลาอะไรแบบนี้ เธอถูกส่งไว้ที่หน้าบ้านพักแห่งนี้ มันอยู่ติดทะเลที่เธอไม่รู้ว่าคือที่ไหน แต่นี่น่าจะเป็นหาดส่วนตัว เพราะไม่มีบ้านผู้คนหรือโรงแรมในบริเวณนี้เลย หาดสะอาด สวยงาม ไร้ผู้คน ทะเลสวยน้ำใส...อากาศยามบ่ายกำลังดี ทุกอย่างช่างดูสดใส ยกเว้นก็แต่ใจของหนึ่งจันทร์
เมื่อลงมาจากรถก็มีผู้หญิงคนหนึ่งประกบเธอ ฝ่ายนั้นแนะนำตัวว่าชื่อปราณี แล้วก็มองหนึ่งจันทร์แบบหัวจรดเท้าอย่างประเมินราคา ก่อนจะบอกให้หนึ่งจันทร์เข้าไปในบ้าน
บ้านขนาดใหญ่โต หรูหรา มีสระว่ายน้ำอยู่ในบริเวณบ้านด้วย มันตกแต่งไว้ในสไตล์บาหลี ปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ร่มรื่น ราวกับรีสอร์ตห้าดาวก็ไม่ปาน ถ้าไม่ได้มาเพื่อปฏิบัติงานเฉพาะของตน หนึ่งจันทร์คงจะตื่นตาตื่นใจมาก กับความโอ่อ่านี้
งานเฉพาะ...
เธอจะได้ทำงานนั้นเมื่อไหร่หนอ
เธอถูกส่งมาที่ห้องพักที่หรูหราไม่แพ้ด้านนอก ปราณีบอกให้หนึ่งจันทร์ใช้เสื้อผ้าในตู้ได้ทุกชิ้น...และของในห้องนั้นก็คือของหนึ่งจันทร์ ที่สามารถเอาออกไปด้วยได้ถ้าต้องไปจากที่นี่แล้ว
เธอมาถึงตอนค่ำแล้ว...ปราณีให้คนครัวจัดอาหารมาให้หนึ่งจันทร์ได้รับประทานรองท้องก่อน เปรยบอกให้เธอเก็บท้องไว้ด้วยในตอนมื้อเย็น เพราะเสี่ยตะวันจะเดินทางมาถึงราวสองทุ่ม
‘เธอทำหน้าที่ให้ดีล่ะ เสี่ยไม่ค่อยจะเหมือนคนอื่นสักเท่าไหร่นักหรอก อย่าทำให้เสี่ยขัดใจจนตะเพิดเอา เสี่ยไม่ชอบผู้หญิงที่เยอะเกินไป’
เห็นหน้างงๆ ของหนึ่งจันทร์แล้ว ปราณีที่มีสายตาเย็นชามาตลอดก็อ่อนลงนิดหนึ่งด้วยความเห็นใจ เขตฐานบอกตอนก่อนจะส่งเด็กคนนี้มาให้เธอเตรียมการไว้ให้กับตะวันฉาย ว่าเป็นเด็กที่ต้องการมาจ่ายดอกเบี้ยให้กับเสี่ย ยังเวอร์จิ้น ก็แนะนำเด็กมันไปด้วยว่าจะทำยังไงเสี่ยถึงจะชอบ
ท่าทางซื่อๆ เงอะงะ หน้าตาที่คล้ายคนจะร้องไห้ตลอดเวลาของหนึ่งจันทร์ทำให้ปราณีนึกสงสารและสมเพชไปด้วยพร้อมๆ กัน
เอาน่ะ...เลือกที่จะจ่ายหนี้เป็นสิ่งนี้เธอก็จะแนะนำนิดหน่อย จะได้ไปให้ถูกทาง ได้จ่ายหนี้แค่แต่กับเสี่ยตะวันนี่แหละ
‘ผู้หญิงตอแหล เสี่ยไม่ชอบ อย่าทำดัดจริตสะดีดสะดิ้งเกินไป เสี่ยได้ไล่ออกไปแทบไม่ทัน แต่ก็อย่าทำหน้าตื่นๆ แบบที่เธอทำอยู่ตอนนี้ มันจะทำให้ผู้ชายรู้สึกไม่ดี เหมือนกับเขาเป็นโจรที่จ้องจะข่มขืน ไม่มีใครชอบหรอกนะ’
เธอพนมมือไหว้ปราณี ที่แนะนำ หน้าแดงก่ำกับคำพูดตรงๆ นั้น เสี่ยไม่ชอบคนดัดจริต...เธอก็ไม่เคยดัดจริต ฉะนั้นเขาก็คงจะชอบเธออยู่บ้าง...
