ตอนที่ 8 แตกต่าง
“เธอมีความคิดที่จะกลับไปรวมกลุ่มกับรัฐบาลไหม?” แคนดี้กล่าวถามอริส ซึ่งทั้งสองกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างจริงจัง เนื่องจากเราต้องการคนที่มีเป้าหมายเดียวกับเรา
“ถ้าฉันจะกลับไป ฉันจะกลับไปถามแค่อย่างเดียวว่า…ทำไมถึงไม่มาช่วยฉัน”
“ฉันก็เป็นมนุษย์คนนึง” อริสกล่าวด้วยความโมโห
“แต่พวกเธอไม่ใช่ ยิ่งชายคนนั้น คาร์เทียร์”
“เขาดูแตกต่าง” อริสกล่าวก่อนจะหันมามองผมที่กำลังเล่นกับควีนอยู่ โดยการจิ้มแก้มกันไปมา ซึ่งมันเป็นเพราะเธอเป็นมนุษย์ทดลอง ความรู้สึกของเธอจึงไม่มีอารมณ์ใดๆ
“ฉันจะอยู่กับพวกเธอจนกว่าเชื้อไวรัสบ้านี่จะหมดไปจากโลก” อริสกล่าวอีกครั้ง และครั้งนี้เธอกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจมาก
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่า…มันจะไม่หมดไปจากโลกนี้ล่ะ?” ผมกล่าวแทรกทั้งสอง ทำให้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว
“เดี๋ยวนักวิทยาศาสตร์ก็จะหาคำตอบจากเชื้อนี้ได้เอง” อริสกล่าว
“เธอไม่ได้ยินเสียงที่พระเจ้าประกาศเหรอ?”
“มันจะอยู่ไปตลอด 366 วัน”
“และเราก็ต้องมีชีวิตรอดกันไปถึงตอนนั้น”
“ซึ่งระหว่าง 366 วัน พวกมันก็จะวิวัฒนาการตัวเองด้วย”
“เราไม่สามารถอยู่รวมกับคนหมู่มากได้” ผมกล่าว
“ฉันได้ยิน และฉันก็ได้ยินจากเสียงนั้นว่ามีผู้ปกป้องจากเทพบรรพกาลอยู่ด้วย”
“ขอเพียงเราหาเขาเจอ เขาจะปกป้องพวกเรา” อริสกล่าวอย่างมั่นใจ
‘เก็บทุกรายละเอียดเลยนะ’ ผมกล่าวในใจ
‘ก็เธอเป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนไม่ใช่รึไง’ แคนดี้ตอบกลับผม ซึ่งผมได้ดูอนาคตแล้ว ถ้าผมเปิดเผยกับคนพวกนี้ว่าผมเป็นใคร พระเจ้าจะยังคงไม่ประกาศวิวัฒนาการอีกขั้น
ฟึบ
ผมจึงถอดเสื้อบอดี้สูทออกทันที ปรากฏรอยสักรูนบนตัวของผมเต็มไปหมด ทุกคนที่ได้เห็น แม้จะเห็นอีกครั้งก็ยังตาค้างไปพร้อมๆกัน
“ใช่ เขาจะปกป้องเอง” ผมกล่าว
“คนนึงจะมีรูนได้เพียงรูนเดียว”
“แต่นายมีรูนครบทุก 24 อักษร”
“นายคือผู้ปกป้องจากบรรพกาล…” อริสกล่าวตามความคิดของเธอ ผมจึงยกยิ้มออกมา
“ทุกคนต้องเก็บความลับนี้ไว้ด้วย”
“เพราะถ้าหากทั้งโลกรู้ตัวตนของคาร์เทียร์”
“พระเจ้าจะวิวัฒนาการซอมบี้ไประดับถัดไปทันที” แคนดี้กล่าวอย่างจริงจัง
“แต่ถ้าทั้งโลกร่วมมือกัน เราจะรอดจากไวรัสซอมบี้ได้” อริสกล่าว
“เธอยังไม่เข้าใจ การวิวัฒนาการของซอมบี้ยิ่งระดับมันเพิ่มขึ้น มันจะยิ่งโหดขึ้นมากๆ”
“เธอลองคิดสภาพถ้าตอนนี้มีซอมบี้กลายพันธ์ตัวใหญ่ยักษ์ไล่ล่าเธอ เธอจะรอดจากมันได้ไหม?” ผมกล่าวถามกลับไป
“ไม่ แต่ถ้าเราร่วมมือ-” อริสยังคงยึดมั่นในความสามัคคี
“ฉันไม่ได้กล่าวถึงการร่วมมือ แต่กล่าวถึงการเอาชีวิตรอดของเธอ”
“หรือต่อให้พวกทหารสิบคนเจอกับซอมบี้กลายพันธ์ พวกเขาก็ไม่รอด"
“มันไม่ได้หวังจะกินเนื้อมนุษย์”
“แต่มันต้องการที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุมนุษย์”
“ทุกคนบนโลกในตอนนี้ยังไม่มีใครพร้อมที่จะเจอกับสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้น”
“ซอมบี้ที่วิ่งได้ กระโดดได้ ปีนได้ และแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปเป็นเท่าตัว”
“ปืนไม่สามารถเจาะกระโหลกพวกมันได้ในเพียงนัดเดียว”
“สิ่งที่เราต้องทำคือรวบรวมบุคคลที่มีความสามารถ”
“และจัดระเบียบมนุษย์กันใหม่” ผมกล่าว เพราะแน่นอนว่าอีกไม่นานจะมีการตั้งกลุ่มกันขึ้น เราต้องแข็งแกร่งกว่าทุกกลุ่ม และปกครองพวกเขาให้ล่าแต่ซอมบี้
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” อริสกล่าวเมื่อนึกภาพตามสิ่งที่ผมกล่าวไปเมื่อครู่
“แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง?” อริสกล่าวถามแคนดี้ เพราะดูเหมือนแคนดี้จะเป็นคนสั่งการให้ทุกคนทำภารกิจของตัวเอง รวมถึงตัวผมที่เป็นผู้ปกป้องจากบรรพกาลด้วย
“ความเป็นผู้นำของเธอ เดี๋ยวต่อไปจะมีผู้มีความสามารถเพิ่มขึ้น”
“เธอจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยคอยควบคุมพวกเขา” แคนดี้กล่าวระหว่างที่ผมเตรียมสวมชุดเกราะเพื่อออกไปตามหาตัวเค
“ให้ฉันไปด้วยไหม?” อริสกล่าวถามผม
“ไม่เป็นไร เธอรอคำสั่งจากแคนดี้ก็พอ”
“เดี๋ยวฉันไปกับควีน” ผมกล่าวก่อนที่ควีนจะปีนตัวผมขึ้นมานั่งขี่คอผม
“ไปกับเด็กตัวเล็กเนี่ยนะ!?" อริสตกใจมาก เพราะในสถานการณ์แบบนี้เด็กจะเป็นตัวถ่วง
“ไม่ต้องห่วง เธอแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิดมาก” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปที่จอดรถ และขึ้นคร่อมบิ๊คไบค์คันเดิม
“ควีน นั่งบนเบาะดีกว่า"
“ขี่คอแบบนี้มันอันตราย” ผมกล่าว และเมื่อผมกล่าวควีนก็ตั้งใจฟังคำสั่งของผมเป็นอย่างดี เธอลงจากคอของผมและไปนั่งเบาะข้างหลังผมพร้อมกับกอดผมไว้แน่น
“เดี๋ยวกลับมา" ผมกล่าวกับเวียร์ หลังจากเขาเปิดประตูให้ผม และผมก็ขับรถออกไปทันที
3 ชั่วโมงผ่านไป
“เคลียร์ทางซ้ายให้หน่อย” ผมกล่าวเมื่อเราเข้ามาในโรงแรมที่เคพักอยู่ ซึ่งเคไม่ได้อยู่คนเดียว เขาอยู่กับลูกน้องอีกสองคน
ฉับ ฉึก ฟุบๆ ฉึก
หลังจากที่ผมกล่าวจบ ควีนก็ได้วิ่งไปใช้มีดแทงหัวซอมบี้ที่นั่งอยู่ และกลิ้งไปถีบซอมบี้อีกตัวจนมันชนเข้ากับกำแพง พร้อมกับเธอที่ใช้มีดแทงทะลุหัวซอมบี้จนมีดกระทบกับกำแพงเลยทีเดียว เมื่อผมเห็นว่าฝั่งของควีนไม่น่ามีปัญหาอะไร ผมจึงหันกลับมาดูฝั่งตัวเองที่มีซอมบี้เจ็ดตัว และพวกมันกำลังเดินมาหาผมเมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้จากควีน
ฉับ!
ผมเปิดด้วยซอมบี้ตัวแรกที่ใกล้ผมที่สุดโดยการใช้ขวานสับไปที่หัวของมันจนร่างของมันทรุดลงพื้น ตามด้วยจัดการตัวต่อๆไป ในช่วงแรกๆนี้พวกมันไม่สามารถทำอะไรผมได้เลย เพราะมันยังวิวัฒนาการแค่เดินเร็ว แต่ถ้าหากมันวิ่งได้เมื่อไหร่ แม้แต่ผมเองที่ย้อนเวลากลับมาก็ต้องระวังตัว
ฟึบๆๆๆๆๆ
เสียงใบพัดของแฮรีคอปเตอร์ดังไปทั่วตึก มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี เพราะเดาว่าพวกเขาคงจะมาพาตัวเคไปเหมือนกัน แต่ทางฝั่งผมได้ติดต่อกับเคไว้ก่อนแล้วนะ
“รีบไป!” ผมกล่าวกับควีนทำให้เธอกลับมาหาผมและก็วิ่งไล่ฆ่าซอมบี้ระหว่างทางจนไปถึงหน้าห้องที่เต็มไปด้วยซอมบี้ ผมจึงไม่รอช้ารีบหยิบปืนพกเก็บเสียงออกมายิงหัวพวกซอมบี้ตายกันไปหมดทันทีพร้อมกับเคาะประตูนั้น โดยผมได้ใช้สัมผัสจากพลังรูนดูแล้วว่าข้างในมีผู้รอดชีวิตอยู่สี่คน และดูเหมือนผมจะมีความคุ้นเคยกับหนึ่งคนในนั้นอยู่ด้วย
ฟึบ
“คุณเค” ผมกล่าวเมื่อได้เห็นเคมาเปิดประตู และได้เห็นผู้คนในห้องต่างเตรียมอาวุธจะโจมตีผม แต่ผมก็ได้ยกมือขึ้นให้เห็นว่าผมมาอย่างเป็นมิตร
“คุณคือคาร์เทียร์น้องชายของเจ้าเด็กนั่นเหรอ?” เคกล่าวถามผม ซึ่งเจ้าเด็กนั่นที่เขากล่าวน่าจะเป็นแคนดี้
“ครับ” ผมตอบกลับก่อนจะเข้าไปในห้องและปิดประตูลง
“คุณบาดเจ็บเหรอ?” ผมเดินไปกล่าวถามหัวหน้าหน่วยรบพิเศษที่เคยมาช่วยผมไว้ที่โรงยิม ซึ่งดูเหมือนเขาจะถูกยิงที่บริเวณเอว
“ปืนลั่น ฉันประมาทเกินไป”
“คนในหน่วยก็เลย…” เขากล่าวและเหลือบไปมองที่ระเบียง ซึ่งผมก็ได้เห็นศพของทหารอยู่สี่คน เดาว่าพวกเขาคงจะกลายเป็นซอมบี้
“ไปกันเถอะ” ผมกล่าวกับเคอย่างรีบร้อน
“หน่วยปฏิบัติการพิเศษกำลังมาช่วย ไม่ต้องรีบก็ได้” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าว
“ไม่ครับ ผมมาพาตัวคุณเคไป" ผมกล่าวทำให้เคสับสน รวมถึงลูกน้องของเขาอีกสองคนด้วย เพราะอีกฝ่ายเป็นรัฐบาลที่จะมารับตัวพวกเขา แต่ผมเป็นเพียงตำรวจคนหนึ่งกับเด็กสาวตัวผอมแห้ง ส่วนคนที่ส่งผมมาก็เป็นแค่ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก
“นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
“ตอนนี้รัฐบาลต้องการกำลังอย่างมาก”
“และคุณเคก็เป็นบุคคลสำคัญด้วย”
“ฉันไม่ยอมให้คุณเคไปกับนายเด็ดขาด!” เขากล่าวก่อนจะยกปืนขึ้นมา แต่เมื่อปืนได้ขึ้นลำ ปรากฏมีมีดปริศนาถูกเขวี้ยงไปจากข้างหลังผมทำให้ปืนนั้นปลิวไปติดอยู่ที่กำแพง
“รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้”
“ผมต้องพาตัวคุณเคไป”
“ขอโทษด้วยครับ” ผมกล่าวก่อนจะยื่นมือไปจับแขนคุณเคและดึงเขาไปที่ประตู
ก๊อกๆ
‘เวรจริงๆ’ ผมกล่าวในใจ ทำให้ควีนเตรียมมีดเล่มใหม่ทันที
‘เกิดอะไรขึ้น?’ แคนดี้กล่าวถามผมกลับทันทีที่ได้ยินเสียงผมในใจ
‘ทหารมาเกี่ยว’
‘ควีน ห้ามฆ่าพวกเขา ทำให้สลบก็พอ’ ผมกล่าวในใจจบควีนก็เก็บมีดทันที
ฟึบ ผลั๊วะ ตึง!
ผั่บ! ฟุบๆ แกร๊ก ตุบ
ผมได้เปิดประตูออกไปพร้อมกับใช้ศอกเหวี่ยงไปที่ปลายคางของทหารที่เคาะประตู และก็จัดการคนทางด้านขวาอีกสองคนโดยการผลั่กคนหนึ่งให้เสียหลักชนกำแพงและไปหักปลายปืนของอีกคนก่อนจะจับหัวของเขากระแทกเข้ากับเข่าของผมอย่างเต็มแรง และกลับไปรัดคอของชายที่ชนกำแพงจนเขาหมดสติไป ส่วนทางด้านซ้ายก็เป็นฝั่งของควีน ดูเหมือนเธอจะหักแขนทหารไปคนหนึ่ง ส่วนอีกคนก็สลบไปนอนกองบนพื้นเรียบร้อย
“อีกสามคนน่าจะอยู่ที่ฮอ”
“ไปกันเถอะ” ผมกล่าวพร้อมกับเดินนำพวกเคไปด้านล่างตึกที่เป็นลานจอดรถ ซึ่งจากตอนแรกที่ลูกน้องของเคลังเล เมื่อพวกเขาเห็นเราต่อสู้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พวกเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันห่างชั้นกันขนาดไหน ขนาดอีกฝ่ายอาวุธชุดเกราะครบ แถมยังมีจำนวนตั้งห้าคน เรามีกันแค่สอง อีกคนเป็นแค่เด็กสาว แสดงว่ากลุ่มของเรานั้นแข็งแกร่งกว่าเยอะมาก พวกเขาจึงยอมตามมาแต่โดยดี
บรื้นน
พร้อมกับพวกเราที่ออกเดินทางกลับไปที่ฐานที่มั่นของเรา โดยพวกเขาก็ขับรถตามมาอย่างไม่ตุกติกอีกด้วย เพราะมีควีนนั่งไปกับพวกเขา ถ้าตุกติกก็เจ็บตัว และพวกเขาคงไม่อยากลองดีกับเด็กที่เอาชนะหน่วยปฏิบัติการพิเศษพร้อมกับถึงสองคนได้หรอก
ผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง
“ภารกิจเสร็จสิ้น” ผมกล่าวเมื่อแคนดี้มายืนรอต้อนรับที่หน้าหมู่บ้าน ซึ่งในตอนนี้บอดี้การ์ดของเธอกับอริสกำลังไล่จัดการซอมบี้รอบหมู่บ้านอยู่
“ขออนุญาติตรวจค้นครับ” เวียร์กล่าวก่อนจะทำหน้าที่ของเขาโดยการตรวจร่างกายคนของพวกเค ส่วนผมกับควีนก็เดินกันไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำล้างร่างกายเปลี่ยนชุดและค่อยลงมา ซึ่งแน่นอนว่าเราอาบน้ำพร้อมกันเพราะดูเหมือนควีนจะติดผมมาก เธอไม่ห่างจากผมเลย นี่เป็นข้อเดียวที่ผมไม่สามารถสั่งเธอได้
“แคนดี้ รู้ตัวไหมว่าไปมีเรื่องกับพวกทหารเข้าแล้ว?” เค กล่าวถามพอดีกับที่ผมเดินลงมา
“รู้ แล้วก็เป็นสองคนนั้นใช่ไหมที่ชนะ” แคนดี้กล่าวก่อนจะหันหน้ามามองผมที่เดินลงมาจากบันไดพร้อมกับควีนที่ขี่คอผมอยู่
“นั่นมันก็ถูก แต่อีกฝ่ายอาจจะตามมาได้นะ” เคกล่าวอย่างกังวล
“ก็ให้พวกมันมา” อริสกล่าว พอพูดถึงการช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้วเธอก็ของขึ้นทันที
“แล้วนี่ใครอีก?” เคกล่าวถาม
“หัวหน้าหน่วยสืบสวน" แคนดี้กล่าวอย่างใจเย็น และหลังจากนั้นพวกเขาก็ปรับความเข้าใจกันยาวโดยมีอริสยืนคุมอยู่ข้างๆ