บทที่ 4
สิชลมองไปยังเรือยอร์ชที่ลอยลำอยู่ตรงหน้าอย่างพอใจ การล่องเรือตกปลา ดำน้ำ กิจกรรมแบบนี้มันเป็นของโปรดของเขา เขารักทะเลเมืองไทย ไปมาหลายประเทศทั่วโลก แต่เขาก็ยังรักที่จะกลับมาที่นี่ นายเรือยกมือไหว้เขาและเอ่ยทักทาย เพราะคุ้นชินกัน ยามออกเรือสิชลจะใช้บริการของนายเรือคนนี้เสมอ
“ไม่มานานเลยนะครับท่าน ผมคิดถึงมากๆ”
“อืม...ฉันไปเมืองนอกมาน่ะ ไปทำงาน”
“ขึ้นมาเลยครับท่าน ผมจะพาไปตกหมึกทำซาซิมิกินฟินๆ”
นายเรือว่า แล้วยื่นมือมารับสิชล เขาขึ้นบันไดไปด้วยความคล่องแคล่ว และโบกมือให้ประพัทธ์ ที่ยืนมองนายอย่างระแวดระวังตรงท่าเรือ ประพัทธ์มักจะตัวติดเขาตลอดเวลา ยกเว้นก็เวลาขึ้นเรือ ที่ประพัทธ์ไม่สู้เลยจริงๆ เพราะเขาเมาเรือนั่นเอง จึงได้แต่ส่งตัวแทนไปดูแลนายแทนตัวเอง
“ดูแลท่านด้วยนะ”
เขาไม่วายสั่ง แล้วโบกมือให้กับนายเรือและสิชล ที่โบกมือตอบ ก่อนที่เสียงเครื่องเรือจะติดและค่อยแล่นออกไปจากฝั่ง
ประพัทธ์กลับไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่ เขากลับไปที่บ้านพักของนายก่อน เพื่อเตรียมอาหารเย็นไว้รอ และ...ของเซอร์ไพรส์
เขายิ้มนิดๆ เมื่อส่งข้อความไปถามไถ่ ทางนั้นตอบกลับมาว่ากำลังเดินทางไป เย็นวันนี้เจ้านายของเขาจะต้องประหลาดใจและมีความสุขแน่นอน
...........................................................................................................................................................................
คิราอรได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แม่บ้านมองเธออย่างชื่นชม และจำได้ว่าคิราอรเป็นดารา อยากจะขอถ่ายรูปเธอ แต่คิราอรผู้ที่รู้ว่าตนมาทำหน้าที่อะไรในวันนี้ รู้สึกละอายมากจนหน้าแดงเถือก และขออนุญาตแม่บ้านว่า เธอไม่สะดวกให้ถ่ายรูป ทางนั้นก็ไม่ว่าอะไร มองเธออย่างเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะยิ้มส่งให้เธอและเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเจอกันหนหน้า คุณต้องให้ป้าถ่ายรูปด้วยนะคะ”
เธอพยักหน้าแล้วพยายามฝืนยิ้มให้ ดูแม่บ้านจะชอบเธอจริงจัง ขอเวลาให้คิราอรอีกนิด...เธออาจจะยอมถ่ายรูปกับอีกฝ่ายหนึ่ง ขอเวลา...
ประพัทธ์มาปรากฏตัวไล่เลี่ยกับเธอ เมื่อเขาพบว่าเธอกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก มีแม่บ้านนำน้ำและขนมมาเสิร์ฟแล้วเรียบร้อย เขาก็เอ่ยแนะนำตัวและทักทายเธอ สีหน้าของเขาดูเป็นมิตร ยิ้มแย้ม พูดคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่มันกลับไม่ได้ช่วยผ่อนคลายอะไรให้กับคิราอรได้เลยแม้แต่น้อย
เธอนึกถึงยาเม็ดสีขาวที่สามียัดใส่มือให้ก่อนออกมา
บางทีเธออาจจะใช้มัน...
คิดเสียว่ามันคือละครอีกบทที่เธอจะต้องทำ และจะต้องทำให้ดีที่สุดเสียด้วย
เธอจะต้องผ่านไปให้ได้
คนเขียนบท คนกำกับและคนแสดงหนนี้คือเธอ กับบทบาทของหญิงสาวที่ถูกนำมาบรรณาการให้กับมหาเศรษฐี เธอพยายามจินตนาการหน้าของสิชล...ให้ตายเถอะ เธอคิดหน้าของเขาไม่ออก นั่นเพราะตั้งแต่รู้ว่าสามีจะให้เธอเป็นเพื่อนเที่ยวแบบไหน จิตใจของเธอก็ราวกับจมลิ่วลงอเวจี ไม่อยากรับรู้อะไรเลย
เธออาจจะคิดว่าเขาคือคนรักเก่า?
ถ้าถึงเวลาตอนนั้น
คิราอรฝืนยิ้มให้กับประพัทธ์ที่ทักทายเธออย่างสุภาพ และชวนเธอคุย ไม่มีคำพูดจาใดๆ ที่ทำให้คิราอรรู้สึกแย่ แต่ใจของเธอกำลังขึงตึงแล้วเต็มที่เพราะความหวาดกลัว
“ท่านจะกลับมาราวๆ สองทุ่มนะครับ ผมอยากจะขอให้คุณ เอ่อ อยู่ในห้องก่อน ผมอยากจะเซอร์ไพรส์ท่าน คุณคือของขวัญสำหรับท่านครับ”
“ค่ะ”
เธอยิ้ม ทว่าตาของเธอโศกเศร้านัก ประพัทธ์กระแอมเบาๆ เขาเห็นสายตาของเธอ นึกเห็นใจขึ้นมาบ้างแต่ก็แค่นิดเดียว สำหรับเขา ความพอใจของท่านเหนือกว่าความรู้สึกใดๆ ของคนอื่นอยู่แล้ว
“เอ่อ...อยากจะได้อะไรดื่ม ก็บอกผมนะครับคุณคิรา แล้วผมหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ท่านต้องรู้สึกแย่...ผมอยากให้คุณเป็นของขวัญกับท่าน”
เขาย้ำคำว่าของขวัญ
คำขู่ของสามีที่ก้องในหูตลอดเวลาทำให้คิราอรยิ้มและพยักหน้าให้กับประพัทธ์
“ค่ะ ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้าจะกรุณาฉันอยากจะขอเหล้า...สักขวดได้ไหมคะ”
คิ้วเข้มของประพัทธ์เลิกขึ้น
“ได้สิครับ แต่อย่าดื่มมากเกินไปนะครับ ท่านไม่ชอบผู้หญิงเมา”
“ค่ะ”
ตอบรับเขาไป และบอกกล่อมตัวเอง ว่าเธอจะต้องรับงานแสดงให้ดีที่สุดในคืนนี้
ทำให้ได้นะคิรา ทำให้ได้...
บอกกับตัวเองแม้จะน้ำตาจะตกใน
เธอมีแค่ความคาดหวังไว้ในใจว่าสิชล จะไม่โหดร้ายกับเธอ...และไม่ทำให้เธอฝืนใจจนเกินไปนัก
เธอหวังว่าจะเป็นแบบนั้น
เริ่ม!
เธอตะโกนบอกกับตัวเองในใจ และสวมวิญญาณนักแสดง คิดบทขึ้นมาสดๆ และเริ่มซักซ้อมกับตนเอง เพื่อความพอใจของ...พระเอกของเธอในค่ำคืนนี้