บทที่ 3
เดี๋ยวให้คนไปรับที่มหาวิทยาลัย เธอลาไปเลยอาทิตย์หนึ่ง เสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวทางนี้จะเตรียมจัดให้
ข้อความที่ส่งมาทางไลน์จากเขตฐาน คนที่คุมตัวพ่อเธอไว้และรับหน้าที่เจรจาเรื่องของเธอให้กับเสี่ยตะวัน ทำให้หนึ่งจันทร์เหงื่อถึงกับซึมตามไรผมด้วยความตื่นกลัว มือของเธอเย็นเฉียบ เธอทำตามที่เขาสั่ง...นัดหมายที่รอไว้ที่คาเฟ่ข้างมหาวิทยาลัย เพื่อนสนิทของเธอเห็นอาการของเธอก็ถามไถ่อย่างนึกห่วง
“มีอะไรหรือเปล่าหนึ่ง หน้าตาดูไม่ดีเลย แล้วจะลาตั้งอาทิตย์หนึ่งเลยเหรอ? ใกล้จะต้องทำงานส่งอาจารย์ต๋อมแล้ว จะมาทันเหรอ มีอะไรให้ช่วยไหม?”
“ก็...” เม้มปากเล็กน้อย แล้วฝืนยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะส่ายหน้า
“ทันสิ คิดว่ากลับมาทันแหละ เราไปธุระน่ะ”
“ธุระอะไร?”
ยังไม่วายซักเพื่อนอีกหน พักนี้หนึ่งจันทร์ดูเครียดมาก พริ้มเพราอยากจะรู้เผื่อจะได้ช่วยเพื่อนของเธอได้
เธอกับหนึ่งจันทร์คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย หนึ่งจันทร์เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด และเรียนเก่งมาก มักจะช่วยเหลือเธอเรื่องเรียนเสมอๆ เธอเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของตัวเองกับเพื่อนทุกอย่าง แต่หนึ่งจันทร์นั้นเธอรู้จักชีวิตส่วนตัวของเพื่อนน้อยมาก หนึ่งจันทร์ค่อนข้างเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง และพริ้มเพราก็เคารพตรงนี้ ไม่ได้ซักถามมากหรืออยากจะสอดรู้อะไรกับความเป็นส่วนตัวของเพื่อน แต่หนนี้...เธอนึกเป็นห่วงเพื่อนสาวคนเก่งของเธอมาก เพราะหนึ่งจันทร์ดูเหม่อลอย ยิ้มน้อยครั้ง และเครียดคิ้วขมวดเกือบตลอดเวลา
“อื้อ...ธุระส่วนตัวล่ะ เราต้องไปจัดการเรื่องให้พ่อ”
ตอบแล้วก็หลุดถอนใจเฮือกออกมา พริ้มเพราแตะมือเพื่อน พร้อมกับเอ่ยเสียงนุ่ม
“หนึ่งถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกเราได้นะ เราอะช่วยได้พร้อมจะช่วย เรารู้ว่าหนึ่งกำลังติดขัดเรื่องอะไรบ้าง ไม่ต้องเกรงใจเรานะ บอกได้ทั้งหมดเลย”
คำเอ่ยอ่อนโยน น้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ ทำให้คนที่กำลังตัดสินใจวิ่งชนกำแพงแห่งปัญหาเพราะไร้ทางออกอย่างหนึ่งจันทร์ ถึงกับน้ำตาคลอ
แต่เธอกลั้นมันเอาไว้
เธอจะบอกเพื่อนรักได้อย่างไรว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอ และเธอตัดสินใจแก้ปัญหาแบบนี้ แน่นอนว่าพริ้มเพราจะต้องคัดค้าน ถึงกับอาจจะยื่นมือเข้าช่วย แต่การที่พ่อของเธอไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้น มันจะพานให้เพื่อนของเธออาจจะต้องรับเคราะห์ไปด้วย
ไม่ดีหรอกถ้าจะให้พริ้มเพรามายุ่งกับเรื่องนี้
“ไม่มีอะไรหรอก พริ้ม ไม่ต้องห่วง ปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ แบบขี้ผง เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราจัดการได้ เราเก่ง”
“แนะ ยัยหนึ่ง อย่ามาทำบอกเราว่าขี้ผง แต่จริงๆ แล้วเป็นที่ตักผงฟาดเข้าเบ้าตาเพื่อนนะ”
คำพูดของเพื่อนทำให้หนึ่งจันทร์พอจะหัวเราะขึ้นมาได้บ้าง เพราะดันพูดแบบนึกภาพออก เออ...ตอนนี้เธอก็เหมือนโดนที่ตักผงขยะฟาดเข้าเบ้าตาจริงๆ นั่นแหละ
เจ็ดวัน
แล้วก็จบ...
แค่เจ็ดวันเท่านั้น ที่เธอจะเคลียร์เรื่องของบิดาให้ อาของเธอบอกว่าจะพาพ่อไปอยู่ต่างจังหวัด อยู่ในการควบคุมของลุงเขยที่เป็นกำนันมีอิทธิพลอยู่ทางใต้ จะได้ควบคุมช่วยกันให้พ่อของเธอเลิกยุ่งกับการพนันเสียที
ให้พ้นจากบ่วงหนี้ ให้เอาชีวิตรอดออกมาจากที่ตรงนั้นให้ได้ก่อน
เธอหวังจะให้เขายอมลดให้มากกว่าดอกเบี้ย หนึ่งจันทร์เม้มปากน้อยๆ ใจเต้นแรงขึ้น เธอคนกาแฟในแก้วเล่น ตาเหม่อลอย พริ้มเพราชวนคุยเรื่องซีรีส์ที่เธอชอบ หูของหนึ่งจันทร์ฟังเพื่อนเล่าแต่ก็ไม่ได้เข้าสมองเลยสักนิด เพราะเธอกำลังเครียด
เสียงข้อความดังขึ้น หนึ่งจันทร์ก้มลงมอง แล้วเอ่ยลาเพื่อนสนิท พริ้มเพรามองตามหลังเพื่อน นึกฉงนเล็กน้อยเมื่อเห็นหนึ่งจันทร์ก้าวขึ้นรถตู้คันหรูที่จอดรับ
เพื่อนของเธอไปไหนกันแน่นะ?
มันคือคำถาม ที่คนที่จะตอบได้คือหนึ่งจันทร์เท่านั้นเสียด้วย ส่วนเธอก็ได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง
...........................................................................................................................................................
“ข้าวของส่วนตัวของเธอ ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว”
เขตฐานเอ่ยขึ้น หลังจากที่รับไหว้หนึ่งจันทร์ที่ก้าวขึ้นมาบนรถแล้ว สาวน้อยมีเพียงกระเป๋าสะพายและหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยที่ถือติดตัวขึ้นมาเท่านั้น
“ค่ะ”
เธอมองกวาดไปบนรถ มีเพียงเขตฐานที่นั่งกับเธอ มีชายอีกสองคนอยู่ด้านหลัง และคนขับ ไม่มีใครที่จะส่อว่าเป็นเสี่ยตะวัน...เจ้าของบ่อน
“เอาใจเสี่ยหน่อย เสี่ยอาจจะเป็นคนนิ่งๆ เอาใจยากไปนิด แต่ฉันเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีมารยาทั้งนั้น”
เขตฐานพูดเปรย เหมือนจะบอกกล่าว เขายิ้มนิดๆ อย่างเจ้าเล่ห์ส่งให้กับหนึ่งจันทร์ เจ้าหล่อนสวย ดูมีโปรไฟล์ มันจะทำรายได้ดีมากถ้าเกิดว่าไปเป็นตัวท็อปที่ร้าน...
ร้านที่เปิดเฉพาะสำหรับคนกระเป๋าหนัก สาวเวอร์จิ้นเป็นที่ประมูลราคา สาวมีโปรไฟล์ก็เช่นกัน โปรไฟล์ดีเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง เด็กเรียน หน้าตาสะสวยท่าทางเรียบร้อย ทำให้คนที่ได้ไปเหมือนอยู่กับเด็กสาวบริสุทธิ์แสนสะอ้าน มีสมอง...แน่นอนว่าหลายคนน่าจะชอบ
ถึงจะไม่เวอร์จิ้นแล้วก็ยังราคาไม่มีตก เพราะรูปลักษณ์ของหล่อน หนึ่งจันทร์ควรจะใช้รูป...ให้เป็นทรัพย์ได้อย่างมหาศาลเลยล่ะ
เขาก็ควรจะได้ส่วนแบ่งนั้น ร้านเฉพาะที่ว่าเขาเปิดเองเก็บเองและเลือกลูกค้าเอง ไม่ได้แบ่งปันกับเจ้านายทั้งสอง
ร้านที่เปิดขึ้นลับๆ เฉพาะคนรู้กัน
“ถ้าเธอเอาใจเสี่ยดี หนี้ก็อาจจะหมดนะ”
“ค่ะ”
รับคำสั้นๆ แล้วก็ก้มหน้างุด หนึ่งจันทร์รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งของอะไรสักสิ่ง ที่ไม่ใช่มนุษย์...เธอยอมขายศักดิ์ศรีเพื่อผู้มีพระคุณซึ่งได้ให้กำเนิดชีวิตเธอมา...
ทำแบบนี้ถูกแล้ว
สาวน้อยบอกตนเอง
เธอยอมแลกความบริสุทธิ์ ยอมทุกอย่างเพื่อพ่อ...
“ถ้าเกิดว่ายังไงแล้ว อยากจะทำงานต่อ งานดีเงินดี ฉันก็พร้อมจะรับเธอไว้ทำงานนะ”
เขตฐานว่า หากหนึ่งจันทร์สั่นหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มให้กับเขา
“หนูคงไม่ทำแล้วค่ะ คงจะทำกับเสี่ยตะวันเป็นคนแรกและคนสุดท้าย”
“อื้ม เอาน่ะ เก็บไว้พิจารณาเถอะ อะไรที่เสียไปแล้วก็ทำให้มันเป็นประโยชน์ไปเสีย”
เขตฐานยังคงกล่อม และเขากำลังมองสินค้าเกรด aaa บวกตรงหน้าอย่างประเมินราคา เขาคงจะตื๊อหล่อนไปอีกพักแน่ ถ้าเกิดว่าจบงานกับเสี่ยแล้ว
เขาหรี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์
อะไรที่เขาอยากจะได้ไว้ เขตฐานมีวิธีเอามันมาให้ได้เสมอ