แต่ไม่ให้กลัวเขานี่มันก็ห้ามได้ยาก
เธอไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยแม้แต่หนเดียว
เขาจะเป็นคนอย่างไรกันนะ
ตากลมโตมองนาฬิกาอีกที มันเลยเวลาสองทุ่มไปแล้ว...
หรือว่าวันนี้เขาอาจจะยังไม่มา
หนึ่งจันทร์ภาวนาให้เป็นแบบนั้น...
...
“เด็กของเสี่ยมาแล้วนะคะ”
เสียงรายงานจากแม่บ้าน ทำให้ตะวันฉายที่พึ่งลงมาจากรถตู้ ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง พลางพยักหน้ารับ
“อืม...ฉันหิว ตั้งโต๊ะแล้วหรือยัง”
“ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ เอ่อ...จะรับไวน์ หรือว่ารีเจนซี่ดีคะ พ่อครัววันนี้ทำอาหารฝรั่งเศส คิดว่าไวน์น่าจะเข้ามากกว่า คุณเขตส่งไวน์มารอเสี่ยไว้น่ะค่ะ”
“ฉันไม่ดื่มไวน์...”
ตะวันฉายตอบ แค่นี้ก็รู้ว่ามื้อนี้ควรจะมีเครื่องดื่มอะไรบนโต๊ะอาหาร ปราณีโค้งศีรษะรับ เขาเดินขึ้นไปที่ห้องพักของเขาประจำที่มาพักเสมอถ้าเกิดว่ามาที่บ้านหลังนี้
เปิดห้องเข้าไปแล้ว ตะวันฉายก็พอใจ ที่ไม่เห็นมีใครมาป้วนเปี้ยนในห้องนี้ เด็กของเขาคงจะถูกเตรียมไว้ในที่ของหล่อนนั่นแหละ เขตฐานอยู่มานานจนรู้ดี ว่าถ้าใครมาพัก ควรจะเตรียมแบบไหน อย่างไรที่ทำให้เจ้านายชอบใจมากที่สุด
แน่นอนตรงที่ว่าถ้าเป็นตะวันฉายการเตรียมการจะไม่เหมือนใคร
คนที่มาใช้บ้านพักหลังนี้มีเพียงสามคน พ่อเขาเรียกมันว่าบ้านเสพสุข...ก็...ใช้ไว้เสพความสุขจริงๆ นั่นแหละ
เขาเข้าไปในห้องน้ำ จัดการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย เปลี่ยนเป็นชุดสบายตัว เสื้อกล้ามสีดำ กับกางเกงเล...แทนชุดสูทเต็มยศที่สวมมา
เขาใช้มือเสยผมง่ายๆ เป็นขั้นสุดท้ายในการแต่งตัว หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ทาครีมแล้ว มองเงาสะท้อนของตัวเองแวบหนึ่ง เขาไม่ได้มีมาดของเสี่ย...เลยสักนิด ริมฝีปากยกหยักให้กับเงาสะท้อนของตน นัยน์ตาเย็นชาเป็นนิตย์นั้นวูบไหวเล็กน้อยเป็นประกาย ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นแบบเดิม
เย็นนี้เขาจะมีเพื่อนรับประทานอาหาร หล่อนอาจจะเป็นเพื่อนดื่ม แล้วก็เล่าเรื่องอะไรสนุกๆ ให้เขาฟังได้บ้าง เห็นว่าเป็นเด็กจากมหาลัยอันดับท็อปในกรุงเทพฯ จบสถาบันเดียวกับเขาเสียด้วย ถ้าหล่อนคุยรู้เรื่องเขาก็จะชวนคุยเรื่องในรั้วมหาวิทยาลัยขำๆ แต่ถ้าหล่อนคุยไม่รู้เรื่องอยากจะทำอย่างอื่น...ตะวันฉายก็อาจจะขอคิดดูก่อน
เขาเหนื่อยและยังไม่อยากใช้บริการ...เท่าไหร่
เขาคิดขณะที่เดินลงไปยังโต๊ะอาหารมื้อเย็น ที่ตั้งเป็นประจำถ้าเขามาที่นี่ มื้อเย็นจะถูกตั้งที่ริมสระน้ำ เผื่อให้เสพวิวสวยๆ ไปด้วยในขณะที่กินอาหาร
แล้วเมื่อเขาเจอเข้ากับ ‘เด็ก’ คนนั้น
สบตาเข้ากับเจ้าหล่อน
ความคิดที่เคยคิดไว้ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ...